ตอนที่ 2 คนขี้หวง
ไอรดาได้แต่ยืนมองคุณมาตินเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่รั้งไว้ไม่ได้
แล้วแบบนี้...เรื่องที่ดีลกันค้างไว้จะทำยังไง?
ไอรดาตั้งใจว่าจะให้ห้องเสื้อของเธอได้มีส่วนร่วมตอนที่มาตินจะเปิดตัวเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ เลยพยายามที่จะเข้าหาเขา
แต่แบบนี้ก็แปลว่ามันจบสิ้นแล้วสินะ...
“ทำอะไรของนายน่ะ”
หญิงสาวหันกลับมามองค้อนใส่ชายหนุ่มข้างกาย ซึ่งเขาก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่เหมือนเดิม
“ผมก็แค่แสดงตัวตน”
“แล้วมันควรจะมาแสดงตอนนี้ไหม? งานของฉันพังไปหมดแล้วเนี่ย”
เธอไม่ได้ขึ้นเสียงอะไรหรอก แต่แค่มีท่าทางหัวเสียแบบเห็นได้ชัด
นนท์รทีมองแต่ไร้ความรู้สึกผิด เพราะเขาคิดว่าเธอต่างหากที่ผิด ดันมาทำให้เขาหึงก่อนทำไม
“พี่กำลังดูถูกตัวเองอยู่นะรู้ไหม”
“หมายความว่ายังไง?”
ไอรดายิ่งมองขวาง แต่นนท์รทีก็นิ่งมากพอจนดูเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“ผมว่าพี่มีความสามารถมากพอ ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชายคนนั้นเลย”
“นี่นายไม่เข้าใจคำว่าโลกของธุรกิจเลยรึไง?”
เธอมองมุมต่างกับเขา เพราะรู้ว่าถึงต่อให้งานของตัวเองจะดีขนาดไหน แต่มันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดการสนับสนุนจากองค์ประกอบแวดล้อม
แต่นนท์รทีจะยังไม่เข้าใจสิ่งนี้ก็ไม่แปลก เพราะตอนนี้เขายังเป็นนักศึกษาปีสอง แล้วยังเป็นนักศึกษาแพทย์หัวกะทิ ประเภทที่มองว่าความสามารถที่แท้จริงต่างหากที่ทำให้ตัวเองได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุด ไม่จำเป็นต้องแยแสอะไรที่ไม่จำเป็น
ถูกแล้ว...นนท์รทีอ่อนกว่าไอรดาถึงเจ็ดปีเลยทีเดียว
หลังจากที่ยืนจ้องตากันอยู่เงียบๆ พักหนึ่ง สุดท้ายไอรดาก็เป็นฝ่ายถอนหายใจส่ายหน้า “ฉันไม่น่าพานายมาที่นี่เลยจริงๆ”
ปกตินนท์รทีเป็นเด็กที่น่ารักมากสำหรับเธอ แต่เขาสามารถเปลี่ยนมาแสดงมุมที่น่ารำคาญที่สุดได้ เมื่อเห็นว่าไอรดาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น
เหมือนอย่างตอนนี้ ที่เขาปล่อยให้อารมณ์หึงหวงมาทำให้เธอเสียงาน
แต่จะให้เขาอดทนแล้วก็มองไอรดาไปกับมาตินต่อ โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรบ้างน่ะ....ใครมันจะไปทำได้ล่ะ
พอได้ยินเธอพูดอย่างนั้น นนท์รทีก็ยิ่งหน้าตึง กลายเป็นสะบัดมือออกจากเอวเธอ
“พี่มองว่าผมเป็นตัวถ่วงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
นั่นเป็นคำถามที่เขาทิ้งเอาไว้ และทำให้ไอรดารู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่สมควรเข้าให้แล้ว
ก่อนที่เธอจะได้บอกขอโทษ นนท์รทีก็หันหลังเดินหนีเธอไปแล้ว
“ไปง้อเถอะไป”
นั่นเป็นเสียงของนุนีที่ทนไม่ไหวหลังจากยืนมองเหตุการณ์อยู่ทางด้านหลังมาพักหนึ่งแล้ว
“เรื่องอะไรล่ะ ถ้าง้อเดี๋ยวก็ยิ่งเหลิงไปอีก ปล่อยไปน่ะ...” ดีแล้ว คำสุดท้ายยังพูดไม่จบ ก็ถูกเพื่อนสนิทสวนกลับมาทันที
“ถ้าปล่อยไป ก็จะเป็นแกที่มานั่งคิดมากจนเป็นประสาทแล้วก็ทำงานไม่ได้อีก”
คำนั้นเป็นมินตราที่พูดเตือน เพราะเธอรู้จักนิสัยเพื่อนของตัวเองดี
ถึงนนท์รทีจะเป็นแค่เด็กของไอรดา แต่หลังจากที่เพื่อนๆเห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายคนนี้มาตั้งสามเดือนแล้ว ไม่ยอมไปหาใครใหม่ และแม้จะมีนักธุรกิจหลายคนพยายามเดินหน้าจีบ แต่ไอรดากลับไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแค่คุยด้วยนิดหน่อย นุนีกับมินตราก็ดูออกทันทีว่าเพื่อนของพวกเธอเทใจให้เด็กนักศึกษาแพทย์คนนั้นไปแล้ว
ถึงไอรดาจะเป็นคนปากแข็งและชอบวางมาด แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรสักหน่อยนี่
“เออ ไปง้อหน่อยเถอะไป ไม่งั้นเดี๋ยวก็ได้เงียบใส่กัน คนหนึ่งก็เป็นประสาทไม่ยอมทำงาน อีกคนก็เป็นประสาทเรียนไม่รู้เรื่องอีก”
นุนีว่ายาว ไอรดาก็ยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่
แต่เมื่อเธอหันไปเห็นแผ่นหลังของชายคนนั้นเดินตรงไปทางบันไดหนีไฟของตึก สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจแรงๆออกมา
“ฝากพวกแกดูงานหน่อยนะ ฉันขอไปเคลียร์แป๊บ”
“เออ รีบไปเถอะ เดินจ้ำอ้าวไม่รอใครเลยนั่นน่ะ” มินตราบอกพลางบุ้ยปากไปทางด้านหลัง
สุดท้าย ไอรดาก็ตัดสินใจเดินตามนนท์รทีไป
“นนท์! นนท์! รอก่อนสิ!”
เสียงเรียกนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตอนเดินเข้ามาตรงบันไดหนีไฟก็ยิ่งไม่เหลือความเกรงใจอะไรทั้งสิ้น
แต่เหมือนยิ่งห้ามก็กลายเป็นยิ่งยุ นนท์รทีเดินเร็วกว่าเดิม ไม่มีการหันมามองไอรดาเลยสักนิด
แล้วเธอที่ใส่ทั้งกระโปรงเข้ารูป ทั้งรองเท้าส้นสูงห้านิ้วจะไปก้าวตามเขาทันได้ยังไง ยิ่งปกติไม่ค่อยจะออกกำลังกายก็ยิ่งรู้สึกว่าการเดินขึ้นบันไดตึกเป็นเรื่องยากจนเหมือนจะทำไม่ไหว
แต่เพื่อการง้อผู้ชาย...ต่อให้ต้องปีนยอดเขาตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับไอรดา
“นนท์! โอ๊ย!”
ไอรดาเกือบจะสะดุดบันได โชคดีที่คว้าราวไว้ทัน ไม่อย่างนั้นนอกจากข้อเท้าแพลงแล้วน่าจะต้องเสียโฉมหรือไม่ก็ถึงขั้นกระดูกหักแน่
เสียงของเธอทำให้นนท์รทีหยุดชะงักและหันมามอง
ในแวบสั้นๆ นั้น ไอรดาสังเกตว่านนท์รทีมีสายตาเป็นห่วงส่งมาให้....
เขาก็ไม่ได้กล้ามากพอที่จะทำเย็นชาใส่เธอได้ ทั้งยังแอบเป็นห่วงอยู่ลึกๆ
แต่เพราะว่าอารมณ์โมโหยังคงค้างอยู่ในใจ เลยทำให้นนท์รทีเลือกที่จะรีบเก็บสีหน้าแบบนั้นกลับไป แล้วแกล้งทำเป็นเย็นชาใส่เธอก่อนจะเดินหนีขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าเหมือนเดิม
ไอรดาถึงกับแสยะยิ้มออกมาเลย แม้จะเริ่มเจ็บระบมที่เท้าขึ้นมาเพราะโดนส้นสูงสวยๆ นี่กัดจนเนื้อเหวอะ
เธอดูเขาออกแบบทะลุปรุโปร่งเลยล่ะ เพราะเธอเองก็เป็นคนประเภทคล้ายๆ เขา แล้วยังอายุมากกว่าทำให้เข้าใจเด็กที่อารมณ์ร้อน เลือกที่จะทำตัวไร้เหตุผลเพราะไม่ได้เอาเหตุผลนำทางเหมือนนท์รทีในตอนนี้
ว่าง่ายๆ...คือเธอก็เคยอายุเท่าเขา และเคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ถึงได้เข้าใจดี
สุดท้าย นนท์รทีก็เปิดประตูทางหนีไฟไปยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นดาดฟ้า
สายตาเขามองลงไปข้างล่างเพราะคิดว่าการมองรถที่วิ่งไปมาหน้าตึกข้างล่างนั้นน่าจะทำให้หายหัวร้อนได้บ้าง
พักหนึ่งถึงได้ยินเสียงหอบหายใจแรงของหญิงสาวที่ตามมาด้านหลัง
“คิดจะทำอะไรน่ะ”
เธอถามเสียงค่อยเพราะต้องโกยลมเข้าปอดให้มากๆ หน่อย
นั่นทำเอานนท์รทีขำออกมาเบาๆ
“ไม่รู้สิ กระโดดลงไปมั้งครับ”
“ขี้ประชดจังเลยนะ”
ไอรดาว่าให้ ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเขาแบบโซเซเหมือนขาไม่มีแรง
แล้วก็สวมกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง
“ถ้าประชดฉันด้วยการกระโดดลงไป ฉันจะเกลียดนายมากกว่านี้อีกจะบอกให้”
“นี่พี่เกลียดผมแล้วสินะครับ”
“คนเกลียดกันที่ไหนจะเดินมากอดแบบนี้เล่า”
ได้รับคำตอบแบบนี้ นนท์รทีก็ถึงกับแอบยิ้มมุมปาก
แค่เพียงอีกฝ่ายมาง้องอนเท่านี้ในใจเขาก็หายโกรธแล้ว เพียงแต่ยังต้องทำเป็นนิ่งๆไว้ จะได้ไม่เสียฟอร์ม
“ผมไม่กระโดดลงไปหรอก กลัวว่าจะทำให้คนแก่แถวนี้เสียใจ”
“ฉันไม่ได้แก่ แค่อยู่ในวัยกำลังหนังเหนียวเคี้ยวเพลิน”
ไอรดาว่าเสียงขุ่น แต่กลับทำนนท์รทีไหล่สั่นเบาๆ
ก็ดูเธอพูดจา น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้เขาขำได้ยังไงล่ะ
“หายโกรธได้แล้วสินะ”
ไอรดารู้ว่านนท์รทีหายโกรธเธอตั้งนานแล้ว แต่แค่ง้อพอให้เป็นพิธีเท่านั้น
และเมื่อหันมาเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับประกายตาวาววับของเธอ เขาก็ถึงกับต้องยิ้มออกมา
“ผมหายตั้งแต่ตอนพี่วิ่งตามมาถึงนี่แล้วล่ะ”
นั่นไง...ผิดจากที่พูดตรงไหนล่ะ
นนท์รทีเป็นคนอารมณ์ร้อน ยิ่งเวลาหึงหรือโกรธก็จะยิ่งร้อนเป็นไฟ แต่ไฟนั้นก็ดับมอดลงง่ายๆ แค่เพียงไอรดาเอาน้ำสาดโครมเดียว
แต่มันก็ยังมีคุกรุ่นอยู่บ้างล่ะนะ...
ไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปจูบซะแล้ว...