กล้วยไม้ล้อมตะวัน 5
ณิชาล่ำลาป้าสดใสหลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ แม้จะเตรียมใจมาทั้งคืน แต่น้ำตาก็ยังเอ่อคลอจนได้ ป้าสดใสยังทำหน้าที่แม้วันสุดท้ายในฐานะแม่ครัว ร่างท้วมที่เคลื่อนไหวอย่างแช่มช้อยทว่าคล่องแคล่วในทีนั้นแทบไม่มีสิ่งใดผิดจากเดิม หากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น...แต่ณิชารับรู้ได้จากดวงตาแฝงแววปรานีคู่นั้นว่าแดงเรื่ออยู่
“ไปทำงานเถอะค่ะ ใกล้เวลาห้างเปิดแล้ว ทำงานวันแรก ไปสายไม่ดี”
“ดูแลตัวเองนะคะป้า มีอะไรก็โทร.มาหานิดนะ”
“คุณนิดก็เหมือนกัน อย่าลืมว่ายังมีป้า ถึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ป้ายังรักและอยากดูแลคุณนิดเหมือนเดิม”
หญิงสาวกอดร่างอวบท้วม แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว...กลัวจะตัดใจยาก
ร่างน้อยในชุดเสื้อโปโลสีขาวเข้ารูปกับกางเกงเนื้อผ้าสีดำเดินออกจากห้องครัวไปทางด้านหลังบ้าน ไม่นานเสียงรถสกูตเตอร์ก็ดังขึ้น แล้วเสียงนั้นก็เคลื่อนห่างออกไป
มือเรียวแข็งแรงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างใจเย็น ดวงตาคมจับจ้องร่างคนที่นั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ผ่านผนังกระจกนิรภัยซึ่งแล่นไปทางหน้าบ้าน จนทั้งคนและรถผ่านประตูรั้ว ลับหายจากสายตา
ไรวินทร์หรี่ตา สมองเริ่มครุ่นคิด ปกติณิชาจะอยู่ติดบ้านจนแทบจะขังตัวเองอยู่ในห้องส่วนตัว จนเขาเคยหวั่นว่าหล่อนจะกลายเป็นคนเก็บกด กลัวสังคมเข้าสักวัน แต่สองวันนี้กลับออกข้างนอกตั้งแต่เช้า ออกไปทีละหลายชั่วโมง…ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอมีธุระอะไรกัน
ที่แน่ๆ เขารู้ว่างานโรงแรมที่ณิชายื่นใบสมัครทั่วเชียงราชนั้นถูกบางคนสกัดไว้ ให้ตายอย่างไรเธอก็ผ่านด่านหินนั้นยาก
วูบหนึ่งไรวินทร์รู้สึกเสียดายคนหน้านวลขึ้นมาครามครันเมื่อนึกถึงเรื่องที่รู้จากแพทริเซียว่าเป็นสาเหตุให้ต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือดวงซวยกันแน่ที่ต้องไปพัวพันกับคนพวกนั้น จนถึงขั้นถูกหมายหัวเป็นศัตรู...หากทั้งหมดนี้เจ้าตัวคงยังไม่รู้
‘ฉันโล่งใจที่นิดยังไม่ย้ายออกจากบ้าน ออกไปช่วงนี้เขาลำบากแน่ ความจริงไม่ใช่นิสัยของคนอย่างนิดเลยนะที่จะทนอยู่ในฐานะคนอาศัยในบ้านที่เคยเป็นของครอบครัว เธอรู้ไหมว่านั่นน่ะเขามีเลือดเจ้าเข้มข้นเชียวละ แม่สืบเชื้อสายจากเจ้าเมืองเชียงราชเก่า ถึงบางครั้งฉันจะหมั่นไส้กับท่าทางหลังตรงคอแข็งของเขาอยู่บ้าง แต่พอรู้สภาพที่เป็นอยู่ ก็อดเวทนาไม่ได้’
ญาติสาวคนสนิทซึ่งเป็นคนแนะนำให้เขาซื้อบ้านหลังนี้ไว้ ก่อนจะถูกธนาคารยึดไปขายทอดตลาดบอก แถมยังทิ้งท้ายว่าห้ามเขากดดันณิชาเพราะกลัวเธอจะเตลิดหายด้วยแรงทิฐิและถือดี
แรกทีเดียวไรวินทร์อดหัวเราะขำนิสัยและพฤติกรรมของณิชาไม่ได้ มันช่างไม่เข้ากับชะตากรรมที่หล่อนประสบอยู่เลย แต่พอนานวัน ได้เห็นหน้าค่าตากันหลายครั้งเข้า เขากลับรู้ถึงแรงบางอย่างว่าคุกคามตัวเองอยู่
บางสิ่งในตัวณิชากำลังแซะเข้ามาในความรู้สึก จนไรวินทร์ต้องกันตัวเองออกห่าง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ยอมเฉียดใกล้หรือแม้แต่มองหน้าเธอ
จนตอนนี้หนุ่มผู้ครอบครองบ้านคนใหม่ก็ยังบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร รู้แต่ว่าความเป็นตัวตนของณิชาช่างรบกวนความคิดและจิตวิญญาณเขาอย่างน่ารำคาญ
เศรษฐีหนุ่มไม่เคยพบเจอสิ่งผิดปกตินี้ และไม่ปรารถนาจะรู้จักมันด้วย ให้เป็นอย่างทุกวันนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่เคยต้องการให้ ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ เข้ามามีอิทธิพลเหนือตัวเอง!
แม้การเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าในห้างจะไม่ใช่งานที่วาดหวังจะทำ แต่เมื่อโอกาสที่รอคอยยังมาไม่ถึงมือ และตระหนักชัดว่ามันเนิ่นนานจนไม่อาจรอได้อีก ดังนั้นการเลือกเริ่มต้นกับงานขายนี้ก็ถือว่าดีกว่าทำตัวเป็นคนว่างงาน ถึงจะมีงานแปลนิยายโรมานซ์อยู่ แต่ยังไม่เพียงพอและไม่มั่นคงที่จะทำให้เธอเดินถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
ห้างสรรพสินค้าเปิดในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา แต่สำหรับณิชาและพนักงานสาวอีกสองคนต้องมาให้ถึงก่อนสิบนาฬิกาตรง เพื่อจะจัดหน้าร้านให้พร้อมต้อนรับลูกค้าตอนเวลาห้างเปิด
“วันนี้คุณแหววไม่เข้าร้าน แต่สั่งให้พี่คอยดูแลและสอนงานให้น้องณิชา”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่เรียกนิดก็ได้”
ณิชายิ้มหวานเป็นใบเบิกทาง เธอตั้งใจเรียนรู้งานและเข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ดีที่สุด จะว่าไปถือเป็นโชคดีที่คนเก่าในร้านกลับเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อน ใครจะรู้ว่าเพียงแค่นี้ก็ทำให้คนที่มีโลกส่วนตัวสูงและปรับตัวเข้าหาคนยากอย่างณิชาโล่งใจปานยกหินใหญ่ออกจากอกแล้ว
ณิชาหวังจะสามารถทำงานที่นี่ได้ อย่างน้อยก็นานเท่าที่ต้องการ แม้เจ้าของร้านสาวสวยจะเป็นภรรยาของแฝดผู้น้องของรัชตะ นักธุรกิจใหญ่ที่เพิ่งรู้ว่าสนิทชิดเชื้อกับไรวินทร์...ผู้ชายที่เธอเกลียดแสนเกลียดอยู่ก็ตาม
แค่ต่างคนต่างอยู่ คงทำให้เราผ่านมันไปได้นะ อีกสักพักอะไรๆ ก็คงดีกว่านี้
ลูกค้าในร้านมีประปรายด้วยเป็นวันธรรมดา ณิชายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ใกล้จะบ่ายสองโมงซึ่งเป็นเวลาเดินทางของป้าสดใสแล้ว หล่อนเม้มริมฝีปากแน่นพลางครุ่นคิด ใจหนึ่งอยากไปส่งถึงท่ารถเหลือเกิน แต่อีกด้านก็เกรงใจคนร่วมงานทางนี้
สุดท้ายแล้ว เมื่อลูกค้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาในร้าน ณิชาจึงตัดความลังเลและตัดใจ เดินไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“คุณน้าจะดูกระเป๋าคอลเล็กชั่นใหม่ เห็นในเว็บไซต์ของร้านบอกว่าสินค้าจะเข้ามาวางวันนี้”
หญิงสาววัยยี่สิบต้นซึ่งรวมกลุ่มอยู่กับหญิงวัยกลางคนอีกสามคนที่ล้วนแต่งกายสวยงามและภูมิฐานบอกขึ้น ณิชาเห็นดวงหน้าเธอชัดๆ แล้วหลบสายตาวูบ หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่อาจควบคุม ก่อนจะหันหาพนักงานขายรุ่นพี่ที่รู้ว่าจะคอยดูแลเธออยู่
“ลูกค้าต้องการสินค้าแบบไหนคะ วันนี้มีล็อตใหม่เข้ามา สวยๆ ทั้งนั้นค่ะ” สายสุดาปรี่มาถามอย่างทันท่วงที หญิงสาวคนนั้นก็บอก หากสายตาไม่ละจากณิชาที่ยืนเยื้องหลังอยู่
“ดิฉันพาคุณน้ากับเพื่อนคุณน้ามาดูกระเป๋านำเข้าจากฝรั่งเศสค่ะ เห็นทางร้านบอกว่าของจะเข้าวันนี้”
“อ๋อ เชิญทางนี้ค่ะ สินค้าเพิ่งมาถึง วางขายวันนี้วันแรก เมื่อเช้ามีลูกค้ามาดูและซื้อไปสองรายแล้ว กระเป๋าล็อตนี้ออกแบบสำหรับฤดูร้อน เป็นดีไซน์ใหม่ ทางฝรั่งเศสก็เพิ่งนำออกขายค่ะ ร้านเรานำมาวางได้ไวเป็นเพราะคุณแหววเธอจัดการเองค่ะ”
สายสุดาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเดินนำไปยังมุมด้านในของร้าน หลังจากส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้ณิชาคอยดูแลหน้าร้านเช่นเดิม
มือบางชื้นเหงื่อกำเข้าหากัน แม้จะเตรียมใจไว้ก่อนว่าการเป็นพนักงานขายในห้าง คงต้องเจอคนที่ไม่อยากเห็นหน้าอยู่แล้ว เพราะเชียงราชไม่ได้กว้างใหญ่ แต่พอถึงเวลานั้นจริง เธอก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
ณิชาเหลือบมองคนกลุ่มนั้น เธอจำหญิงสาวคนนั้นได้ดี หล่อนเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีในวิทยาลัย แต่เรียนต่างคณะกัน ที่สำคัญยังเป็นเพื่อนกับรวีวิภา...ผู้หญิงคนใหม่ของคนรักเก่าที่ทิ้งเธออย่างไม่ไยดีอีกด้วย!
บ้านหลังใหญ่ที่ถูกปรับให้เป็นรูปแบบโมเดิร์นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมดูเงียบสงัด แม้เป็นเวลาเพียงหกโมงเย็น
ณิชาจอดสกูตเตอร์ไว้หลังบ้าน ใกล้ประตูห้องครัวด้วยความเคยชิน แต่พอคิดว่าในห้องครัววันนี้ไม่มีป้าสดใสอยู่แล้ว ความเหงาและโหยหาก็ประดังเข้ามาทันที
มือบางดันประตูแง้มให้เปิดกว้าง แต่ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นสภาพข้างในนั้นเปลี่ยนจากเดิม
“คุณไรวินทร์ให้ช่างเข้ามาทำค่ะ วันนี้เอาของเก่าออก เห็นช่างบอกว่าใช้เวลาสักสัปดาห์ก็ทำเสร็จ”
พ้อหวานวางมือจากจานส้มตำแล้วหันมาบอก เมื่อเห็นอดีตลูกสาวเจ้าของบ้านยืนนิ่งงันอยู่ตรงช่องประตู พลางกวาดสายตามองอย่างสงสัยอยู่
สายตาคู่นั้นเบนมาทางเด็กสาว วูบหนึ่งก็นึกห่วงว่าเมื่อป้าสดใสไม่อยู่แล้วจะมีงานให้ทำอยู่หรือเปล่า...หากไม่ทันได้เอ่ยปาก เจ้าตัวก็พูดต่อจ๋อยๆ
“ส่วนหนูก็ยังทำงานในครัวเหมือนเดิม คุณไรวินทร์แค่สั่งให้ปรับปรุงครัวใหม่ ของเก่ามันไม่สวย เชยด้วย เคาน์เตอร์พวกนี้ก็จะทุบออก แล้วเอาที่สวยๆ ทันสมัยมาใส่แทน หนูว่าก็ดีนะคะ เห็นในละครบ้านพระเอกนางเอกมีครัวสวยๆ ทั้งนั้นเลย หนูชอบ บ้านเราก็จะทำด้วยคุณไรวินทร์มีเงินเยอะ ทำให้สวยแค่ไหนก็ได้”
พ้อหวานร่ายยาวตามประสาเด็กช่างพูด ก่อนนี้ก็เพลินใจอยู่หรอก แต่พอมาวันนี้ณิชารู้สึกขวางหูขวางตาชะมัด แต่ทำได้แค่พยักหน้ารับรู้ไปอย่างแกนๆ
อยากทำอะไรก็ทำ บ้านนี้เป็นของเขาแล้วนี่!
ณิชาเข้าห้องส่วนตัวชั้นล่างที่ไม่ห่างจากห้องครัว วางกระเป๋าและสัมภาระไว้บนโต๊ะใกล้ประตูห้อง แล้วตรงไปยังห้องน้ำ ล้างหน้าล้างแขนให้พอสดชื่น แล้วจึงออกมา ผัดแป้งจนหน้านวล มองภาพตัวเองที่สะท้อนจากกระจกเงา เรียวปากอิ่มเปิดแย้ม หวังจะเติมพลังและเรียกกำลังใจ
เมื่อกวาดสายตามองรอบห้องขนาดกว้างพออยู่สบาย แล้วนึกต่อว่าสักวันเธอก็ต้องเดินออกจากบ้านหลังนี้เหมือนป้าสดใสเช่นกัน พลันก็ใจหายไม่น้อย
หญิงสาวตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายที่วางไว้เมื่อครู่ ตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน หล่อนไม่มีจังหวะใช้มัน เพิ่งจะมาเปิดดูก็ตอนนี้แหละ แล้วเห็นว่ามีสายจากบัวบูชาเรียกเข้ามา คงอยากจะทักถามถึงการเริ่มงานในวันแรก
เธอเปิดประตูห้องเดินออกมา ไม่ลืมหยิบหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนาซึ่งเป็นต้นฉบับใหม่จากสำนักพิมพ์ที่ส่งมาให้ มืออีกข้างกำโทรศัพท์มือถือไว้มั่น ย่างเท้าไปทางประตูด้านหน้า คิดจะหามุมสงบคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทให้หายเหงา วันนี้มีเรื่องราวมากมายจะเล่าแก่กัน
แต่พอพ้นประตูออกมาที่ระเบียงหน้าบ้าน ร่างบอบบางอ้อนแอ้นก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูไม่คุ้นตาปราดมาจอดเทียบไม่ห่าง โดยไม่ให้สงสัยนานก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อทีเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์เปิดจากฝั่งผู้โดยสาร เขาเหลือบมองหล่อนนิดเดียว...นิดเดียวจริงๆ ก่อนสาวเท้ายาวๆ อ้อมไปทางฝั่งคนขับ ก้มลงพูดบางอย่าง จังหวะนั้นเมื่อหน้าต่างรถถูกลดลงณิชาจึงเห็นคนข้างในชัดเจน เธอเป็นสาวสวย ท่าทางโฉบเฉี่ยว พูดคุยพลางแย้มรอยยิ้มให้เขาอย่างหวานหยดย้อยเชียวล่ะ
ณิชามองภาพนั้นแล้วทอดถอนใจ ก้าวลงบันไดจากระเบียงโดยไม่สนใจสองหนุ่มสาวนั้นอีก
คุ้นอยู่ว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นลูกหลานของเจ้าของโรงแรมใหญ่ในเมืองเชียงราชนี่ละ และเป็นหนึ่งในโรงแรมที่เธอร่อนใบสมัครไปเมื่อเกือบปี
เชียงราช...บ้านเกิดเมืองนอนของณิชา จะไม่มีสักที่ให้เธอเริ่มชีวิตใหม่กันเลยหรือ...หญิงสาวคิดอย่างทดท้อใจ
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป” เสียงห้าวดังขึ้น พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์รถเป็นสัญญาณให้รู้ว่ากำลังเคลื่อนออกไปแล้ว
“คะ มีอะไร” ณิชาหันมาถาม สีหน้าสีตาบ่งบอกว่าสงสัยเต็มที่ นึกไม่ออกว่าคนอย่างไรวินทร์มีอะไรจะคุยกับเธอ
“วันนี้คุณไม่ไปส่งป้าสดใส”
“ค่ะ” ตอบสั้นๆ ก่อนทำท่าจะหันหลังกลับเพื่อเดินไปทางเดิม จนอีกฝ่ายต้องรีบท้วง
“ค่ะ?...หมายความว่าไง”
“หมายถึงฉันไม่ได้ไปส่ง เพราะช่วงที่ป้าออกเดินทางฉันยังติดธุระ ปลีกตัวไปไม่ได้ จึงต้องลาป้าในตอนเช้าแทน...ชัดเจนไหมคะ หรือคุณมีอะไรจะถามอีก”
“แล้ววันนี้หายไปไหนมา”
เจ้าหล่อนเปิดโอกาสให้ถามแล้วนี่ ไม่สนใจละว่าประชดหรือตั้งใจจริง คนอย่างไรวินทร์ก็ไม่ละโอกาสที่จะทำตามใจตัวเอง
“ธุระส่วนตัวค่ะ”
“สำคัญมาก?”
ณิชามองคนร่างใหญ่ด้วยสายตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ พยายามมองว่าเขาเมาหรือเพี้ยนกันแน่ ถึงได้ถามเซ้าซี้กับเธอ...ทั้งก่อนนี้แม้แต่หน้าก็แทบจะไม่มอง
“แพทให้คอยดู ถ้าคุณมีอะไรให้ช่วยก็บอก”
ในที่สุด ณิชาก็ได้ยินคำตอบจากเขา...คำตอบที่แทบเบ้ปากว่าแสนจะไม่เข้าท่าเอาซะเลย
“ขอบคุณ แต่พวกคุณสบายใจเถอะ ฉันอยู่เป็นกาฝากไม่นาน”
แล้วหล่อนก็หันหลังจาก ทิ้งให้คนร่างสูงใหญ่ยืนมองตามหลัง ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มจุดประกายงุนงง แต่แค่แวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นขบขัน
“ผู้หญิงอะไร แปลกคนชะมัด”
ไรวินทร์บ่นพึมกับตัวเอง แต่ความสงสัยก็ยังอัดอยู่เต็มอก ณิชาออกไปทำอะไรกันแน่ ถึงขนาดยอมไม่ไปส่งป้าสดใสที่รู้ว่าเธอนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง