บทที่ 7 เจ้าของไร่สุดหล่อ
“พาไปส่งโรงบาลด่วน อย่ามุงกันมากอย่างนี้สิ” ร่างสูงใหญ่บอกคนงานที่พากันห้อมล้อมคนป่วยแล้วให้คนงานชายพยุงร่างท้วมของป้าแสงหล้าคนงานวัยห้าสิบที่ทำงานในไร่องุ่นของเขามาตั้งแต่บุกเบิก
“ใครก็ได้ไปตามไอ้มั่นที บอกให้มันตามไปที่โรงบาลนะ.” นายสนบอกลูกน้องเพราะเขารอไม่ได้ต้องพาแสงหล้าไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุดโดยมีละออคนงานด้วยกันช่วยประคองและถือยาดมจ่อจมูกไปด้วย
“แยกย้ายกันไปทำงานได้.” เสียงเข้มดังขึ้นคนงานก็แตกกระจายถึงเจ้านายจะไม่เข้มงวดแต่งานต้องเสร็จตามที่เขาสั่ง ร่างสูงก็ปีนขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วควบไปโรงบ่มไวน์ขนาดกลางนับสิบหลังที่บรรจุถังไม่โอ้คอย่างดีเต็มโรงบ่มตามชื่อไวน์ที่เขาตั้งชื่อขึ้นมาเอง
อธิชนม์ โสภาศิริ หรือ เซอร์เกรย์ วัย 33ปี หนุ่มลูกครึ่งไทยรัสเซีย หล่อคมเข้มเคราดกแต่ไม่ยิ้มหน้าตาดุดันหลังจากหย่ากับภรรยาชายหนุ่มก็มาอยู่เมืองไทยกับคุณยายแล้วเขาคิดว่าจะไม่กลับไปอยู่รัสเซียเพราะคุณยายแก่แล้วอยู่คนเดียว เขาก็เบื่อสังคมจอมปลอมจึงขอมาอยู่เมืองไทยแด๊ดยอมเพราะท่านเป็นคนบังคับให้ชายหนุ่มแต่งงานกับฮันน่าลูกสาวเพื่อนนักธุรกิจเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ด้านการค้าและความเหมาะสมที่ฮันน่าสามารถเชิดหน้าชูตาในวงสังคมได้เมื่อเกิดเรื่องท่านก็รู้สึกผิดและยอมให้ลูกชายคนโตปล่อยมือจากธุรกิจมากมายของครอบครัวแต่อธิชนม์ก็ยังช่วยงานบางส่วนและเป็นที่ปรึกษาให้น้องชายน้องสาวและเขาไม่ขอกลับไปอยู่รัสเซียแต่ก็ไปทำธุระจำเป็นเท่านั้น และที่เมืองไทยจึงรู้จัก อธิชนม์ โสภาศิริ หนุ่มลูกครึ่งหลานคุณยายสมศรี เศรษฐีนีแห่งสวนผึ้งเท่านั้น
ตลอดเวลาแปดปีที่อธิชนม์ได้สร้างอนาจักรของเขาอย่างเต็มตัวจนเป็นไร่องุ่นปิดที่ใหญ่ติดอันดับท็อปไฟว์เมืองไทยแล้วเขาก็ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเหมือนไร่องุ่นทั่วไปชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวายองุ่นส่วนมากก็จะนำไปผลิตไวน์แต่ก็มีบางส่วนที่ส่งผลิตออก จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าที่เขาได้นำไวน์ไปวางจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้ชิมองุ่นสดๆจากไร่ ในปีแรกเขาก็ลองผิดลองถูกมาตลอดพอปีที่สองก็เข้าที่จ้าผู้รู้มาจัดการดูแลทุกขั้นตอนจากนั้นก็ขยายจากร้อยไร่เป็นสองร้อยไร่และขยายไปเรื่อยๆจนตอนนี้ปลูกองุ่นมากกว่ายี่สบสายพันธ์และกลายเป็นผู้ผลิตไวน์อันดับต้นๆของเมืองไทย
อธิชนม์ควบเจ้าเวหากลับไปทางเดิมเพื่อกลับบ้านปีกไม้หลังใหญ่บนเนินเขามองไกลๆเหมือนกระท่อมหลังเล็กแต่พอเข้าใกล้หลังใหญ่ทีเดียว ร่างสูงใหญ่ลงจากหลังม้าแล้วปล่อยให้มันเล็มหญ้าอยู่หน้าบ้านเดี๋ยวลูกน้องของเขาก็พามันไปเข้าคอกดูแลมันต่อ
บ้านปีกไม้หลังใหญ่ยกสูงบันไดสามขั้นชั้นล่างเป็นห้องโถงกว้างมองทะลุเห็นหลังคาด้านหลังมีห้าห้องฝั่งด้านหน้าซีกขวามีบาร์เครื่องดื่นยาวกว่าห้าเมตรและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายด้านข้างมีบันไดขึ้นไปชั้นสองและลงไปห้องครัวทั้งสองฝั่งชั้นบนมีห้องพักห้าห้องฝั่งหน้าบ้านสองห้องด้านหลังสองห้องตรงกลางโล่งมองเห็นโซฟารับแขกอยู่กลางห้องโถงชั้นล่างส่วนห้องเจ้าของบ้านอยู่ด้านข้างกินพื้นที่ทั้งด้านหน้าด้านหลังรวมสองห้องเป็นห้องเดียวที่จริงจะต้องมีทั้งหมดหกห้องไม่ว่าแขกจะพักฝั่งไหนก็เห็นวิวไร่องุ่นสวยทุกมุม
บ้านนี้เปิดต้อนรับแขกที่สนิทกันเท่านั้นอย่างครอบครัวของเขาและเพื่อนสนิทส่วนมากแขกหรือลูกค้าที่มาติดต่องานเขาจะมีโซนที่พักให้ใกล้บ้านคุณยายที่อยู่ด้านหน้าไร่เพราะท่านไม่ยอมย้ายจากบ้านหลังเก่าที่มีความทรงจำมากมายมาอยู่กับหลานชาย อธิชนม์จึงสร้างตึกสามชั้นให้พนักงานชาวต่างชาติที่มาดูแลการผลิตไวน์และบ้านพักคนงานห่างไปอีกห้าร้อยเมตรติดกับถนนเพื่อเป็นแนวหน้าป้องกันภัยให้คุณยายในชั้นแรกหากมีคนเข้ามาในไร่ก็ต้องผ่านรปภ.และบ้านพักคนงานที่เป็นแนวยาวตามถนนกว่าจะถึงบ้านคุณยาย
“นายชนม์จะกินข้าวเลยมั้ยคะ ป้าจะได้ตั้งโต้ะให้เลยจ้ะ.” ป้าทองแม่บ้านที่คุณยายส่งมาดูแลเรื่องอาหารการกินของหลานชายและไว้ใจให้ดูแลบ้านหลังนี้แต่จะมีคนของคุณยายมาช่วยทำความสะอาดบ้านส่วนเสื้อผ้าคนที่บ้านคุณยายจะมาเอาไปซักรีดให้เพราะชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวาย
“อีกสิบนาทีครับป้า ผมไปอาบน้ำก่อนครับ ถ้าแจ็คมาถึงบอกว่าผมจะเข้ากรุงเทพนะครับ”
“ได้ค่ะ” ป้าทองรับคำสั่งเจ้านายแล้วก็เข้าครัวที่อยู่หลังบ้าน บ้านหลังนี้นอกจากอธิชนม์แล้วก็มี แจ็คลูกน้องคนสนิทของเขาที่ติดตามมาอยู่ด้วยจนตอนนี้แจ็คพูดภาษาไทยคล่องปร๋อและทำท่าว่าจะได้เมียคนไทยเขากำลังตามจีบสาวการตลาดในออฟฟิศอยู่
อธิชนม์เปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขาอยู่มาเกือบสิบปีชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างมองอานาจักรที่เขาสร้างขึ้นเพื่ออะไรเพื่อใครเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันอาจเป็นเพราะเขาเกิดมาท่ามกลางธุรกิจมากมายของครอบครัวที่กินสิบชาติก็ไม่หมดแต่อยากสร้างอะไรที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงและเขาก็ทำได้ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแล้วถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนเหลือกางเกงในตัวเดียวแล้วมองตัวเองในกระจกเขาก็เห็นไอ้โจรห้าร้อยหนวดเครารุงรังจึงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจัดการส่วนที่รกออกจากใบหน้าหล่อ เขาจะเข้ากรุงเทพเพราะไม่ได้เจอเพื่อนรักนานแล้วจนมันบ่นเขาก็ว่าจะไปเยี่ยมมันสักหน่อย ชายหนุ่มก็อาบน้ำจนสะอาดสะอ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงไปชั้นล่างเพื่อกินอาหารเช้าก่อนจะเข้าออฟฟิศ
“โอ้โห วันนี้คุณชนม์ของป้าหล่อจังเลยค่ะ” ป้าทองทักเจ้านายหนุ่มที่นานๆทีถึงจะโกนหนวดเคราออกสักที
“ถ้าไม่เข้ากรุงเทพผมไม่โกนหรอกครับป้า ขี้เกียจมีปัญหากับตำรวจครับ” อธิชนม์พูดแล้วก็ยิ้มขำเมื่อคิดถึงตอนที่เขามาเริ่มต้นทำไร่องุ่นใหม่ๆเขาเข้ากรุงเทพด้วยสภาพหนวดเครารกครึ้มขับกระบะโฟร์วิลสี่ประตูเต็มไปด้วยฝุ่นโคลนเพราะไม่ได้ล้างจึงถูกตำรวจเรียกตรวจเพราะน่าสงสัยฝรั่งสองคนเหมือนโจรป่า
“ตำรวจตาต่ำน่ะสิคะ เห็นมหาเศรษฐีเป็นโจรไปได้” ป้าทองว่าให้ตำรวจที่ว่าเจ้านายแกเหมือนโจร
“แต่ผมก็เหมือนโจรจริงๆครับ ฮ่าๆ.” ชายหนุ่มพูดแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ก่อนจะนั่งลงที่โต้ะอาหารแจ็คก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามสองหนุ่มกินข้าวอิ่มแล้วก็ขับรถไปออฟฟิศ
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะมีนายหญิงสักทีล่ะคะคุณชนม์ คุณยายอยากจะมีเหลนจะแย่แล้วนะคะ” ป้าทองบ่นตามหลังเจ้านายแกเป็นอีกคนที่รู้เรื่องของอธิชนม์เลิกกับภรรยาแกจึงอยากให้เจ้านายเจอคนดีๆที่รักจริงจะได้มีความสุขสักที
แจ็คจอดรถแลนด์โรเวอร์รถขับเคลื่อนสี่ล้อเอนกประสงค์คันใหญ่หน้าออฟฟิศก็เห็นสองแฝด พาทิศ หรือ เม่น แฝดพี่และ พาที หรือ ไม้ แฝดน้องวัย 27ปีเดินออกมาหาเขากับเจ้านาย
“โอ้โห้ นายชนม์หล่อจังน่าจะโกนหนวดตั้งนานแล้วนะครับ คุณฟ้าเธอคงจะกรี๊ดน่าดูเลย ฮ่าฮ่าๆ” พาทิศล้อเจ้านายที่หลานสาวเพื่อนคุณยายคลั่งไคล้นายชนม์ของพวกเขาและตามตื้อจนถูกสั่งห้ามเข้ามาในไร่
“อย่าพูดชื่อนี้ ฉันสยองแล้วอย่าปล่อยเข้ามาถึงตัวฉันล่ะไม่งั้นแกสองคนโดนหักเงินเดือน” นายชนม์สั่งลูกน้อง
“วันนี้คุณปิแอร์จะหมักvงุ่นล็อตใหม่ครับ ให้ผมมาตามนายชนม์ไปดูที่โรงหมักครับ” นายไม้ แฝดน้องบอกเจ้านายเพราะกลัวไม่ทันเจ้านายจะเข้ากรุงเทพก่อน
