บท
ตั้งค่า

ดวงตะวันยามบ่าย4

‘นอนหรือยัง ’ เสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ช่วยดึงหญิงสาวออกจากความทุกข์ได้ช่วงหนึ่ง

‘ยังค่ะ’

‘ทำอะไรอยู่’

‘เดินเล่นในสวนค่ะ พอดีนอนไม่ค่อยหลับ’

‘มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ’

ปานตะวันเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะความรู้สึกตอนนี้เธออยากคุยกับตัวเอง มากว่าคุยกับใคร ถึงแม้ว่าศิขรินจะเป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทเพียงคนเดียวของเธอในตอนนี้ แต่บางอย่างตะวันบอกกับตัวเองว่าควรเล่าให้ตัวเองฟังก็พอ

อีกมุมหนึ่งของบ้านพิมานหยิบรูปภรรยามานั่งพูดคุย เขาชอบที่จะทำแบบนี้ทุกวัน เหมือนภรรยาของเขายังอยู่ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีความทุกข์ ความสุข กลับมาจากทำงานก่อนเข้านอน เขาจะต้องมารายงานรูปถ่ายภรรยาในทุกๆคืน วันนี้ก็เช่นกัน

“วิ วันนี้พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ตัดสินใจมันจะเป็นสิ่งที่ผิดไปไหม แต่...พี่ทำเพราะรักลูกมาก พี่เหลือเวลาไม่มาก ก็จะได้ไปอยู่กับวิ แต่...ลูกต้องอยู่โดยไม่มีพี่อีกแล้ว พี่อยากเห็นเขาเข้มแข็งก่อนที่พี่จะจากไป วิเป็นกำลังใจให้พี่นะ ”

รูปวิกานดาถูกดึงมาแนบอก เหมือนว่ารูปนี้มีพลังพิเศษสามารถส่งความรักความอบอุ่นแทรกซึมเข้าสู่หัวใจของชายชาติทหารที่กำลังจะหมดแรง ทั้งแรงกายและแรงใจมันอ่อนแรงลงทุกที

เช้านี้ปานตะวันไม่ได้อยู่รอกินข้าวกับผู้เป็นพ่อ แต่พิมานก็เข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดี เขาคงต้องให้เวลาลูกสาวในการปรับตัว พิมานใช้เวลาที่เหลือก่อนจะเดินทางไปชายแดนวางแผนเรื่องความปลอดภัยของปานตะวันเพราะเธอเป็นผู้หญิง เหล็กดัด รั้วเหล็กแหลม ถูกเอามาติดรอบบ้าน กล้องวงจรปิด ที่มองเห็นทุกจุดทุกมุม และความคิดหนึ่งก็ผลุดคิดขึ้นมาในหัว เขาควรหาสุนัขสักตัวมาอยู่เป็นเพื่อนปานตะวัน มันจะช่วยคลายเหงา เฝ้าบ้าน และเธอจะได้ฝึกการดูแลคนอื่นบ้าง

“คุณอาสวัสดีค่ะ”

“ลมอะไรหอบ หลานสาวมาหาแต่เช้า มีธุระอะไรโทรมาก็ได้นะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” ชนินทร์กล่าวทักทายลูกสาวของเพื่อนทั้งที่ความจริงเขารู้อยู่แล้วว่าปานตะวันมาด้วยเรื่องอะไร

“คุณอาทราบเรื่องที่พ่อขอไปช่วยราชการที่ใต้หรือเปล่าคะ” ปานตะวันไม่รอรีรีบเข้าเรื่องเพราะหัวใจมันรุ่มร้อนเหลือเกิน

“อารู้แล้ว”

“แล้วคุณอาไม่ห้ามพ่อบ้างเหรอคะ มันอันตราย พ่อสุขภาพก็ไม่ค่อยดี อายุก็มากแล้ว” ปานตะวันรู้สึกตัวว่าทำกริยาไม่เหมาะสม เมื่อเห็นสายตาของชนินทร์ที่มองอย่างแปลกใจ

“ตะวันขอโทษค่ะ ที่พูดจาไม่น่ารัก แต่ ! ตะวันเป็นห่วงพ่อค่ะ” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเมื่อสติเริ่มคืนมา

“ตะวันหนูฟังอานะ พ่อของหนูเขาอยากไปรับใช้ชาติและอยากกลับไปอยู่บ้านหลังเก่าที่เขาเคยอยู่กับแม่ของหนูที่ใต้ ที่นั่นอากาศดี ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบ พ่อของหนูอาจจะสุขภาพดีขึ้น ไปไม่นานเดี๋ยวก็ได้พัก หนูคิดถึงก็ลงไปหาพ่อเขาสิ เดี๋ยวปิดเทอมอาพาไปก็ได้ พาเจ้ากานต์ไปเที่ยวด้วย”

คำว่าไปไม่นาน เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว ปานตะวันกับชนินทร์รับรู้ความหมายที่ต่างกัน ความหมายที่แท้จริงคือการพักตลอดไป แต่มันคงยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้เพราะพิมานคิดว่าต้องให้เวลากับลูกสาวอีกสักพัก

“คุณอา ตะวันจะอยู่ได้อย่างไรคะ พ่ออยู่ไกลขนาดนั้น พ่อไม่ห่วงตะวันแล้วเหรอคะ” น้ำใสไหลลงมาอาบแก้มชมพูอีกรอบ ความอ่อนแอมันแล่นอยู่ทุกพื้นที่ของหัวใจตอนนี้

ชนินทร์ต้องรวบรวมจิตวิทยาที่เคยเล่าเรียนมาเพื่อใช้ในการปลอบโยนและอธิบายเหตุผลที่เขาพูดได้แค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“ฟังอานะ พ่อไม่สามารถจะอยู่กับหนูไปได้ทั้งชีวิต เหมือนที่อาก็ไม่สามารถอยู่กับพี่กานต์ไปได้ทั้งชีวิตเหมือนกัน พ่อเขามีเหตุผลของเขา และอาเชื่อว่าเหตุผลอื่นๆที่เขามีก็ล้วนเพื่อลูกสาวสุดที่รักเท่านั้น เวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเข้าใจเหตุผลของพ่อ ถ้าหลานรักพ่อ อยากให้พ่อมีความสุข ต้องใช้ชีวิตคนเดียวให้ได้ พ่อเขาไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ อาจะช่วยดูแลหนูอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำให้พ่อเขาเป็นกังวลมันบาปนะ เดี๋ยวปิดเทอมไปเที่ยวใต้กัน ทะเลที่นั่นสวย เดี๋ยวอาพาไป”

ด้วยน้ำเสียงบวกกับบุคลิกภาพที่อ่อนโยนทำให้ปานตะวันเริ่มทำใจยอมรับ และเข้าในในเหตุผลของพ่อ ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอยู่ในใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่พ่อบอกเธอและคนที่รู้ดีที่สุดนอกจากพ่อก็คือคุณอาชนินทร์ แต่ถึงดึงดันอยากรู้ไปก็ไม่มีใครยอมบอกเธอแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่เธอควรรู้คงมีใครสักคนบอกเธอ

เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนพิมานก็ต้องเดินทางไปช่วยราชการที่ใต้ ครั้งนี้เขาไปเพียงแค่เดือนเดียวและจะได้พักครึ่งเดือน ความจริงแล้วมันตรงกับช่วงพบหมอ ชนินทร์อำนวยความสะดวกในเรื่องของเวลาให้เพื่อนเป็นอย่างดี

“ปานตะวัน มานั่งข้างๆพ่อมา ” พิมานเรียกลูกสาวคนเดียวมานั่งข้างๆเพื่อเตรียมบอกกล่าวรายละเอียดการใช้ชีวิตในระหว่างหนึ่งเดือนที่เขาไม่อยู่

“กับข้าวพ่อสอนทำคั่วกลิ้ง พะโล้ ของชอบหนูและมันสามารถเก็บไว้กินได้นาน หนูทำได้แล้วนะ” ปานตะวันพยักหน้าแทนคำตอบ

“พรุ่งนี้พี่กานต์จะเอาเพื่อนของลูกมาส่งหนึ่งตัว เป็นสุนัขพันธุ์ไทยผสม ลูกคงดูแลมันได้นะ จะได้มีเพื่อน คุณอาจะแวะมาหาสัปดาห์ละครั้ง เพื่อพาหนูไปซื้อของต่างๆ เลิกเรียนแล้วรีบกลับบ้านอย่าให้พ่อเป็นห่วง” คำสุดท้ายเสียงคนพูดเริ่มสั่นเครือแต่ต้องฝืนกลืนหยดน้ำตาลงคอย่างรวดเร็ว

เวลาที่ปานตะวันไม่อยากให้มันมาถึง มันก็มาถึง เวลานั้นเป็นไปตามที่ทุกอย่างได้ถูกวางไว้ เธอไปส่งพ่อขึ้นรถทหารเพราะมีทหารอีกจำนวนหนึ่งไปพร้อมกับพ่อด้วย ส่วนรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้าพ่อมีความจำเป็นมีรถของญาติแม่คอยให้พ่อหยิบยืมได้อยู่

คืนเดือนแรมที่ไม่มีแสงจันทร์เล็ดลอดออกมาส่องแสงแม้แต่เสี้ยวเล็กๆ หมู่ดาวนับร้อยนับพันถูกบดบังด้วนเมฆก้อนสีดำ มันยิ่งทำให้หัวใจของปานตะวันมีแต่ความโดดเดี่ยว เธอรีบปิดบ้านตั้งแต่เย็นตามคำสั่งของพ่อ ปานตะวันนั่งอยู่ริมระเบียงบนเก้าอี้ฮ่องเต้ที่พ่อชอบนั่ง เธอหยิบรูปแม่มานั่งคุยแทนพ่อ พ่อของเธอเอาเพียงรูปเล็กพกติดกระเป๋าสตางค์ไป

“แม่คะ คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ลูกจะอยู่อย่างไม่มีใคร และอีกไม่นานคืนต่อๆไป มันก็จะผ่านไปเหมือนคืนนี้ใช่ไหมคะ” คำถามที่ไร้เสียงคนตอบมีเพียงหัวใจและร่างกายที่อยู่เคียงข้างเธอในราตรีแห่งความโดดเดี่ยว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel