ตอนที่ 5 เป็นเอามาก
เมื่อรถยุโรปคันหรูเคลื่อนมาจอดลงที่ถนนหน้าตึก หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยและสวมรองเท้าส้นสูงราคาแพงสีแดงสดก็ก้าวลงมา
“เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วผมมารับนะครับ”
นนท์รทีมองตามหญิงสาวที่ลงไปจากรถของเขา ส่งคำพูดหวานหูให้ เธอปรายตากลับมามองเล็กน้อย
“อย่าเถลไถลก็แล้วกัน”
ใบหน้าของไอรดาอาจจะดูดุไปหน่อย เหมือนพร้อมจะเหวี่ยงวีนได้ตลอดเวลา ยิ่งเวลาที่แต่งหน้าเต็ม กรีดตาเฉี่ยวยาวและทาลิปสติกสีแดงกุหลาบแบบนี้ยิ่งเสริมให้ดูมีรัศมีน่าเกรงขาม
แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้อะไรเลย นี่ก็แค่เปลือกที่ฉาบเอาไว้ภายนอก ข้างในเธอยังเป็นหญิงสาวที่น่ารักและน่าค้นหามากสำหรับนนท์รที
“ครับผม จะรีบตรงดิ่งมาหาทันทีเลยครับ”
เขาส่งยิ้มจนตาปิด ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เธอขำออกมาเบาๆ
นนท์รทีตอนปกติน่ะ ชอบทำตัวเหมือนหมาตัวใหญ่ขี้เล่นที่รักเจ้าของมากๆ
แต่ถ้าได้มีอารมณ์ขึ้นมาเมื่อไหร่ จากหมาใหญ่ก็จะกลายร่างเป็นหมาป่าพร้อมกระโจนเข้าขย้ำเหยื่อทันที
เหมือนกับเมื่อคืนที่แล้ว....
“ขับรถดีๆล่ะ”
“ครับผม”
เธอบอกแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าตึกไปเลย ส่วนเขาก็รีบบึ่งรถไปเรียนต่อ
“เมื่อเช้าใครมาส่งจ๊ะ เล่นเอาซะเกือบสายเลยน้า~”
และพอเดินเข้ามา ไอรดาก็ต้องพบกับเสียงแซวของเพื่อนจอมพูดมากอย่างนุนี
“ก็แค่เกือบสาย ยังไม่สายสักหน่อย”
ไอรดาวางกระเป๋าลงที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนจะทำทีเป็นดูตารางงาน ไม่ได้สนใจเสียงแซวนั่น
“แสดงว่าเมื่อคืนจบด้วยดี”
นุนีพูดพร้อมกับหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับมินตรา คู่หูที่เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย โดยเฉพาะเวลาที่รวมหัวกันแซวไอรดาแบบนี้
“พอเลยพวกแก ไปทำงานกันต่อได้แล้ว”
“โอ๊ย! คนอื่นเขาทำงานล่วงหน้าไปก่อนแล้วค่ะคุณขา” นุนียังไม่หยุดทำเสียงเล็กเสียงน้อย ก่อนจะเดินมายื่นผลงานของตัวเอง เป็นแบบเสื้อที่ออกแบบรอสำหรับแฟชั่นโชว์ครั้งหน้า
ไอรดาตรวจแล้วก็ทำตาวาวทันที “แกคิดได้ไงเนี่ย สวยมาก!”
“ก็ระดับฉันน่ะน้า งานมันจะออกมาไม่ดีได้ไง”
โดนชมทีนุนีก็ยิ่งยืดอกรับภูมิใจ ก่อนจะโดนมินตราขัดจังหวะพร้อมกับยื่นรายชื่อนายแบบที่ตนเองคัดเลือกไว้สำหรับงานแฟชั่นโชว์ครั้งหน้าให้กับเพื่อนรักไป “ส่วนฉันก็ดีลกับนายแบบล่วงหน้าให้แล้วจ้ะ อันนี้รายชื่อ”
พอเห็นผลงานของเพื่อนทั้งสองแล้วไอรดาก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม โผเข้ากอดเพื่อน “ขอบใจพวกแกมากนะ”
“ฉันรับคำขอบคุณเป็นการขึ้นเงินเดือนเท่านั้นจ้ะ” มินตราว่าพลางขำ
“งั้นเดี๋ยวฉันจ่ายโบนัสให้ด้วย”
“งั้นก็แจ่มเลย” นุนีดีใจจนกระโดดโลดเต้น
สามสาวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และแม้เรียนจบแล้วก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งตัดสินใจมาร่วมหุ้นเปิดห้องเสื้อกันอย่างที่บอก แล้วตอนนี้ก็กลายเป็นประสบความสำเร็จมากๆ เลยด้วย
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เพราะทั้งสามคนทำงานเข้าขากันได้ดี ยังมีความรับผิดชอบแบบมืออาชีพ ที่สำคัญคือเวลาเจอปัญหา พวกเธอจะไม่ทิ้งกันเลย ดูแลกันประหนึ่งไม่ใช่แค่เพื่อน แต่กลายเป็นครอบครัวไปแล้วอย่างนั้น
“อื้ม... ลืมถามไปเลย คุณมาตินเขาได้ติดต่อมาหาแกอีกไหม”
มินตราสงสัยขึ้นมา ระหว่างที่เพื่อนอีกสองคนกำลังมีสมาธิจดจ่อกับงานที่ค้างอยู่ในมือ
พอพูดถึงชื่อผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็กลับได้ยินเสียงถอนหายใจจากไอรดาเสียอย่างนั้น
“แกคิดว่าเขาจะยังติดต่อมาหาฉันด้วยเหตุผลอะไรล่ะ”
ก็คุณมาตินเข้าหาเธอโดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงนอกจากเรื่องธุรกิจ แต่เมื่อเห็นว่าไอรดามีเจ้าของอยู่แล้ว ถึงเป็นสถานะแบบแปลกๆ ก็เถอะ เขาก็คงไม่คิดจะอยากยุ่งกับเธออีกแน่
“แต่เอาน่ะ อย่างน้อยก็ไม่ได้นกสักหน่อย ยังได้หนุ่มแซ่บที่ทำให้เพื่อนฉันนอนเพลินจนเกือบมาทำงานสายครั้งแรกในรอบปี”
นุนีนี่แซวเก่งจริงๆ.... มินตราคิดแล้วก็ต้องส่ายหน้าน้อยๆ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็จะได้ยินเสียงไอรดาเถียงดังขึ้นมา
“ฉันเหนื่อยเพราะทำงานแบบไม่ได้พักต่างหาก ไม่เกี่ยวกับนนท์สักหน่อย”
“หึ! ใครจะไปเชื่อ ให้สาบานก็ตายฟรี” นุนียักไหล่ว่า ส่ายหน้าเบาๆ “แต่เอาเถอะ เด็กดีอย่างน้องนนท์น่ะ ฉันว่าน่าสนกว่าคุณมาตินตั้งเยอะ อย่างน้อยเนื้อเด็กมันก็นุ่มเด้งเคี้ยวมัน ยังทำให้สาวแก่อย่างแกเป็นอมตะด้วย”
“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วยัยนุนี” มิตราว่าให้ แต่ก็อดขำกับคำพูดของเพื่อนไม่ได้ ขณะที่ไอรดาต้องเม้มริมฝีปากแน่นเถียงขาดใจ
“ฉันไม่ได้แก่สักหน่อย อีกอย่างพวกแกก็เกิดปีเดียวกันกับฉันไม่ใช่หรือไง”
“ฉันเกิดทีหลังแกสามเดือน ส่วนยัยมินตราเกิดทีหลังแกตั้งแปดเดือน ฉะนั้นในกลุ่มเราแกก็ถือว่าแก่ที่สุด”
นุนีว่าพลางส่งยิ้มยียวน ทำให้ไอรดาทนไม่ไหว ต้องปายางลบบนโต๊ะใส่ไปทีหนึ่ง และนุนีก็สามารถหลบได้แบบเฉียดฉิว หัวเราะร่าอย่างสะใจ
“พวกแกเลิกเล่นเป็นเด็กๆ สักทีเถอะ อีกไม่กี่ปีก็จะอายุขึ้นเลขสามกันแล้วนะ”
มินตราที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มต้องเป็นคนคอยห้ามด้วยสีหน้าอ่อนใจเหมือนเดิม
หลังจากที่เล่นกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ทั้งสามก็กลับมาตั้งใจทำงานต่อจนถึงช่วงพักเที่ยง
“กินอะไรดีน้า...” นุนีพูดน้ำเสียงเซ็งๆ ตอนที่เปิดแอปเดลิเวอรี่ ไถไปไถมาก็ยังไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี
“แกไม่ต้องเลือก เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเอง”
ไอรดาพูดพลางหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นสะพาย “งานเมื่อวานจบแล้ว เราจะไม่ไปฉลองกันหน่อยหรือไง”
“งั้นก็ไม่ปฏิเสธ แกเลือกร้านแล้วกัน” มินตราหันมายิ้มแฉ่ง เพราะชอบเวลาได้ยินคำว่าเลี้ยงข้าวเป็นพิเศษ
“งั้นเอาร้านอาหารญี่ปุ่นซอยข้างๆไหม วันก่อนฉันไปกินกับน้องนนท์ อร่อยดีนะ”
เมื่อไอรดาพูดชื่อนั้นขึ้นมาอย่างลืมตัว ก็ต้องได้รับสายตาเย้าหยอกจากเพื่อนๆ ทำเอาหญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาฉับพลันแม้ยังไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น
“อาหารหรือเด็กกันแน่ที่อร่อย”
ว่าแล้ว... คนที่เริ่มแซวก่อนต้องเป็นนุนีเหมือนเดิม
แล้วไอรดาก็จะไปไม่เป็น ต้องรีบทำเป็นไม่สนใจกลบเกลื่อน
“ฉันจะรีบไปจองคิวไว้แล้วกัน ถ้าช้าคิวร้านนั้นจะยาวมาก”
เธอว่าก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินไปเลย ทิ้งให้นุนีกับมินตราเก็บของแล้วเดินตามมาทีหลัง
“แกว่ามันเป็นเอามากไหม” คราวนี้นุนีแอบกระซิบกับมินตรา ตอนที่ไอรดาเดินลงไปชั้นล่างแล้ว
“แกไม่ต้องมาถามฉัน เห็นมันเขินตลอดเวลาโดนแซวก็น่าจะรู้แล้วไหม”
“ก็จริง...”
ทั้งสองพยักหน้ารับกันเงียบๆ แล้วก็เริ่มนึกย้อนไปถึงอดีตเล็กน้อย
ไอรดาเป็นผู้หญิงที่สวยมาแต่ไหนแต่ไร เรียกว่าทุกย่างก้าวที่เดินไปแทบจะไม่เคยไม่เป็นจุดสนใจเลยด้วยซ้ำ
ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอตั้งใจเรียนมากไปหน่อย เวลามีแฟนก็จะไม่ค่อยมีเวลาให้ แล้วยังชอบเอาเรื่องเครียดๆ ไประบายกับแฟนทุกทีจนทำให้ฝ่ายที่อยู่ด้วยทนรับไม่ไหว ก่อนจะโดนบอกเลิกมา
หรือไม่...ก็เป็นฝ่ายไอรดาเองที่เบื่อความรักที่หวือหวาเกินไปจนเหมือนเล่นรถไฟเหาะ เพราะมันทำให้เธอทั้งเหนื่อย ทั้งไม่มีสมาธิทำงาน
สุดท้าย...ก็กลายเป็นว่าคบกับใครไม่ค่อยรอด
และเพราะความช้ำใจ เข็ดหลาบกับผู้ชาย ทำให้ไอรดาในตอนนี้หวงแหนความโสดของเธอมาก จะมีความสัมพันธ์ทีหนึ่งก็ยังไม่ยอมให้สถานะง่ายๆ
แม้แต่กับนนท์รที คนที่เธอดูเหมือนจะแคร์มากๆ คนนั้น เธอก็ยังทำปากไม่ตรงกับใจ ไม่ยอมพูดอะไรให้ชัดเจนสักที