4. หวง
เรวดีที่ถูกหนุ่มแปลกหน้าคนนี้อุ้มก็ใจเต้นจนแทบจะหลุดออกจากอกอยู่แล้ว ยิ่งเธอได้เงยหน้าเห็นเขาใกล้ๆแล้วก็ยิ่งเขินอย่างบอกไม่ถูก แถมเธอยังสัมผัสได้ถึงกล้ามแน่นๆของเขาอีก
“กลัวเหรอ ตัวเกร็งเชียว ผมแข็งแรงมากพอจะอุ้มคุณไปอย่างปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกลัวหรอก” ศิลาเอ่ยพูดบอกเธอไปอย่างอ่อนโยน เมื่อเธอนั้นเกร็งตัวจนเขารับรู้ได้
“ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่เจ็บขาที่เป็นตะคริวเท่านั้นค่ะ” เรวดีตอบไปแล้วก็มองไปทางด้านหน้าที่เขากำลังเดินไป ก็เห็นว่าเขานั้นกำลังเดินไปที่บ้านหลังใหญ่ริมทะเล ที่เธอใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายพรีเวดดิ้งเมื่อกี้
ด้านเพชรรัตและพันทิวาที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นภายในบ้านพักต่างอากาศนั้นก็ได้ยินเสียงลูกๆของพวกเขาร้องเรียกเสียงดังก็พากันลุกเดินออกไปดู แล้วก็เห็นสองแฝดนั้นตัวเปียกปอนกันมา แล้วศิลาก็อุ้มผู้หญิงที่ไหนมาก็ไม่รู้แถมยังตัวเปียกมาด้วยกันทั้งคู่อีก
“เกิดอะไรขึ้นน่ะศิลา แล้วนี่เราอุ้มใครมาเนี่ย” เพชรรัตเอ่ยถามน้องชายของเขาออกไป แล้วก็มองน้องชายอุ้มผู้หญิงคนนั้นไปนั่งที่โซฟาข้างสระว่ายน้ำภายในบ้านอย่างสงสัย แถมยังรู้สึกคุ้นๆหน้าของผู้หญิงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเขานั้นเคยเจอที่ไหนมาก่อนอย่างนั้นแหละ
ส่วนเรวดีพอได้เห็นหน้าของหมอศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่นั้นก็จำได้ทันที เพราะรูปของเขานั้นมันถูกตั้งโชว์ไปทั่วโรงพยาบาล เธอไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกันขนาดนี้
“ลูกพีชกับลูกนัทจมน้ำนะครับพี่ แล้วคุณเรย์เขาก็เข้าไปช่วยไว้ แล้วเขาเป็นตะคริวผมก็เลยอุ้มมาพักที่นี่ก่อนเพราะแดดที่ชายหาดมันเริ่มร้อนแล้ว” ศิลาพูดอธิบายออกไปแล้วก็ปล่อยตัวเรวดีนั่งลงที่โซฟาอย่างอ่อนโยน ก่อจนนั่งยองๆไปนวดน่องให้กับเธอ
“ลูกนัท ลูกพีช แม่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคลื่นมันแรงอย่าลงไปเล่นน้ำตอนนี้ เห็นไหมว่ามันอันตรายน่ะห้ะ ถ้าพี่เขาไปช่วยเราไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมหึ” พันทิวาพูดบอกไปแล้วก็มองลูกทั้งสองอย่างดุๆออกไป เพราะถ้าคนไปช่วยไมทันลูกๆของเธอคงไม่รอดแน่ แค่คิดแบบนี้แล้วใจของเธอมันก็รู้สึกใจหายวาบแล้ว
“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ ”สองแฝดก็ถึงกับทำหน้าเศร้าแล้วก็ก้มหน้าอย่างยอมรับผิด เพราะพวกเขานั้นแอบไปเล่นน้ำโดยไม่บอกอาก่อนจนเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้
“ผมผิดเองแหละครับที่ไม่ดูแลเด็กๆให้ดี ปล่อยให้พวกแกคาดสายตา พี่พันอย่าไปว่าอะไรพวกแกเลย” ศิลาพูดบอกไปอย่างปกป้องหลานทั้งสอง เพราะถ้าเขาดูแลหลานๆดีมันก็ไม่เป็นอย่างนี้
“เอาน่าคุณ ลูกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าไปดุลูกๆเลยน่า ต่อไปลูกก็ไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะ ลูกนัท ลูกพีช พากันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดไป เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” เพชรรัตพูดออกไปอย่างอ่อนโยน เพราะลูกๆของเขาก็ซนกันไปตามประสาเด็ก ตอนนี้เด็กๆก็รู้แล้วว่ามันอันตรายต่อไปก็คงไม่ทำอีก ดุไปก็เท่ากับว่าซ้ำเติมลูกไปอีก
“ครับคุณพ่อ / ค่ะคุณพ่อ” สองแฝดพูดพร้อมกันก็รีบวิ่งออกไปทันที เพราะอยู่ต่อก็โดนพ่อแม่ดุอีก
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยลูกของฉันไว้ถ้าไม่ได้คุณฉันแย่แน่ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าเช็ดตัวกับชุดมาให้คุณเปลี่ยนดีกว่านะคะ เดี๋ยวคุณจะไม่สบายไปซะก่อน รอแปปนะคะ” พันทิวาพูดออกไปก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะรีบเดินออกไปเอาชุดใหม่ให้กับผู้มีพระคุณที่ช่วยลูกของเธอไว้
“อ่อ… ขอบคุณค่ะ” เรวดีเอ่ยพูดออกไปก็ยิ้มให้ก็มองผู้หญิงสวยๆคนนั้นเดินออกไปแล้วเธอก็นั่งเกร็งๆท่ามกลางสายตาของผู้ชายทั้งสองคน
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยลูกผมไว้ แต่คุณหน้าค้นๆนะครับ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” เพชรรัตพูดไปก็มองหน้าของผู้หญิงตรงหน้าอย่างคุ้นๆ
ศิลาก็แลสายตามองพี่ชายของเขาอย่างจดจ้อง เพราะพี่ชายเขาพูดแบบนี้กับเธอแล้วมันเหมือนพี่ชายเขากำลังทำตัวเจ้าชู้ใส่เธอ นี่ขนาดมีเมียแล้วนะเนี่ยยังจะกล้าทำตัวเจ้าชู้อีก
“พูดแบบนี้มันทะแม่งๆนะพี่เพชร มีเมียแล้วนะพี่อย่าลืมสิ” ศิลาพูดไปอย่างกันซีนพี่ชายสุดๆ เพราะขนาดเขายังต้องนิ่งเลย แต่พี่ชายเขากลับใช้มุกนี้ถามเธอออกไปได้
“ไอ้บ้า ที่ฉันถามเขาก็เพราะว่าฉันรู้สึกคุ้นหน้าเขาจริงๆนิวะ ไม่คิดแบบที่แกคิดสักหน่อย” เพชรรัตรีบพูดปฎิเสธอไปอย่างอดไม่ได้ เมื่อน้องชายของเขาคิดว่าเขานั้นกำลังจะพูดจีบเธอ เขาจะทำแบบนั้นทำไมกันในเมื่อเขาไม่เคยคิดนอกใจเมียของเขาเลย
“อ่อ เราคงจะเจอกันผ่านๆที่โรงพยาบาลมั้งคะ ฉันเป็นหมอฟันอยู่โรงพยาบาลเดียวกับคุณหมอเพชรนั่นแหละค่ะ ฉันชื่อเรวดี เรียกเรย์ก็ได้ค่ะ” เรวดีพูดบอกไปตามตรง เพราะเขาเป็นหมออันดับหนึ่งของโรงพยาบาลไม่มีใครไม่รู้จักเขา แต่เขาอาจไม่รู้จักเธอเพราะเธอเป็นแค่หมอฟันธรรมดาๆเท่านั้น
“ไม่น่าล่ะผมถึงได้คุ้นหน้าของคุณจังที่แท้ก็ทำงานที่เดียวกันนี่เอง งั้นต่อไปถ้าคุณเรย์มีปัญหาอะไรบอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยคุณเรย์เต็มที่เลย งั้นเย็นนี้ผมของเลี้ยงอาหารเย็นคุณเรย์เป็นการตอบแทนนะครับ” เพชรรัตพูดบอกไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ยิ่งรู้ว่าเธอนั้นทำงานที่เดียวกันเขาก็อยากจะตอบแทนเธอที่ช่วยชีวิตเขาไว้
“ชวนเขาคนเดียวได้ยังไงล่ะพี่เพชร เขาอาจมากับแฟนเขาก็ได้ เมื่อกี้ผมเห็นเขาถ่ายพรีเวดดิ้งกันอยู่เลย”ศิลาพูดออกไปแล้วก็เงยหน้าสบตากับเธอก่อนจะนวดน่องของเธอต่อไป เพราะเธอนั้นมีคนรักอยู่แล้ว มันจึงทำให้เขานั้นไม่สามารถทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานแล้วอย่างเธอได้
“อ่าว นี่คุณเรย์กำลังจะแต่งงานแล้วเหรอครับ” เพชรรัตเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มดีใจที่ได้รู้ว่าเธอนั้นกำลังจะแต่งงานแล้ว
“ใช่ค่ะ หมอวิทที่อยู่แผนกหัวใจนั่นแหละค่ะแฟนของเรย์เอง ตอนนี้เรากำลังเตรียมงานกันอยู่ค่ะยังไม่ได้บอกใครเท่าไหร่ แต่คืนนี้พี่วิทเขามีเคสผ่าตัดด่วนก็เลยจะกลับกรุงเทพแล้ว แต่เรย์ยังอยู่พักผ่อนที่นี่ต่อ ดังนั้นเย็นนี้เรย์มาทานข้าวที่นี่ได้ค่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าทานมื้อเย็นคนเดียวไม่ใช่เหรอคะ” เรวดีพูดตอบไปตามตรงแล้วก็ยิ้มออกมา
“อ้อแฟนหมอวิทนี่เอง บังเอิญจริงๆเลยนะครับที่เรามาเจอกันที่นี่ งั้นเย็นนี้เชิญเลยนะครับ” เพชรรัตพูดบอกไปอย่างยินดี เพราะเขานั้นรู้จักวิทวัสแฟนของเธอดีเนื่องจากทำงานอยู่ในแวดวงแพทย์ศัลยกรรมด้วยกัน แค่คนละแผนกกันเท่านั้น
ในที่สุดศิลาก็นวดจนอาการเป็นตะคริวของเรวดีนั้นดีขึ้น แล้วพันทิวาก็เอาชุดและผ้าเช็ดตัวมาให้เรวดีเปลี่ยน พร้อมกับพูดคุยกันอย่างถูกคอจนพันทิวาและเพชรรัตนั้นเรียกเรวดีว่าน้องไปแล้ว
จากนั้นไม่นานเรวดีก็ขอตัวกลับโรงแรมที่เธอพักเพราะเธอจะต้องไปส่งวิทวัสนั้นกลับกรุงเทพแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเก็บของลงมาแล้วหรือยัง และศิลาก็อาสามาส่งเธอ และเขาก็ให้เธอจับแขนของเขามาตลอดทางเพราะขาที่เป็นตะคริวนั้นยังเจ็บแปลบๆอยู่นิดหน่อยทำให้เธอเดินไม่สะดวกนัก
“เรย์ ทำไมถึงใส่ชุดนี้ล่ะ..แล้วดูสิผมเปียกแบบนี้ไปทำอะไรมาหึ…แล้วนี่ใครทำไมจับมือถือแขนเขามาแบบนั้น…” วิทวัสพูดไปพร้อมกับเขาไปหาเธอแล้วเอามือจับที่ผมของเธอแล้วมองอย่างเป็นห่วงเธอ ก่อนจะแลสายตาไปมองผู้ชายที่เดินมากับเธอก่อนหน้านี้อย่างจดจ้อง ว่าเขาเป็นใครกัน ที่แน่ๆลักษณะดูภูมิฐานแบบนี้คงไม่ใช่หนึ่งในทีมงานแน่
ศิลาก็มองหน้าของผู้ชายตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปากออกไป เพราะสายตาของผู้ชายคนนี้บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่ากำลังหึงหวงแฟนสาวใส่เขา ซึ่งมันก็น่าหวงอยู่หรอกก็เธอออกจะน่ารักและสวยขนาดนี้
“อ่อ พอดีเรย์ไปเด็กจมน้ำมาน่ะค่ะก็เลยเปียกแบบนี้ แม่ของน้องเขาก็เลยให้เรย์ยืมชุดเขามาเปลี่ยนก่อน ส่วนนี่คุณศิลาค่ะ เป็นอาของเด็กๆที่เรย์ช่วยไว้ เรย์เป็นตะคริวน่ะค่ะเขาก็เลยอาสามาส่ง แล้วเขาก็ช่วยพยุงเรย์มาส่งพี่วิทนี่แหละค่ะ” เรวดีอธิบายบอกไปอย่างไม่ต้องการให้แฟนหนุ่มของเธอเข้าใจผิด ก่อนจะปล่อยมือจากแขนของศิลามาแล้วเธอก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาแฟนหนุ่ม
“ค่อยๆนะเรย์… อ่อ ผมวิทวัสครับ เป็นแฟนของเรย์ครับ ขอบคุณที่พาแฟนผมมาส่งด้วยนะครับ” วิทวัสเข้าไปจับแขนของเรวดีไว้อย่างเป็นห่วงเธอ ก่อนจะพูดบอกไปแล้วมองหน้าชายตรงหน้าอย่างจดจ้อง เพราะหน้าตาหล่อขนาดนี้เขาล่ะไม่ไว้ใจเลย ดูสิ หน้าตาและรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาก็ดูเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ แฟนของคุณช่วยหลานของผมไว้ เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องมาส่งอยู่แล้ว ผมศิลา ยินดีที่ได้รู้จักคุณวิทวัสนะครับ” ศิลาเอ่ยพูดออกไปอย่างเรียบๆ เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงที่แฟนแล้วอยู่แล้ว
“ผมส่งคุณถึงที่แล้วงั้นผมขอตัวก่อนนะ” ศิลาหันไปหาเรวดีแล้วเอ่ยพูดบอกเธอไป ก่อนจะยิ้มส่งให้เธอไปอย่างอ่อนโยน เพราะเขามาส่งเธอถึงที่อย่างปลอดภัยแล้วเขาก็ควรจะกลับได้แล้ว
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เรวดียิ้มตอบเขาแล้วเอ่ยพูดตอบเขาไป แล้วก็มองเขาเดินออกไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“เรย์ พี่ว่าเรย์กลับกรุงเทพกับพี่ดีกว่า พี่ไม่อยากให้เรย์ต้องอยู่ที่นี่คนเดียวเลย ดูสิ คาดสายตาพี่แค่แปปเดียวเราก็มีเรื่องซะแล้ว แบบนี้พี่ไม่ไว้ใจให้เรย์อยู่คนเดียวเลย” วิทวัสพูดไปอย่างไม่ต้องการให้เรวดีอยู่ที่หัวหินต่อ เพราะเขาไม่ชอบเลยเวลาที่มีผู้ชายคนอื่นมาใกล้ชิดกับเธออย่างนี้
“เรย์แค่ไปช่วยเด็กจมน้ำนะคะไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครเขาสักหน่อย พี่วิทไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะเรย์อยู่ได้” เรวดีตอบไปแล้วมองเขาอย่างไม่ยอม เพราะเธออุตส่าห์ลาหยุดและจองห้องไว้แล้ว เธอไม่อยากเสียเงินไปฟรีๆ
“แต่พี่ไม่อยากให้เรย์อยู่คนเดียวนิ เดี๋ยวก็มีผู้ชายมาจีบเรย์อีกพี่จะทำยังไงหึ” วิทวัสพูดออกไปแล้วทำหน้าอ้อนเธอไปอย่างขอร้อง
“เวลามีใครมาจีบเรย์ก็บอกทุกคนว่าเรย์มีแฟนแล้ว พี่วิทยังจะกลัวอะไรอีกล่ะคะ เรย์เป็นผู้หญิงแบบไหนพี่วิทก็น่าจะรู้ดีนิคะ ดังนั้นเรย์ไม่มีทางนอกใจพี่วิทแน่นอนค่ะ มันก็เหมือนกับที่พี่วิทเจอผู้หญิงคนอื่นนั่นแหละค่ะ เรย์ไว้ใจและมั่นใจว่าพี่วิทก็ไม่มีทางนอกใจเรย์เหมือนกัน” เรวดีพูดออกไปก็มองหน้าของวิทวัสอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเขาไม่มีทางนอกใจเธอแน่ คนบ้างานอย่างเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปนอกใจเธอได้ล่ะ