บทที่ 3 เริ่มต้นใหม่
“ไม่ยังไงก็ไม่ เซอร์เกรย์ให้อภัยฮันน่าได้มั้ยคะ ฮันน่าผิดไปแล้วนะคะเซอร์เกรย์” ฮันน่าลุงขึ้นถลามากอดสามีอ้อนวอนชายหนุ่มอย่างหน้าไม่อายทั้งที่ตัวเองทำเรื่องบัดสีขนาดพ่อแม่ของเธอยังรับไม่ได้
“ปล่อยฮันน่า ผมบอกให้ปล่อยย.” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังเขาขยะแขยงฮันน่าแกะมือเธอออกสะบัดตัวหนีอย่างไม่สนใจว่าฮันน่าจะเป็นยังไง
“อ้ะ โอ้ย กรี๊ดดดๆ กรี๊ดดดด..” เสียงกรีดร้องของฮันน่าทำให้ทุกคนยกมือปิดหูจนเตอร์กิสทนไม่ไหวลุกไปตบหน้าลูกสาวเสียงดังฮันน่ามองแด๊ดของเธอเขม็ง
"เพี้ยยะะ."
“พอได้แล้ว แกทำตัวของแกเองแล้วอย่างนี้จะมีผู้ชายที่ไหนเอา ตกลงเซอร์เกรย์ลุงจะจัดการเรื่องหย่าให้ส่วนเรื่องสินสมรสไม่ต้องฮันน่าไม่สมควรได้รับคิดซะว่าเป็นคำขอโทษจากลุงนะ เฟเดอร์ฉันหวังว่าธุรกิจของเรายังจะไปกันด้วยดีเหมือนเดิมนะ” คุณเตอร์กิสถามเพื่อนนักธุระกิจเพราะเขาไม่ออยากเสียงานที่ทำร่ามกัน
“เรื่องทั้งหมดเราก็ผิดด้วยกันนั่นแหละเตอร์กิส ส่วนเรื่องงานของเราก็จะดำเนินไปด้วยกันเหมือนเดิมนายสบายใจได้” เฟเดอร์คิดว่าต่อไปเขาจะให้ลูกคิดและเลือกเองจะไม่ยุ่งเรื่องคู่ครองของลูกๆอีกต่อไป
“ขอบใจมาก ฉันขอไปจัดการเรื่องทั้งหมดก่อนนะ ขอโทษทุกคนอีกครั้งนะ ไปกลับ ฮันน่า” เสียงเข้มตะคอกลูกสาวที่อายุยี่สิบสี่เรียนก็ไม่จบเขาก็จับแต่งงานแต่งทำเรื่องงามหน้าอับอายไปทั่วประเทศ
ฮันน่าถูกคนของเตอร์กิสหิ้วปีกไปหลังจากที่ถูกแด๊ดของเธอตบหน้าหญิงสาวก็เงียบกริบมองเซอิร์เกรย์ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเพราะเธอรักเขาจริงแต่ถูกชายหนุ่มเมินจึงทำประชดไปๆมาๆเธอก็หลงไปในกลุ่มปาร์ตี้ยาและชอบเซ็กส์หมู่หรือสวิงกิ้งแล้วก็ชอบเพราะมันทำให้เธอลืมเซอร์เกรย์
“แด๊ดหวังว่าจะหมดเรื่องแล้วนะ” เฟเดอร์ทิ้งแผ่นหลังพิงโซฟาอย่างหมดแรง
"ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ" ชายหนุ่มก็คิดว่าตัวเองก็มีส่วนผิดแล้วใครอยากจะอยู่กับคนที่ไม่รักไม่ชอบล่ะ
"อันย่าขอไปด้วยเยี่ยมคุณยายด้วยคนสิคะพี่ชนม์"
"เอาไว้ไปทีหลังเถอะเพราะพี่เตรียมตัวแล้ว ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ อ้อ ผมคงจะไปเมืองไทยเลยหากมีอะไรแด๊ดก็โทรบอกผมนะครับ ไปนะนายเทพ อันย่า” เซอร์เกรย์พูดจบก็ลุกขึ้นกอดพ่อและน้องสาวน้องชายแล้วเดินไปที่รถเพื่อไปสนามบินเพราะเขาได้ให้ลูกน้องเตรียมเครื่องบินไว้รอแล้วเขาก็ทิ้งเรื่องทั้งหลายไว้ที่รัสเซียเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองไทย
ณ.กรุงเทพ
ตึกสูงยี่สิบชั้นกลางกรุงย่านธุรกิจที่มีบริษัทเล็กใหญ่มากมายมาอยู่รวมกันในตึกเดียวกันและบริษัท the World watch Bangkok ( เดอะ เวิล์ด วอช กรุงเทพ ) ของปัญญาก็เป็นหนึ่งบริษัทตั้งอยู่ชั้นเก้ากับชั้นสิบทั้งสองชั้น
ร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวหน้าตาธรรมดาปากนิดจมูกหน่อยใบหน้ารูปหัวใจกำลังก๊อปปี้เอกสารงานเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์ดังสุดหรูราคาแพงลิบรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองเพื่อเอาไปแจกจ่ายแผนกต่างๆตามคำสั่งเจ้านายจนหน้ามันเยิ้ม และจะเอาแฟ้มงานที่พนักงานเอามาส่งให้ก่อนเธอจะตรวจดูว่าแฟ้มไหนสำคัญแฟ้มไหนไม่สำคัญแยกไว้เป็นกองรอเลขามาเช็คอีกครั้งแล้วส่งต่อให้เจ้านายเซ็น
“จ้ะเอ๋..”
“อุ้ย แม่หกตกตึก ยัยปัทบ้า รุ้งตกใจหมด” ทอรุ้ง ไพรวัลย์ วัย 26ปี สาวสวยน่ารักร่างเล็กผมยาวตากลมโตเอวบางร่างน้อยเป็นลูกกำพร้าพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่อายุสิบขวบเด็กหญิงกำพร้าจึงมาอยู่ในความดูแลของป้าร้อย ซึ่งเป็นพี่สาวแม่เป็นแม่ค้าข้าวแกงใกล้บ้านและลุงเขยทำงานรับราชการเป็นเสมียนอยู่ที่เขตทั้งสองรักหลานสาวกำพร้าเหมือนลูกแท้ๆทั้งที่ป้าลุงมีลูกสาวลูกชายแต่พี่ๆทั้งสองก็รักน้องเล็กผู้น่าสงสารและสงเสียเรียนจนจบปริญญาตรีกันทุกคน
ตอนนี้ทอรุ้ง ทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของ ปัญญา บริรักษ์สกุลชัย นักธุรกิจหนุ่มหล่อขาวใสหน้าตี๋ผู้นำเข้านาฬิกาแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกมาสนองความต้องการของเศรษฐีดาราไฮโซและคนดังหลากหลายวงการที่อยากได้มาครอบครองและประสบความสำเร็จมากลูกค้าทุกสาขาอาชีพต่างมาจับจองกันบางรุ่นก็จองข้ามปีจากนั้นเขาก็เพิ่มตลาดพวกสินค้าฟุ่มเฟือยเช่นกระเป๋าเครื่องประดับสำหรับลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อ
“ขวัญอ่อนนะยะแก ว่าแต่คืนนี้ไปปล่อยแก่กันมั้ยล่ะ” ปัญชรี บริรักษ์สกุลชัย น้องสาวของเจ้านายและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งตอนแรกทอรุ้งไม่อยากคบกับลูกเศรษฐีไม่อยากให้ใครมาว่าเธอหัวสูงคบคนมีเงิน แล้วพวกเธอก็ได้มาเป็นบัดดี้กันในวันรับน้องตอนปีหนึ่งทำให้ทั้งสองสนิทกันแต่พอรู้ว่าปัญชรีเป็นลูกคุณหนูมีรถรับส่งมาเรียนทอรุ้งก็ตีตัวออกห่างจนวันหนึ่งได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกปัญชรีก็มาถามเธอตรงๆว่าเป็นอะไรทำไม่ถึงไม่ทักไม่คุยกันเธอก็บอกไปตรงๆว่าอยู่คนละชั้นกันเธอเป็นคนจนส่วนปัญชรีเป็นลูกคนรวยไม่ควรคบกันแต่ปัญชรีตอบว่าคนจนคนรวยก็คนอย่าดูถูกตัวเองทุกคนมีศักดิ์ศรีหากเธอจะคบใครเป็นเพื่อนไม่จำเป็นว่าจะรวยหรือจนทำให้ทอรุ้งยอมคบกับปัญชรีมาจนทุกวันนี้และกลุ่มเธอก็มีปัญชรี วิจิตรา มาลินี ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีแรกส่วน วิจิตรานั้นเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เธอย้ายมาอยูกับป้าเพราะบ้านอยู่ในซอยเดียวกันบ้านป้าอยู่ปากซอย บ้านของวิจิตราอยู่เกือบท้ายซอยเพราะซอยนั้นจะมีแต่บ้านข้าราชการ
“พอดีรุ้งนัดพี่ทิวไว้แล้วนะสิ ไปด้วยกันมั้ยปัท” หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนที่มาช้าไปหากเธอไม่ติดนัดของแฟนหนุ่มก็ไปกับเพื่อนแน่นอน ธงทิว หนุ่มตี๋หน้าตาดีรุ่นพี่ที่จีบเธอมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนเธอใจอ่อนตกลงคบเขาเป็นแฟนตอนปีสี่ตอนนี้ก็คบกันมาเกือบสี่ปีแล้ว
“ไม่อ่ะ เชิญแกตามสบายเถอะย่ะ ไม่อยากไปเป็น กอขอคอ แกกับพี่ทิว” เพื่อนทุกคนรู้จักธงทิวกันดีว่าชายหนุ่มสุภาพไม่เจ้าชู้รักทอรุ้งจริงหน้าตาก็จัดว่าหล่อฐานะทางบ้านก็พอมีอันจะกินและหน้าที่การงานก็ดี
“แกก็พูดเกินไปนะยัยปัทไปเถอะพวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนะ” ทุกคนก็มีหน้าที่การงานของตัวเองจึงทำให้เจอกันน้อยลง
“แน่ใจนะว่าปัทไม่ได้เป็น กอขอคอ น่ะ”
“แน่ใจสิไม่งั้นรุ้งจะชวนแกทำไมล่ะ”
“ตกลง เย็นนี้เจอกันนะ ขอไปคุยกับพี่ชายแป๊บหนึ่งนะยะคุณผู้ช่วย.”
“ค่ะคุณหนูปัท.” สองสาวกระเซ้าเย้าแหย่กันแล้วปัญชรีก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของพี่ชาย
ทอรุ้งนั่งทำงานจนเย็นก็เหลือบมองนาฬิกาอีกยี่สิบนาทีจะห้าโมงเย็นและเธอจะได้เลิกงานซักทีแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน
“ค่ะพี่ทิว รอรุ้งแป๊บหนึ่งนะคะ.” ทอรุ้งคิดว่าแฟนหนุ่มจะมารับจึงบอกให้ธงทิวรอและเร่งเก็บของ
“เอ่อ น้องรุ้งครับ คือว่า.” แฟนหนุ่มพูดอึกอักเหมือนจะเกรงใจหรือพูดไม่ออก
