ตอนที่ 1 เด็กพี่ไอ
งานเปิดตัวชุดคอลเลคชั่นใหม่ของห้องเสื้อไอรดา
เสียงเพลงที่เปิดเข้ากับจังหวะที่นายแบบหน้าตาดีหลายคนเดินอยู่บนเวที ยิ่งตอนมองแสงไฟสาดลงมากระทบบนชุดที่เธอออกแบบ ไอรดาก็ยิ่งเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ
“งานนี้เสร็จ ฉันว่าแกคงได้ตอบคำถามสื่อเรื่องของคุณมาตินอะไรนั่นต่ออีกยาวแน่เลยยัยไอ”
นั่นเป็นเสียงแซวจากเพื่อนรักที่ชื่อนุนี ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ไอรดา แต่สายตาจับจ้องไปทางข้างเวทีแถวแรกซึ่งมีผู้ชายหน้าตาดีสไตล์ลูกครึ่งนั่งอยู่
“หรือไม่ก็คงจะได้ไปจิบไวน์คุยธุรกิจกับคุณมาตินต่อแทน”
และนี่ก็เป็นเสียงแซวจากเพื่อนรักอีกคนที่ชื่อมินตรา ซึ่งมีสายตาจับจ้องไปที่ชายคนนั้นเช่นกัน
มาตินเป็นนักธุรกิจหนุ่มดีกรี CEO แบรนด์เครื่องประดับดังระดับโลก ซึ่งช่วงนี้เขาดูจะสนใจไอรดามาสักพักแล้ว ยังตามจีบแบบเนียนๆ อีกด้วย
“พอเลยพวกแก คุณมาตินก็แค่สนใจผลงานของพวกเรา ไม่ได้สนใจแค่ฉันคนเดียวสักหน่อย”
ไอรดาปฏิเสธสองเพื่อนไปอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่วายมีสายตาเย้าแหย่ส่งมาอยู่ดี “ให้มันจริงเถอะ”
พวกเธอทั้งสามเป็นเพื่อนรักที่เรียนดีไซน์มาด้วยกัน แม้หลังจากเรียนจบจะแยกย้ายกันไปสร้างอนาคต แต่เมื่อไอรดาติดต่อกลับมาพร้อมข้อเสนอว่าให้มินตรากับนุนีมาร่วมหุ้นในห้องเสื้อของเธอ ทั้งสองก็ตอบตกลงที่จะได้สานฝันด้วยกันอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้พวกเธออายุยี่สิบเจ็ดปีกันแล้ว เรียกว่าเป็นวัยกำลังสวยสะพรั่ง เพราะนอกจากจะยังสาวอยู่ ก็มีอนาคตไกล สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะได้ด้วยความสามารถของตัวเองทั้งนั้น
เสื้อผ้าทุกชุดบนรันเวย์ตอนนี้คือความภาคภูมิใจในอาชีพดีไซเนอร์ของพวกเธอ และการได้จัดงานแฟชั่นโชว์ มีคนในวงการมากมายมาดูโชว์พร้อมปรบมือให้หลังจบงาน ก็เรียกว่าเป็นความฝันสูงสุดเลยก็ว่าได้
“ยินดีด้วยนะครับ คุณไอ”
หลังจบงานและเธอเดินออกมาจากหลังเวที ยืนท่ามกลางนายแบบหลายคนให้สื่อถ่ายรูป ไอรดาผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อก็ได้รับช่อดอกไม้สวยๆ มากมายอีกตามเคย
แน่นอนว่าช่อดอกไม้พวกนั้นมาจากผู้ชายที่หลงเสน่ห์ดีไซน์เนอร์สาวสวยมากความสามารถคนนี้
อย่างผู้ชายคนที่พึ่งเดินเข้ามาหาเธอคนนี้ ก็คือมาติน CEO หนุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการเครื่องประดับ เรียกว่าเพียงแค่เขาลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันเดินมาหาไอรดาด้วยซ้ำ เสียงกดชัตเตอร์ก็ดังรัวแล้ว
“ขอบคุณค่ะมาติน”
ไอรดารับช่อดอกไม้มาจากเขา พร้อมแจกรอยยิ้มที่ทำให้มาตินต้องมองค้างไปหลายวินาที
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ เรียกว่าเป็นความสวยแบบที่ทำให้ใครๆ ต่างต้องมนต์สะกดได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ทั้งผิวขาวเนียน รูปร่างผอมบางอรชร ดวงตาเรียวที่แม้จะดูดุนิดๆ แต่ก็ชวนให้หลงใหลเพียงแค่ได้มอง จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากอิ่ม ยิ่งเวลาที่ทาลิปสีแดงเบอร์กันดีแบบนี้ สวมเสื้อผ้ารัดรูปที่ดูแพง เข้ากับรองเท้าส้นเข็มเสริมให้ช่วงขาดูเพรียวยาว ทุกองค์ประกอบราวกับเกิดมาเพื่อเสริมเสน่ห์ของเธอ ไม่ว่าใครที่มองมาก็ไม่อาจจะต้านทานความเย้ายวนนี้ได้จริงๆ
นอกจากรูปลักษณ์ที่ทำให้ผู้ชายไม่อาจหยุดมองได้แล้ว ไอรดายังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดพูด มีวาทศิลป์ อยู่ใกล้ใครแล้วก็รู้สึกเหมือนจะต้องหยุดฟังเสียงหวานๆ ของเธอ
“เสร็จจากงานนี้แล้ว คุณไอมีนัดหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะคุณมาติน”
ชายหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสที่พูดภาษไทยได้คล่องปร๋อถามออกมาแบบนี้ แล้วไอรดาจะตอบเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ
ถึงห้องเสื้อของเธอจะมีชื่อเสียงไปถึงในต่างประเทศแล้วก็เถอะ แต่ไอรดาก็ไม่กล้าที่จะเชิดใส่ผู้มีอิทธิพลมากมายหรอก กลัวว่ามันจะมีผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคต
“ถ้างั้น....ไว้เสร็จจากนี้เราไปฉลองด้วยกันดีไหมครับ”
“ถ้าคุณมาตินไม่รังเกียจนะคะ” เธอพูดด้วยความเกรงใจ
แต่แค่การช้อนสายตามองก็ทำให้มาตินยิ่งใจเต้นแล้ว เขาถึงกับส่งยิ้มหวานหัวเราะในลำคอ
“ผมจะรังเกียจคุณไอได้ยังไงล่ะครับ”
การสนทนาของทั้งคู่อยู่ในสายตาคนมากมาย เรียกว่าเป็นที่จับตามองเลยก็ว่าได้
“พรุ่งนี้มีข่าวคบกันแน่”
นุนีหันไปกระซิบกับมินตราซึ่งพยักหน้ารับเห็นด้วย “แต่ฉันว่าก็ดีนะ แฟชั่นโชว์ครั้งหน้าจะได้เอาเครื่องประดับแบรนด์ของคุณมาตินมาใส่กับเสื้อผ้าของเรา”
“อืม.... จริงของแก เดี๋ยวคืนนี้ฉันไปดูเรฟเอาไว้เลย จะได้เตรียมออกแบบชุดรอ”
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรียกว่าตั้งแต่ไอรดาเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้า นอกจากจะได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากสังคมแล้ว ตัวของเธอผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อก็ยังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและคนมีชื่อเสียงในวงการมากมาย เพราะความสวยของเจ้าของแบรนด์
ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าเธอคบกับคนนั้นคนนี้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนแทบจะเรียกว่าเป็นข่าวฮอทในวงการแฟชั่นเลยทีเดียว
แต่ถึงจะมีคนมองว่าไอรดาใช้เต้าไต่ให้ขึ้นมาอยู่ระดับนี้ได้ นุนีกับมินตราก็ไม่คิดจะสนใจ และไม่อยากห้ามเพื่อนเรื่องความสัมพันธ์ด้วย พวกเธอกลับคิดว่าการที่ไอรดาใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรด้วยซ้ำ
จะมีคนที่ไม่พอใจ....ก็คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเวทีด้วยกันนี่แหละ
“จะยืนจีบกันอีกนานไหมวะ”
ตอนที่นุนีกับมินตราชำเลืองไปแล้วรับรู้ถึงรังสีแปลกๆ จากชายหนุ่มที่ชื่อนนท์รที พวกเธอก็ต้องกลืนน้ำลายเสียงดัง กลายเป็นไม่กล้าพูดอะไรต่อ
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าไม่พอใจสุดๆ ยิ่งกัดฟันยืนกำหมัดแบบสั่นๆ อีก
“น้องนนท์ ใจเย็นๆก่อนนะ....” มินตราหันไปปลอบเสียงเบา แต่เหมือนนท์รทีจะไม่ได้ยินแล้ว เพราะโกรธจนเกือบจะหูดับสติหลุด
อ่า...คงไม่ใช่แค่เกือบแล้วล่ะ
เพียงครู่เดียวเท่านั้นนนท์รทีก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นก็คือการเดินออกไปจากมุมมืดตรงนี้
แล้วก็....เข้าไปแทรกกลางระหว่างไอรดากับมาติน
ระหว่างนั้นทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ และดูท่าเหมือนกำลังจะชวนกันเดินไปไหนด้วย
แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะเมื่อนนท์รทีเดินมาพร้อมช่อดอกไม้ ยื่นมาขวางไว้ระหว่างกลางไม่พอ ยังมีสายตาไม่พอใจส่งให้มาตินด้วย
ผู้ชายคนนี้กล้ามายุ่งกับไอรดาของเขา ใครมันจะไปทนได้ล่ะ...
“พี่ไอไม่คิดจะรับช่อดอกไม้จากผมหน่อยเหรอครับ?”
คำถามเสียงขุ่นนั้น นนท์รทีว่าออกมาพร้อมกับที่หันไปส่งสายตาตัดพ้อให้ไอรดา
“นนท์....”
ไอรดาได้แค่เรียกชื่อเล่นของเขา แม้สีหน้าของเธอจะดูนิ่งๆ อยู่ แต่แววตาบ่งบอกว่าในใจหวิวไหวเหมือนจะร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างนั้น
และเมื่อเธอยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ ก็ต้องได้ยินคำถามตอบยากจากชายหนุ่มอีกคน
“นี่ใครเหรอครับคุณไอ”
มาตินถามว่านนท์เป็นใคร...แล้วจะตอบว่ายังไงดี?
ไอรดามีท่าทางลังเล ต่างจากนนท์รทีที่กลับมาส่งยิ้มยียวนอย่างมั่นใจ
“ผมเป็นเด็กพี่ไอ”
“....”
คำตอบของเขาไม่ได้เรียกสายตาตกตะลึงจากมาตินเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คนรอบข้างทั้งหมดต่างก็ต้องมองค้างอย่างอึ้งงัน
ปกติแล้วมันมีใครกล้ายอมรับสถานะแปลกๆ อย่างนี้ด้วยเหรอ?
และไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น นนท์รทียังยื่นมือมาโอบเอวไอรดาไว้
เท่านี้ก็สามารถทำให้มาตินมองด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม ก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย
“ขอตัวนะครับคุณไอ”
เขาตัดสัมพันธ์กับเธอทันที และแม้ไอรดาทำท่าเหมือนอยากรั้งไว้แต่ก็โดนมือที่โอบเอวไว้นั่นจับแรงขึ้น
จบกัน....