3 เจ้านายคุณใจร้ายมาก
ลดากาญจน์ตื่นนอนคนแรกเพราะต้องรีบกลับบ้าน ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เอริญากับมนิษาเพียงสองคนเท่านั้น
คนหนึ่งกำลังเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเพื่อบินกลับไปเยี่ยมคุณย่าที่ญี่ปุ่นส่วนอีกคนกำลังจัดกระเป๋าเพื่อไปล่องเรือสำราญ
“มะนาวจ๋า”
“ว่าไงเอริ มีอะไรให้ช่วยไหม” มนิษาหันไปมองเพื่อนที่กำลังเอาชุดว่ายน้ำออกจากกระเป๋าแล้วแทนที่ด้วยเสื้อกันหนาว
“ชุดนี้สวยไหม”
“สวยสิ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปใส่ด้วยกัน” มนิษามองชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีเขียวมิ้นต์ในมือเพื่อนด้วยความเสียดาย
“นั่นสิ เราอยากให้นาวใส่ชุดนี้”
“เราก็ซื้อของเรามาแล้ว”
“แบบนั้นเรียบไปนิดนะ” หญิงสาวมองชุดว่ายน้ำของเพื่อนแล้วส่ายหน้า เพราะดูมันมิดชิดและไม่เซ็กซี่เลยสักนิด
“เราไม่กล้าใส่หรอก”
“ใส่ไปเถอะ บนเรือจะมีสักกี่คนกันที่รู้จักเรา ใส่ไปนอนจิบเครื่องดื่มริมสระแบบชิวๆ”
หญิงสาวคิดตามที่เพื่อนพูดบนเรือจะมีสักกีคนที่รู้จักบางทีอาจไม่เจอคนไทยเลยก็ได้
“ขอบใจนะ” มนิษารับชุดว่ายน้ำใส่กระเป๋า
“เอาชุดนี้ไปด้วย” พอเพื่อนรับชุดว่ายน้ำไปแล้วเอริญาก็ส่งชุดราตรีสุดเซ็กซี่สีแดงเพลิงให้เธออีกชุด เพราะบนเรือมีทั้งร้านอาหารหรูและบาร์เครื่องดื่ม การสวมชุดแบบนี้จะได้เข้ากับบรรยากาศและสถานที่
“มากไปไหม”
“เอาไปเถอะน่า อย่าลืมว่าเราไปหาซื้อไม่ได้นะ เตรียมไปให้พร้อม สนุกให้เต็มที่”
“เราจะเที่ยวเผื่อและจะถ่ายรูปส่งให้ดูนะ”
“แต่อย่าเองแต่ก้มหน้าเล่นมือถือนะ เสียดายเงินแย่เลย ไปเที่ยวทั้งทีก็ควรได้ผ่อนคลาย”
“เราไม่ทำอย่านั้นหรอกน่า เอริก็เห็นแล้วนี่ว่าเราจองทำกิจกรรมอะไรบนเรือบ้าง”
“นั่นสิ พูดแล้วก็อิจฉาอะ”
“เดี๋ยวเราไปกันอีกรอบก็ได้แต่ต้องเก็บเงินก่อนนะ”
“ได้สิ กลับจากญี่ปุ่นเราก็จะเริ่มหางานทำเหมือนกัน”
“ทำไมต้องหางานทำล่ะ เอริแล้วโรงแรมของญาติไม่ไปทำแล้วเหรอ”
“อยากลองหางานทำเองก่อน”
“เราก็อยากหางานทำเองบ้าง แต่พ่ออยากให้ไปช่วยงาน ช่วงนี้แขกไม่ค่อยมาพักด้วยไม่รู้เพราะอะไร กลับจากเที่ยวเราคงยุ่งน่าดูเหมือนกัน”
“ตอนเรียนก็อยากทำงาน แต่พอเรียนจบก็ไม่อยากทำงานแล้ว” เอริญาหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง
“พวกเราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวกันแล้วสินะ” มนิษาพูด
เครื่องบินลำใหญ่แตะที่พื้นรันเวย์ของสนามบินชางงีประเทศสิงคโปร์ได้สักพัก
หญิงสาวคนหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีเหลืองสดออกมาจากสนามบิน
ตากลมโตมองหาป้ายที่บอกทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าตามที่อ่านมาจากรีวิวในเพจยอดฮิต เธอลากกระเป๋าไปตามทางเดินอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงท่าเรือ Mariner of the sea
เรือขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำมนิษารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะทนรอไม่ไหว ขณะกำลังต่อแถวที่จุดเช็กอินเพื่อขึ้นเรือเธอก็มองไปรอบๆ เท่าที่มองด้วยสายตาทริปนี้แทบไม่มีคนไทยเลย หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ตรงมายังห้องพักที่จองไว้ ซึ่งมีสองเตียงแต่น่าเสียดายที่หญิงสาวต้องนอนตามลำพังเพียงคนเดียว
ห้องที่เธอเลือกเป็นห้องที่มีมองเห็นวิวทะเล ด้านนอกระเบียงมีเตียงสำหรับนอนเล่น เป็นมุมพักผ่อนที่ดูแล้วคงสบายไม่น้อย และถ้าได้นอนอ่านหนังสือเล่มโปรดพร้อมกับมองทะเลไปด้วยคงมีความสุขไม่น้อย
เพราะเดินทางตั้งแต่เช้าเธอเลยยังไม่ได้ทานอะไร หญิงสาวตรงไปยังห้องอาหารบนเรือที่เปิดให้ทานให้ฟรีอยู่หลายห้อง พอทานจนอิ่มก็เดินสำรวจเรือเพื่อย่อยอาหาร
เดินมาถึงโซนสระว่ายน้ำที่อนุญาตให้แต่ผู้ใหญ่เข้ามาใช้บริการเธอก็นั่งลงพักขา บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบ มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ระหว่างที่กำลังมองอะไรเพลินก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเป็นภาษาไทย
“ผมอยากพักผ่อนบ้างนะครับพี่”
“นายจะทิ้งงานมาแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทิ้งงานที่ไหนผมเคลียร์ทุกอย่างหมดแล้วนะครับ”
“มันมีอะไรมากกว่ามาพักผ่อนใช่ไหม บอกฉันมาตรงๆ นะ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น บอกว่าอยากก็คืออยากพัก ผมทำงานติดๆ กันมากันมาเป็นปีแล้วนะครับ ของพักแค่ไม่กี่วันไม่ได้เหรอครับ”
“ฉันยอมให้นายพักผ่อนก็ได้ แต่ถ้าฉันโทรมานายต้องรับสายทุกครั้ง ถ้าไม่อยากนั้นฉันมาลากนายกลับแน่”
คนที่ดูอายุมากกว่าพูดด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจังจนคนนอกอย่างมนิษาที่บังเอิญอยู่ใกล้ที่สุดรู้สึกขนลุกซู่
“ไม่ต้องมาขู่เลย กลับไปได้แล้วเดี๋ยวเรือก็จะออก”
“กลับจากเที่ยวครั้งนี้นายต้องรับไปหาฉันทันทีที่ลงจากเรือเข้าใจไหม”
“รู้แล้วน่า” คนตัวสูงกว่าท่าทางหัวเสียและเดินตรงมายังบริเวณที่เธอนั่งอยู่
เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่อยู่ถัดไปอีกสองเตียงพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คนอะไร ใจร้ายชะมัด ขอเที่ยวแค่ไม่กี่วันยังมาตาม” เขาบนไปเรื่อย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้มีสายตาอีกคู่กำลังมองอยู่
ราฟาเอลหันมามองแล้วเขาก็ตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ตั้งใจมาตามหาตั้งแต่เรือยังไม่ทันออกจากท่า
“ขอโทษครับที่ผมเสียงดังไปหน่อย” เขารีบกล่าวขอโทษ อันที่จริงก็อยากจะชวนเธอคุยนั่นแหละ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ผมโมโหไปหน่อยครับ แค่อยากมาเที่ยวแต่เข้าก็ไม่เข้าใจ”
“เจ้านายเหรอคะ” เธอถามกลับเพราะอย่างน้อยเขาก็พูดภาษาเดียวกับตัวเอง
แต่พอหันมามองหน้าเขาให้ชัด ก็ต้องแปลกใจเพราะดูแล้วเขามาเหมือนคนไทยเลยสักนิด ใบหน้าหล่อคม ผิวสีขาวแต่ไม่ถึงกับซีด คิ้วเข้มพาดเฉียง ดวงตาสีนิลดูมีเสน่ห์จนเธอเผลอจ้องอยู่นาน
“ครับ”
พอเธอหันมาสบตาแบบนี้ราฟาเอลก็รู้สึกใจเต้นแรง คืนนั้นเขามองเห็นเธอไกลๆ ก็หลงเสน่ห์เรือนร่างของเธอไปแล้ว แต่พอได้มองใกล้ เขาก็ยิ่งหลงมากขึ้นอีก ผู้หญิงคนนี้ผิวขาวราวกับน้ำนม เรียวปากบางเล็กสีหวาน ใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับจมูกโด่งพองาม ดวงตากลมโตขนตาเป็นแพและดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะไม่ได้แต่งหน้าเลยสักนิดแต่มันสวยกว่าใครหลายคนที่เขาเคยควงด้วย ผมสีดำยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูเด่นขึ้นจนสะกดสายตาเขาได้เป็นอย่างดี
“ปกติเข้าใจร้ายแบบนี้ไหมคะ” มนิษาถามด้วยความสงสัยเพราะดูแล้วเขาคนนั้นจะโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“ไม่เท่าไหร่ครับ แต่ครั้งนี้ผมขอมาลงเรือมันหลายวันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“น่าเห็นใจนะคะ เราเป็นลูกน้องบางครั้งก็ต้องตามอารมณ์เจ้านาย”
“คุณก็หนีเจ้านายมาเที่ยวเหรอครับ”
“ฉันยังไม่ทำงานก็เลยยังไม่มีเจ้านายค่ะ แต่กลับไปก็จะเริ่มงานแล้ว”
“เพิ่งเรียนจบเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ผมถามได้ไหมว่าคุณเรียนจบอะไรมา”
“การโรงแรมค่ะ” เพราะเห็นว่าอีกคนดูท่าทางเป็นมิตรเธอจึงตอบเขาไปตามความจริง
“มาเที่ยวแบบนี้ก็ถือเป็นการหาประสบการณ์นะครับ งานบริการบนเรือก็ไม่ต่างจากงานโรงแรมเลย”
“ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ เลยตัดสินใจมาเที่ยวครั้งนี้”
“มาคนเดียวเหรอครับ” เขาถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอมาคนเดียว
“ค่ะ คุณล่ะคะ”
“คนเดียวเหมือนกันครับ ผมขอตัวก่อนนะครับไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“เช่นกันครับ แต่ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”
“ฉันชื่อมะนาวค่ะ เรียกนาวก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนาว ผมชื่อราฟครับ”
“เช่นกันค่ะคุณราฟ”