ตอนที่ 6 สถานะตอนนี้หึงได้หรือเปล่า
ในร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ทั้งสามมานั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
“แกกดกุ้งเทมปุระให้หน่อยสิ”
ไอรดาบอกมินตราให้จิ้มที่จอสั่งอาหารตรงมุมโต๊ะ แต่ก็กลับได้รับสายตาแปลกๆจากเพื่อน
“แกชอบกินของทอดตั้งแต่เมื่อไหร่วะยัยไอ?”
มินตราจำได้ว่าไอรดาเป็นพวกกลัวอ้วนขึ้นสมอง ของทอดของมันไม่เคยคิดจะแตะ เป็นไปได้จะเลือกหาแต่อะไรคลีนๆ กินตลอด
แต่วันนี้...ดูแต่ละอย่างที่เจ้าตัวกดสั่งมา นุนีกับมินตราสังเกตว่าไม่ได้มีของชอบของไอรดาเลยสักจาน
“ก็....พวกแกชอบไม่ใช่เหรอ”
“แกเคยคิดจะสั่งอาหารเผื่อพวกฉันด้วยเหรอ วันนี้มาแปลกนะ” นุนีว่าให้ ไอรดาก็ต้องหลบสายตา นั่นยิ่งดูมีพิรุธเข้าไปใหญ่
เธอลืมตัวไป...เพราะเดี๋ยวนี้ใช้ชีวิตอยู่กับนนท์รทีบ่อยๆ เลยทำให้กลายเป็นได้รับอิทธิพลอะไรหลายๆ อย่างจากผู้ชายคนนั้น
อย่างอาหารที่เธอสั่งมาเต็มโต๊ะนี่น่ะ ก็ล้วนเป็นของที่นนท์รทีชอบกินทั้งนั้น เรียกว่ามันเป็นความเคยชินไปแล้วที่จะสั่งแบบนี้ตลอด
“ฉันสั่งมาแล้ว พวกแกก็กินๆ ไปเถอะ อย่าบ่นนักเลย”
ไอรดาว่าแบบนั้น สุดท้ายนุนีกับมินตราหันมองหน้ากัน แล้วก็ต้องยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
ก็ว่าจะไม่ใส่ใจน่ะนะ...
พวกเธอกำลังจะคีบอาหารเข้าปากแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นไอรดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แล้วก็กดส่งไปให้ใครไม่รู้ ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวอีก
จะใครล่ะ...เรื่องนี้เดาไม่ยากหรอก
“ส่งรูปไปให้น้องนนท์ดูสินะ” มินตราพูดขึ้น นุนีก็ว่าเสริม “เดี๋ยวนี้แกถึงขั้นต้องรายงานผู้ชายแล้วเหรอ เวลาจะไปไหนทำอะไรน่ะ”
โดนสายตากดดันส่งมาพร้อมคำถามขนาดนี้ ไอรดาก็ต้องเม้มริมฝีปากนิดหน่อย ก่อนจะทำทีเป็นนิ่งไว้ ตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ได้รายงาน แค่ส่งไปอวดว่าวันนี้มากินร้านอร่อย”
“จ้า~ ใครเชื่อบ้างในที่นี้”
นุนีหันไปหามินตรา แน่นอนว่าเพื่อนต้องส่ายหน้ารัว
“ช่างฉันเถอะน่า พวกแกเลิกแซวสักที ฉันก็แค่เล่นๆ ด้วย ยังไม่ทันเบื่อเท่านั้นแหละ”
ทุกครั้งที่โดนแซวไอรดาก็จะตอบแบบนี้
แต่ดูท่าทางก็รู้ว่าเธอคงไม่มีทางเบื่อนนท์รทีง่ายๆ ไม่งั้นไม่มีทางปล่อยให้ผ่านมาถึงสามเดือนแบบนี้หรอก
นุนีมองท่าทางของเพื่อนที่ดูรู้ว่ากำลังเก็บอาการไม่ให้ดูเขินมากไป สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยาวทีหนึ่ง
“นี่ยัยไอ เมื่อไหร่แกจะสละโสดสักทีวะ”
นุนีคงอดถามไม่ได้ อย่างที่บอกว่าเธอเห็นไอรดากับนนท์รทีอยู่กันแบบคาราคาซังกันอย่างนี้มาถึงสามเดือนแล้ว รู้สึกอึดอัดใจแทน และยังเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนด้วย
ปกติไอรดาก็คบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่ไม่เคยจริงจังถึงขั้นผูกพันกันนานเกินอาทิตย์ ยิ่งเป็นเด็กที่อายุห่างกันตั้งเจ็ดปียิ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนเหงาจริงๆ ก็คงเพราะเด็กนั่นมีอะไรเด็ดแน่ๆ ถึงมัดใจเพื่อนได้อยู่หมัดขนาดนี้
ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนได้วกกลับมาอีกครั้ง เหมือนตอนที่มินตรากับนุนีเคยถามไอรดาหลังจากที่เห็นเธอเริ่มควงนนท์รทีเกินหนึ่งเดือน
มันเป็นบรรยากาศที่จริงจัง ไม่เหมือนเวลาพวกเธอแซวเล่น
ไอรดาเองก็ดูออกว่าเพื่อนเป็นห่วงและหวังดี เพราะนนท์รทีเองก็ยังเด็กมาก แล้วยังหน้าตาดี ขี้เอาใจ นิสัยก็เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ ย่อมต้องเป็นที่หมายตาของผู้หญิงมากมายอยู่แล้ว
ไม่ใช่อะไรหรอก...ถ้าหากวันหนึ่งนนท์รทีเกิดเบื่อแล้วเป็นฝ่ายทิ้งไอรดาไป นอกจากจะทำให้ช้ำใจแล้ว ถึงตอนนั้นไอรดาอาจจะแก่เกินกว่าที่จะไปหาผู้ชายคนใหม่แล้วก็ได้
เรื่องนี้ไอรดาเป็นคนที่ตระหนักได้ดีที่สุดเลย
แต่ถ้าถามว่าเธอจะแก้ปัญหาไหม....คงต้องตอบว่ายังไม่กล้ามากพอหรอก
เธอเองก็แอบกลัวเหมือนกัน กลัวว่าถ้าเอาเข้าจริงแล้วนนท์รทีไม่ได้รู้สึกกับเธอมากขนาดนั้น มันอาจจะกลายเป็นการเร่งรัดให้เขารีบไปจากเธอเร็วขึ้นก็ได้
แล้วตอนนั้น...ใครล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายเสียใจ
“ก็คง...เป็นตอนที่ฉันพร้อมมากกว่านี้ละมั้ง”
ไอรดาต้องหลบสายตาอย่างช่วยไม่ได้
เธอไม่อยากเห็นความกังวลที่ฉายออกมาจากสีหน้าของเพื่อนรักทั้งสองน่ะ...
แต่เพราะการที่เธอหันไปมองทางอื่นนั่นแหละ เลยทำให้สายตาไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน
แค่เห็นเพียงด้านหลังไกลๆ ไอรดาก็จำได้แล้วว่านั่นคือนนท์รที
ส่วนคนที่นั่งกินข้าวอยู่กับเขา ก็เป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดนักศึกษา...แล้วยังสวยมากอีกด้วย
ไอรดาถึงกับทำตะเกียบหลุดมือทันที ทำให้นุนีกับมินตราที่สังเกตเห็นความผิดปกติต้องหันไปมองตามสายตาของเพื่อน
“ใครวะ?” นุนีถาม มินตราก็กระซิบตอบ “น้องนนท์ไง”
ก็เข้าใจอยู่หรอก นุนีสายตาไม่ค่อยดี แล้วยังไม่ได้สนิทอะไรกับนนท์มาก เห็นแค่ข้างหลังจะไปมองออกได้ยังไง
ไม่เหมือนกับทางไอรดา ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งก้มหน้า ดูก็รู้ว่าเริ่มมีความคิดในทางลบผุดขึ้นในสมอง
นนท์มากับใคร?...
นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยความสงสัยที่ว่า....เขาเป็นอะไรกับนักศึกษาคนนั้น?
ไม่พอ เพราะไอรดาจะต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่านนท์รทียังไม่อ่านข้อความที่เธอส่งให้เลย
นี่สนใจผู้หญิงคนนั้น แต่เมินข้อความของฉันงั้นเหรอ!?
มือขาวเริ่มกำหมัดแน่นจนเล็บเจลแหลมจิกเข้าไปในเนื้อ กลายเป็นว่าอาหารทั้งโต๊ะนั้น ไอรดาไม่ได้แตะต้องเลย เพราะมัวแต่เอาเวลากินมองไปทางนนท์รทีอย่างเดียว
เธอต้องอยากรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน และภาวนาด้วยใจที่ร่วงไปถึงตาตุ่ม ว่าอย่าให้ทั้งคู่กำลังจีบกันเลย
ไม่อย่างนั้น...เธอคงจะทนไม่ได้แน่
“เอาไง จะกินข้าวต่อไหม” มินตราถามขึ้น ไอรดาก็กัดฟันครุ่นคิด
ถ้าหากจะกินข้าวอยู่ตรงนี้ เธอก็อาจจะได้เห็นท่าทีของนนท์รทีที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น
แต่เห็นแล้ว...แล้วยังไงต่อล่ะ?
ถ้ารู้ว่านนท์รทีกำลังนอกใจเธอ แล้วเธอจะทำใจเดินออกมาจากเขาได้ทันทีหรือเปล่า?...
ไอรดาถามตัวเองอย่างนั้น ก่อนที่ครู่ต่อมาจะได้คำตอบ
จะเรียกว่าเป็นการนอกใจได้ยังไงล่ะ ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าคู่นอน
สถานะที่ไม่มีการผูกมัดกันมาแต่แรกนี่น่ะ จะไปยึดติดอะไรกับมันมากไม่ได้หรอก
เพราะฉะนั้น ถ้านนท์รทีจะไปที่ไหนกับใครเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเธอ มันก็เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า?...
“เดินเข้าไปหาหน่อยไหม”
นุนีเห็นเพื่อนนั่งหน้าซีดเลยทำท่าจะลุกเดินไปที่โต๊ะนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด
“ไม่ต้องหรอกแก ปล่อยไปอย่างนั้นแหละ”
แต่เมื่อไอรดาบอกแบบนั้น นุนีก็ต้องชะงัก ก่อนหันมามุ่นคิ้วถามหน้าเครียด “แล้วแกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? นนท์มากับใครก็ไม่รู้นะ”
ปกติแล้ว...มันต้องรู้สึกอะไรหน่อยไม่ใช่หรือไง?
ไอรดาเงียบไปนิดหน่อย ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ยังมีรอยยิ้มนิดๆ ขณะพูด
“ฉันจะรู้สึกอะไร ไม่ได้คิดจะจริงจังด้วยสักหน่อย”
ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่ทำไมรอยยิ้มของเธอมันถึงได้ดูเศร้าขนาดนี้กันล่ะ...
นุนีกับมินตรายังมีสายตาเป็นห่วงอยู่ แต่จะแย้งอะไรขึ้นมาก็ไม่ทันแล้ว เพราะไอรดารีบลุกเดินไปก่อน
“ฉันจ่ายเงินแล้วออกไปรอหน้าร้านนะ”
“อืม... เดี๋ยวพวกฉันตามไป”
คงช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเพื่อนพยายามทำเป็นเข้มแข็งกลบเกลื่อน จะไปพูดจี้จุดมากๆ เข้าก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่
คงได้แต่ปล่อยไปล่ะนะ