ตอนที่ 2 แม่เลี้ยงใจร้าย
ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า มีแสงสีส้มจาง ๆ กระทบให้เห็นอยู่บ้าง ในเรือนรับรองที่กว้างขวางโอ่อ่าใหญ่โต ช่างเหมาะสมกับเป็นจวนของคหบดีของเมืองหลวงเสียจริง
ด้วยเพราะนายท่านตระกูลเถานั้นคหบดีใหญ่ ค้าขายจำพวกเครื่องประดับ อีกทั้งยังมีแพรไหมนำมาจากแดนเหนือและแดนใต้ ทำให้กิจการรุ่งเรืองนัก
แต่ช่วงนี้มีโรคระบาดหนักทำให้การเดินทางนั้นล่าช้าไปบ้าง จึงได้ตัดสินใจทำเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น สินค้าอย่างอื่นจำเป็นต้องตัดทิ้งไป
เถาฟงถง บิดาที่รักบุตรีลำเอียง เดินยิ้มแย้มเข้าเรือนอย่างมีความสุข เมื่อเห็นภรรยายืนรอต้อนรับหน้าเรือนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสรอคอยให้สามีกลับบ้านหลังใหญ่โต
“ท่านพี่ เดินทางมาเหนื่อย ๆ รับน้ำก่อนดี หรือว่าจะอาบน้ำก่อนเจ้าคะ” ภรรยาผู้แสนดีแต่กลับเป็นแม่เลี้ยงใจยักษ์ ทำร้ายลูกเลี้ยงทั้งตบตีและทารุณ หากมีโอกาสนางก็พร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ
น้ำเสียงออดอ้อนท่าทางแสดงออกถึงความห่วงใยในตัวของสามี ทำให้อาจิงสาวใช้ที่ดูแลคุณหนูรองถึงกับยิ้มแหย มิหนำซ้ำยังก้มหน้าหลบซ่อนความไม่พอใจเอาใจที่มันสุมจุกอยู่ในอกทุกวัน
รอเพียงแค่วันที่คุณหนูน้อยเอ่ยปากจะหนีออกจากจวนนี้เสียที อาจิงผู้นี้จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“อาจิง มาเสนอหน้าที่เรือนใหญ่เพราะอันใด” ฟงถงเจ้าของจวนขนาดใหญ่เอ่ยถามสาวใช้ตัวเล็ก ที่ยืนก้มหน้าสงบเสงี่ยมเจียมตน มิกล้าเงยหน้าขึ้นมองใครต่อใครในบ้านหลังนี้
“นายท่านคุณหนูรองป่วยเจ้าค่ะ” ใจจริงมิอยากจะมาขอความช่วยเหลือ หากว่าครั้งนี้นั้น คุณหนูใหญ่กระทำรุนแรงทำให้คุณหนูของนางตกน้ำเกือบตาย ยังนอนซมละเมออยู่ในเรือนหลังเล็ก ๆ ท้ายจวนอีก
“ป่วยอีกแล้วรึ ครานี้ไปทำอันใดอีกเล่า” น้ำเสียงดูแคลนพร้อมกับชำเลืองมองสาวใช้เป็นระยะท่าทางมิพอใจสักเท่าไหร่
มาพบหน้าทีไรก็มีแต่เจ็บป่วยไม่สบายทุกครา ช่างดูน่ารำคาญในสายตาของบิดาผู้นี้ยิ่งนัก หากเปรียบเทียบกันแล้ว บุตรสาวคนโตร่างกายแข็งแรงยังน่ารักน่าชังมาก
“คุณหนูรองถูกคุณหนูใหญ่ผลักตกน้ำเจ้าค่ะ” อาจิงยังคงก้มหน้าเอ่ยวาจากับคนที่ถามนางมา ดังนั้นแล้วนางจึงไม่อยากจะปิดปังเรื่องร้ายกาจของคุณหนูใหญ่
ที่มักแต่ชอบแกล้งคุณหนูรองครั้งแล้วครั้งเล่า ยังดูแคลนถากถางสารพัด แต่นายท่านก็มักจะทำเป็นหูทวนลมมิสนใจว่าบุตรสาวคนรองจะอยู่อย่างไรเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็เหมือนจะมิสนใจไยดี
“อย่ามาพูดจาใส่ร้ายนางนะ ลูกสาวข้ามิมีทำร้ายนางหรอกเจ้าค่ะท่านพี่” ฮูหยินใหญ่รีบเอ่ยปากพูดปัดยังปกป้องคนผิดอีก
ใครต่อใครต่างก็รู้ว่าฮูหยินใหญ่เกลียดชังบุตรีของฮูหยินรองยิ่งนักด้วยเพียงแค่เหตุผลที่ว่า ฮูหยินรองจะต้องแต่งเข้าเป็นภรรยาเอกด้วยเพราะมีการหมั้นหมายมาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ทว่านายท่านนั้นรักสตรีนางนี้ยิ่ง จึงได้เอ่ยขอร้องทำให้มารดาของว่านชิง เห็นใจจึงได้ตอบตกลง เมื่อแรกก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
พอนานวันความรักก็เริ่มจืดจางและจืดชืด ทำให้ฮูหยินรองตรอมใจ จากที่รักมากก็เหลือเพียงแค่ความเย็นชาที่มีต่อกัน
หากจะขอหย่าก็เกรงว่าบิดา มารดาจะไม่พอใจเอาได้ จึงต้องอยู่แบบบอบช้ำและตรอมใจตายไปในที่สุด ทำให้ดรุณีน้อยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ไร้คนเหลียวมอง
“ช่างอ่อนแอขี้โรคนัก” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่ามิต้องการจะได้ยินเรื่องราวของบุตรสาวคนรองอีกแล้ว เจ้าของบ้านหลังใหญ่โตก็เดินสะบัดแขนเสื้อเข้าไปด้านในอย่างอารมณ์ขุ่นมัว
“แต่ว่านายท่าน...” อาจิงเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่านายท่านเดินจากไป ดวงตาของนางกำลังกลั้นน้ำใส ๆ ที่มันกำลังจะหลั่งไหลออกมา ด้วยความแค้นใจอย่างแสนสาหัส ที่มีเจ้านายเช่นนี้ มีลูกก็รักลำเอียงยิ่งนัก
“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายนะ” ฮูหยินใหญ่ยิ้มเย้ยขึ้นมาพลางตวาดอีกครั้งเสียงของนางดังลั่น ทำให้สาวใช้ที่เดินอยู่บริเวณนั้น เร่งสาวเท้าหนีทันที เกรงว่าจะซวยเข้าให้ หากให้นางโมโหสุดขีด ใครผ่านไปมา นางก็จับเฆี่ยนจนหลังลาย
“พวกท่านช่างใจดำอำมหิตจริง ๆ คุณหนูนอนป่วยไข้ มันก็เพราะคุณหนูใหญ่ลงมือ ช่างใจจืดใจดำ ใจคอคับแคบ เสียทีร่ำรวยเงินทองมากมาย แต่จิตใจช่างดูจะ...” อาจิงเอ่ยต่อว่าอีกฝ่าย
ทำให้ฮูหยินใหญ่หน้าดำหน้าแดงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มืออวบอูมป้อม ๆ ของนางยกขึ้นมาตวัดฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าซีกหนึ่งของอาจิงอย่างเต็มแรง
“ฮูหยิน ท่านจะทำร้ายคนส่งเดชแบบนี้ไม่ได้นะ” อาจิงล้มลงที่พื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นางมิได้ร้องไห้ให้ดูน่าสงสารเห็นใจหรือเวทนาแต่อย่างใด
ตรงกันข้ามแววตาของนางดูจะชิงชังและเคียดแค้นมอบให้อีกฝ่ายไม่น้อย มือเรียวหยาบกร้านยังจับกุมใบหน้าของตนเองฝั่งที่ถูกตบเข้าให้ ยังมีเลือดไหลซึมออกมาให้รู้รสชาติของความเจ็บปวด
“นังบ่าวเลี้ยงไม่เชื่อง!” นิ้วชี้ป้อม ๆ จิ้มเข้าให้ที่หน้าผากของอาจิง “กล้าดีอย่างไร! มาขึ้นเสียงใส่ข้า! หรือเห็นว่าข้ามิได้ลงมือลงไม้กับเจ้า คิดจะตีตัวเสมอข้าที่เป็นฮูหยินใหญ่หรืออย่างไรกัน” น้ำเสียงของนางยังคงดังกึกก้องอยู่ในสมองของอาจิง มีหรือนางจะกลัว
พลัน ฟงถง เดินออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นและกล่าวว่า “เจ้าไปตามพ่อบ้านมาพบข้าแล้วก็ให้ไปตามท่านหมอ ช่วงนี้ก็ย้ายจากเรือนนั้นมาอยู่ที่เรือนกลางก่อน” สีหน้าของเขายังคงราบเรียบ แม้ว่าจะเห็นสาวใช้มีเลือดออกก็ตามที
มิได้เอ่ยตามว่าฮูหยินของเขาลงมือเพราะอันใดกัน เขาเพียงแค่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระหาได้สำคัญกว่าเรื่องที่ลูกสาวของเขาขอร้องและร้องไห้ อย่างน่าสงสาร
“เจ้าค่ะนายท่าน” น้ำเสียงพร้อมท่าทางดีอกดีใจนั้นก็ลุกขึ้น อาจิงมิทันได้สังเกตสิ่งผิดปกติอะไร เลย นายท่านก็มิได้ยิ้มแย้มสักนิด แต่สาวใช้เช่นนางดีใจอย่างสุดซึ้ง
ในที่สุดนายท่านก็ให้คุณหนูของนางย้ายจากเรือนหลังที่ทรุดโทรมแล้ว มาอยู่เรือนกลาง แม้จะไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก แต่ทว่าดูงดงามยังอยู่ใกล้เรือนใหญ่มากด้วย
สวรรค์เมตตาอาจิงแล้วจริง ๆ นางรีบยอบกายลงและหันหลังวิ่งไปตามพ่อบ้านให้ไปตามท่านหมอมารักษาเจ้านายของนางเสียที
ฮูหยินเอกภรรยาของฟงถง นางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเหตุใดสามีจึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ เพิ่งจะเข้าไปด้านในได้แค่เสี้ยวอึดใจเท่านั้น ยามออกมาก็เปลี่ยนไป
“ท่านพี่ เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ นังเด็กนั่นก็แค่แกล้งทำให้ดูน่าสงสารเท่านั้น”
“หากไม่ใช่ หลินเอ๋อร์ สงสารนาง ข้ามิยอมตามหมอมาให้เสียเงินทองของข้าหรอก”