บทที่ 4 ผิดนัด
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ทิวพูดมาเถอะค่ะ” หญิงสาวถามแฟนหนุ่มหรือว่าเขาจะติดงานเลยเกรงใจเธอ
“คือว่านัดของเราเย็นนี้น่ะครับ พี่ติดงานที่บริษัทไปไม่ได้จริงๆขอโทษน้องรุ้งด้วยนะครับ”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร พี่ทิวไปทำธุระก่อนเถอะค่ะเอาไว้นัดกันวันหลังนะคะ” ทอรุ้งบอกแฟนหนุ่มที่เขาเกรงใจเธอปกติธงทิวไม่ค่อยผิดนัดเธอและมักจะโทรมาบอกก่อนสงสัยเรื่องด่วนถึงได้บอกกระชั้นชิด
“น้องรุ้งไม่โกรธพี่แน่นะครับ เอาไว้คราวหน้าพี่จะไม่ผิดนัดแน่นอนครับ” ธงทิวโล่งใจที่ทอรุ้งเข้าใจที่ไปตามนัดไม่ได้เพราะเขาติดงานจริงๆกว่าเจ้านายบอกก็เย็นแล้วและปฏิเสธไม่ได้ด้วย
“แน่ค่ะ เดี๋ยวรุ้งไปกินข้าวกับยัยปัทก็ได้ค่ะ คราวหน้าพี่ทิวก็เลี้ยงรุ้งกับยัยปัทก็แล้วกันค่ะ” ทอรุ้งบอกแฟนหนุ่มที่พูดกับเธออย่างเกรงใจ
“ได้ครับ พี่สัญญา ขอโทษนะครับน้องรุ้ง” ธงทิวขอโทษแฟนสาวอีกครั้งและคิดว่าจะแก้ตัวครั้งต่อไป
“ค่ะ แค่นี้นะคะ” ทอรุ้งวางสายจากแฟนหนุ่มก็โทรหาปัญชรีเพื่อบอกเพื่อนว่าแฟนหนุ่มไม่ได้ไปกินอาหารเย็นด้วยและชวนไปปล่อยแก่สักหน่อยก็ได้เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้เที่ยวกลางคืนเมื่อนัดกับเพื่อนแล้วก็กลับบ้านก่อนจะชวนเพื่อนอีกสองคนมีวิจิตราที่ว่างส่วนมาลินีติดนัดกับแฟนจึงไม่ได้ไปด้วย
บ้านหลังเล็กชานเมืองย่านฝั่งธนที่สมัยก่อนเป็นป่ารกร้างแต่เดี๋ยวนี้เจริญรุ่งเรืองมีหมู่บ้านใหญ่ๆมากมายห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆเกิดขึ้นแต่บ้านของทอรุ้งอยู่ไกลออกไปนิดหน่อยแต่การเดินทางสะดวกเพราะมีรถสองแถววิ่งผ่านหน้าปากซอยแล้วบ้านของเธอก็อยู่ปากซอยจึงไม่ต้องกลัวอันตรายเพราะมีทั้งวินมอเตอร์ไซค์เซเว่นและแม่ค้ามาขายอาหารในตอนเย็นแต่ป้าของเธอขายตอนเช้าคนแถวนั้นจึงรู้จักกันหมด
บ้านหลังนี้เป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ของเธอทิ้งไว้ให้ตามที่ป้าบอกและเก็บเอกสารไว้ให้เธอรวมถึงเงินในบัญชีที่เหลืออยู่ไม่มากแต่ลุงกับป้าก็ไม่เคยคิดจะนำออกมาใช้
“มาแล้วเหรอลูก วันนี้จะกินอะไรดีล่ะ ป้าซื้อปลากับซี่โครงหมูมาน่ะ” ป้าร้อยหรือพวงร้อย ศรีภาค พี่สาวของ อุษา ไพรวัลย์ แม่ของเธอที่แต่งงานกับ วรพจน์ สินสุนทร ลูกเศรษฐีที่ขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่งของพ่อแม่ที่ต้องการให้แต่งงานกับคนที่คู่ควรแต่พ่อของทอรุ้งยังไปรักใคร่ชอบพอกับสาวบ้านๆที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างอุษาจึงถูกตัดออกจากกองมรดก วรพจน์ ก็ออกจากบ้านมาอยู่กับอุษา และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ ทอรุ้ง ไพรวัลย์ ที่ใช้นามสกุลของแม่รวมทั้งพ่อของเธอด้วยที่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของภรรยาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นลูกเศรษฐีแม้แต่ทอรุ้งก็ไม่รู้ว่าปู่ย่าตายายของเธอเป็นใครเพราะไม่มีใครพูดถึงเธอเกิดมาไม่มีปู่ย่าตายายเหมือนคนอื่นเขาและป้ากับแม่ก็เป็นลูกกำพร้าพ่อแม่ตายไปตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ทอรุ้งจึงอยู่ในความอุปการะของป้าร้อยตั้งแต่นั้นมา
“ป้าร้อยขา วันนี้รุ้งขอเบี้ยวงานหนึ่งวันนะคะ คือรุ้งนัดกับยัยจ๋าและยัยปัทไปสังสรรค์กันค่ะ” ทอรุ้งนั่งลงข้างป้าที่นั่งหั่นมะเขือและผักเพื่อจะทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้ ปกติเลิกงานมาเธอจะช่วยงานป้าทุกวัน
“ไม่เป็นไรลูก งั้นพรุ่งนี้ป้าทำซุปซี่โครงหมูให้ไปกินที่ทำงานก็ได้ แล้วกลับดึกมั้ยลูก” พวงร้อยมองหลานสาวแล้วยิ้มอย่างภูมิใจที่เธอเลี้ยงมาทอรุ้งเป็นเด็กดีมาตลอด
“คือว่า อาจจะดึกค่ะ ป้าร้อยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะหากดึกมากรุ้งจะไปค้างกับยัยปัทค่ะ” ทอรุ้งไม่อยากใหป้าเป็นห่วงหากดึกพวกเธอไปค้างที่บ้านของเพื่อนก็ได้
“ดีแล้วลูก เป็นผู้หญิงกลับดึกๆมันอันตรายอย่าไว้ใจใครง่ายนะลูกๆ”
“ค่ะป้า งั้นรุ้งไปอาบน้ำก่อนนะคะเดี๋ยวยัยจ๋าจะคอยค่ะ”
“ไปเถอะลูก” พวงร้อยมองตามหลานสาวที่เดินเข้าห้องไปก่อนสามีของเธอจะหิ้วถุงฟักกับมะระเข้ามาวางให้ก่อนจะช่วยปลอกเปลือกฟักคว้านไส้มะระเพื่อทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้
“ยัยรุ้งยังไม่เลิกงานอีกเหรอแม่” ลุงบุญหรือ บุญส่ง ศรีภาค สามีของ พวงร้อย ถามหาหลานสาวที่วันนี้ยังไม่เห็นปกติเขาไปซื้อของกลับมาทอรุ้งจะช่วยเมียเขาหั่นผัก
“มาแล้ว ว่าจะสังสรรค์กับเพื่อนน่ะ” พวงร้อยตอบสามีที่ช่วยงานเธอทุกวันหลังเลิกงานทั้งสามีและหลานบอกให้เธอหยุดขายแต่เธอขายมาตั้งแต่สาวๆแล้วจะให้อยู่เฉยๆก็อยู่ไม่เป็นจึงขายเหมือนเดิมแต่ลดปริมาณลงขายวันละห้าอย่าง
“ถ้ายัยรุ้งแต่งานออกเรือนไปอีกคนก็เหลือเราสองตายายอยู่บ้านล่ะสิ คงจะเหงานะแม่นะ” ลุงเทพพูดกับภรรยา
เพราะ ปานประดับ ลูกสาวคนโตแต่งานกับ พ.ต.ท.นาคร พีระศักดิ์ นายตำรวจหนุ่มมีลูกชายหญิงอย่างละคนแล้วต้องย้ายตามไปประจำที่ต่างจังหวัดนานๆถึงจะเจอลูกหลาน ส่วน เรืองเดช ลูกชายคนเล็กก็แต่งงานกับสาวชาวอยุธยา แต่ทำงานในกรุงเทพซื้อบ้านอยู่แถวดอนเมืองเพราะใกล้ที่ทำงานของทั้งคู่มีลูกชายหนึ่งคน
“ทำยังไงได้ล่ะพ่อเอ้ย เด็กเขาก็ต้องมีครอบครัวกัน เราก็อยู่กันไปอย่างนี้แหละเดี๋ยวลูกหลานก็มาเยี่ยมเยียนเราเอง” ทั้งลูกสาวลูกชายไม่เคยละเลยพ่อแม่ถึงแม้จะมีครอบครัวก็พาลูกหลานมาเยี่ยมประจำและยังแบ่งเงินมาให้ใช้อีกถึงไม่มากแต่ก็ทำให้สองตายายดีใจเพราะตอนนี้ลุงบุญเกษียณแล้วมีบำนาญให้ใช้ทุกเดือนไหนจะหลานสาวให้อีกทุกเดือนทำให้สองสามีภรรยาภูมิใจที่เลี้ยงลูกหลานได้ดี
“ใครว่ารุ้งจะออกเรือนละคะ รุ้งจะเกาะป้ากะลุงกินไปจนแก่เลยค่ะ” ทอรุ้งออกมาทันได้ยินลุงกับป้าคุยกันอย่างเหงาๆก็อดสงสารไม่ได้
“เห้อะ ขอให้จริงเถอะ พ่อทิวเขาเทียวไล้เทียวขื่อทุกเมื่อเชื่อวันอย่างนี้ประเดี๋ยวก็พาผู้ใหญ่มาขอหรอกจ้ะ.” ป้าร้อยแซวหลานสาวที่หน้าแดงระเรื่อ
“โอ้ย อีกนานค่ะป้า ตอนนี้รุ้งยังสนุกกับงานอยู่รอสักสามสิบก่อนค่อยแต่งค่ะ”
“ถ้าเป็นลุงรอนานขนาดนั้นจะไปจีบสาวใหม่เลยดีกว่า ปล่อยให้ผู้ชายรอนานไม่ดีนะลูก” ลุงบุญลูบศีรษะหลานสาวที่แกรักเหมือนลูกอย่างรักใคร่ไม่เคยปริปากว่าให้หลานเสียใจเพราะสงสารที่ขาดทั้งพ่อทั้งแม่แล้วทอรุ้งก็ไม่ได้มาอยู่กับแกตัวเปล่าหลานสาวก็มีสมบัติของพ่อแม่ติดตัวมาแล้วแกกับเมียก็เก็บไว้ให้อย่างดีไม่เคยเอาของหลานมาใช้และบ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านพ่อแม่ของทอรุ้ง
“ลุงบุญอ่ะ แต่รุ้งได้ยินมาว่ามีใครก็ไม่รู้เฝ้าจีบสาวเป็นสิบปีเหมือนกันน๊า คริคริๆ” ทอรุ้งแซวลุงเทพที่จีบป้าร้อยเกือบสิบปีกว่าป้าจะใจอ่อน
“ฮ่าๆฮ่าๆ ไม่มีหนุ่มคนไหนเหมือนลุงหรอกน่ายัยรุ้ง” ลุงป้าและหลานสาวนั่งคุยกันหยอกเย้ากันอย่างมีความสุข
“ติ้งต่อง ติ้งต่องๆ”
“มาแล้วๆ ยัยจ๋า” ทอรุ้งเดินไปเปิดประตูบ้านให้เพื่อนรัก
“สวัสดีค่ะป้าร้อยลุงบุญ สบายดีหรือเปล่าคะ จ๋าไม่ได้แวะมานานเลยค่ะ” วิจิตรา ยกมือไหว้ลุงป้าของเพื่อนที่เธอมักจะมาขอกินข้าวเย็นบ่อยๆ
“สบายดีลูก ไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะดึกไป”
“ค่ะป้า หากรุ้งกลับดึกยังไงจะโทรบอกนะคะ.” หญิงสาวบอกป้าแล้วเดินออกไปกับเพื่อนขึ้นแท็กซี่ไปตามนัด
เพื่อนที่ร้านอาหารกึ่งผับริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพื่อนของปัญญาเป็นเจ้าของเพราะบรรยากาศดีอาหารอร่อยกินไปฟังเพลงไปคุยกันไปก็สนุกสำหรับพวกเธอแล้ว
