กล้วยไม้ล้อมตะวัน

141.0K · จบแล้ว
นลพรรณ
48
บท
940
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป! .................... “ตกใจที่ฉันรู้ใช่ไหม จะบอกให้ว่าขณะที่คุณอวดตัวว่ารู้เรื่องของฉัน การเคลื่อนไหวของคุณ เรื่องของคุณก็ไม่เป็นความลับ สำหรับฉันเหมือนกัน ฉันรู้ว่าคุณเข้ามาเชียงราชทำไม เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าฉันหาได้เมื่อไหร่จะส่งให้ตำรวจ อย่าคิดจะมาสร้างเครือข่าย สร้างอิทธิพลในเมืองนี้ได้ สักวันคุณจะตกเป็นผู้ร้ายที่ถูกส่งตัวข้ามแดนกลับไปรับโทษ” คำขู่ดุเดือดจากคนร่างกลมกลึงอรชร มันทำให้ ไรวินทร์ นึกอยาก...สั่งสอนให้รู้จักเขาเสียเดี๋ยวนี้ ชายหนุ่มเดาะลิ้น ปรายตามองแม่แมวน้อยที่กำลังสู้สายตาอย่างไม่ยอมแพ้ นึกพอใจในความเก่งกล้าของ ณิชา อย่างถึงที่สุด มันช่างผิดกับภาพแรกที่เห็นลิบลับ... แล้วอยากรู้ต่อมาว่าภายใต้ผิวขาวนวลแลดูบอบบาง กับท่าทางนิ่มนวลนั้น หล่อนจะซ่อนไฟร้อนอยู่สักขนาดไหน ซีรีย์ชุด สิงห์หนุ่มแห่งเชียงราช **วรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่**

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขานางเอกเก่งสัญญาทางรักโรแมนติกพระเอกเก่งแต่งงานแทนพ่อเลี้ยง18+

กล้วยไม้ล้อมตะวัน 1

เสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตู

ความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้ว

ดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง

“คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่”

เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคย

จะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แพทริเซีย แพทย์หญิงคนเก่งที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงเธอไม่อยู่

ณิชากัดริมฝีปากแน่น นึกชิงชังเจ้าของเสียงห้าวนั้นเหลือเกิน ครั้งแรกหล่อนเจ็บปวดหัวใจเหลือจะกล่าวเมื่อรู้ว่าบ้านที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของมารดาต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่ก็ยอมรับความจริง หญิงสาวพอจะทำใจได้ ถึงแม้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ไม่ดึงดันละว่าบ้านที่อาศัยมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนี้กลายเป็นสิทธิ์เด็ดขาดของคนข้างนอกนั่นไปแล้ว

แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน ไม่อาจทำใจยอมรับได้สักครั้ง เมื่อเห็นตำตาว่าคนที่เข้ามาครอบครองใหม่ไม่เคยจะให้เกียรติบ้านหลังนี้เลย

เขาทำเหมือนบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอไม่มีความหมาย บ้านที่พ่อกับแม่รักนักหนาคงกลายเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งในจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไรของเขา จึงได้ทำตามใจปรารถนา โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย

ณิชาเอนกายลงกลางเตียง หลังจากลังเลอยู่เป็นครู่ว่าจะเปิดไฟหัวเตียงแล้วนั่งทำงานเงียบๆ มีความมืดห้อมล้อมเป็นเกราะกำบังดีไหม แต่สุดท้ายเมื่อหูยังแว่วเสียงหัวเราะคิกด้านนอกอยู่ จึงรู้ว่าให้ตายอย่างไร สมาธิทำงานคงไม่เกิดแน่ในคืนนี้

หญิงสาวหลับตา พร่ำถามกับตัวเองเหมือนเช่นทุกคืนวัน

เมื่อไหร่เหตุการณ์ซ้ำๆ แบบนี้จะจบลงสักทีนะ เมื่อไหร่สวรรค์จะหาทางออกให้เธอเจอ หรือเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะจากที่นี่ไปเอง…

สายมากแล้ว หน้าต่างในห้องนอนชั้นล่างที่หันไปทางด้านหลังของบ้านหลังโอ่โถงถึงถูกผลักเปิดรับแสงสว่างให้สาดส่องเข้ามา ณิชาหรี่ตาลงเมื่อม่านตายังไม่สามารถปรับรับแสงจ้าได้ทันที

มือเรียวขาวยกขึ้นปกป้องดวงตา หลายสิบวินาทีถึงค่อยๆ ลดลงพร้อมกับปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จนเมื่อสายตาปรับโฟกัสรับภาพเบื้องหน้าได้ ดวงตาหวานก็เบิกโต

ผู้ชายร่างสูงในเสื้อทีเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มอยู่ในซุ้มกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่งนั้นทำให้เธอไม่อาจละสายตา มองข้ามไปได้

มันไม่ใช่ภาพชวนมอง ให้ตายอย่างไรณิชาก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ชายคนนั้นมาปรากฏอยู่ในคลองจักษุของตัวเองแน่ หากเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่สุดรักสุดหวง และด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็ทำให้คนในห้องส่วนตัวต้องจับตามองอย่างระแวง

ครั้นมือหนาเอื้อมแตะกลีบดอกคัทลียาที่ห้อยย้อยเป็นพวงจากกระถางเหนือศีรษะ คนเฝ้ามองตาไม่กะพริบต้องกลั้นลมหายใจ และแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของเธอก็โลดแรงขึ้น

ดอกกล้วยไม้สีขาวบอบบางถูกปลิดหลุดจากขั้วมาอยู่ในมือของเขา ณิชาอยากกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้ามันทำให้หัวใจที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชังบรรเทาลงได้ แล้วดอกไม้ช่อสวยก็ร่วงลงสู่พื้น เขาก้าวข้ามอย่างไม่ไยดี จนคนเฝ้ามองสุดจะทนอีกต่อไป

“คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปในซุ้มกล้วยไม้”

เจ้าของเสียงหวานใส ที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าโผล่พรวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ละว่ากำลังเป็นแบบใด

คนร่างสูงใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนใกล้ ก็ยิ่งรับรู้ว่ายิ่งสูงกว่าที่เธอคิดนักค่อยเบือนหน้ามา ชั่ววินาทีณิชาถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ล้อมกรอบด้วยขนตาหนาที่จ้องมาทางเธอ

“เธอว่าอะไรนะ ใครไม่มีสิทธิ์”

เสียงห้าวทุ้มเปล่งเบาๆ หากกระแสเสียงช่างเขย่าขวัญคนในชุดเสื้อกล้ามกระชับลำตัวกับกางเกงเนื้อผ้านุ่มที่เกาะเกี่ยวเอวกลมกลึงลู่ผ่านสะโพกผายตึงนั้นนัก...และเจ้าของดวงตาคมก็ไม่พลาดที่จะมอง

ผิวกายของณิชาร้อนวูบเมื่อถูกสายตาจ้วงจาบโลมไล้ทั่ว แต่เมื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือเร่งเรียกความกล้าออกมา ก่อนจะทำเรื่องน่าอายโดยการหันหลังกลับเสียดื้อๆ

“ฉันเคยขอหมอแพทว่าซุ้มกล้วยไม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ห้ามพวกคุณยุ่งเกี่ยว หมอแพทก็รับปาก...ดังนั้นคุณไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาด้วย”

“ทำไมฉันถึงเข้ามาในนี้ไม่ได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นสิทธิ์ของฉัน และการที่เธอบอกว่าขอแพทเอาไว้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร”

คนตัวโตที่มีรูปลักษณ์เป็นฝรั่งเสียครึ่งค่อนย้ำเสียงเข้มอย่างช้าๆ ชัดๆ มันชัดเสียจนคนฟังนึกโมโหอย่างไร้เหตุผล

“แต่...พวกคุณ”

หญิงสาวเค้นเสียงได้แค่นั้นก็หยุดลง สมองเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ คงเพราะเรือนกายหนาใหญ่ที่เห็นหลอกตาว่าสูงเพรียวนั้นช่างข่มขวัญ อีกทั้งดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอก็ทอประกายประหลาด

ชายหนุ่มก้าวขยับไปหาก้าวหนึ่ง ณิชาก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ยกสองมือขึ้นกอดอกเป็นเชิงปกป้องตัวเอง...ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเหมือนผิวกายถูกไฟสุมหมาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหนาวคล้ายจะจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“พวกคุณ? เธอหมายถึงใคร”

ไรวินทร์ยกมือเท้าเอวสอบ ท่อนขากางออกน้อยๆ ท่าทางราวกับราชสีห์ที่พร้อมตะครุบแม่กวางน้อยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในกรงเล็บ

“ซุ้มกล้วยไม้เป็นของรักของคุณพ่อ ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย และฉันก็ดูแลกล้วยไม้ทุกกอทุกกระถางอย่างดี แต่คุณมาเด็ดมันทิ้ง คุณทำลายมันทำไม”

“แค่นี้นะเหรอที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อน” เขาอุทานเสียงสูง เรียวคิ้วหนาเลิกขึ้น แลคล้ายประหลาดใจ แต่ณิชารู้หรอกว่าเสแสร้งชัดๆ จนเมื่อคำท้ายหลุดออกมา ดวงหน้าเธอถึงกับร้อนผ่าว

“ไร้สาระจริงๆ”

แล้วเรือนร่างบอบบางทว่ากลมกลึงได้สัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นถึงกับผงะเซแทบล้ม เมื่อกายหนาเคลื่อนเฉียดกระแทกออกไป ไม่ต้องให้ใครบอกณิชาก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำหยาบคายกับเธอ

หล่อนหันมองตามคนที่ย่างเท้าออกไปอย่างมั่นใจ มือบางกำแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อไม่อาจทำอะไรเขาได้

“คนจิตใจหยาบกระด้าง จอมทำลาย น้ำหน้าอย่างคุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณมันคนหยาบ ไม่คู่ควรจะเข้ามาอาศัยด้วยซ้ำ”

ได้ผลชะงัดนัก เมื่อได้ปล่อยคำที่อัดอยู่ในอกออกไป คนร่างใหญ่ถึงกับชะงักเท้า ณิชาเกร็งตัวรับสถานการณ์ ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่โง่ที่จะต่อกรกับคนคนนี้ซึ่งหน้า แต่ถ้าให้ทนอยู่นิ่งเฉย ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าข้าวของของพ่อแม่ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า ให้เธอเป็นกำลังใจนั้นถูกเขาย่ำยีอยู่ทุกวี่วัน โดยไม่คิดทำอะไรเลย เธอคงเป็นลูกอกตัญญูเกินไป

แต่สิ่งที่ณิชานึกหวั่นก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นแค่หยุดนิ่ง เขาหยุดหลายวินาที นานพอจะให้เธอต้องกลั้นลมหายใจรอจนปวดแสบในอก ก่อนเดินต่อเข้าบ้านเสียอย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจเต้นระรัวอยู่ลำพัง

จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในอกซ้ายสงบลง ณิชาจึงผ่อนลมหายใจยาวเหยียด

“ช่างเขา เราพูดความจริงนี่ จะโกรธก็ช่าง”