2. โลกสองใบ
จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบชุดที่จะใส่ถ่ายต่อไปมาวางไว้ที่เตียงแล้วก็ค่อยๆถอดชุดเจ้าบ่าวนี้ออกไป แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาซะก่อน พอเขาเห็นว่าเป็นเบอร์แม่ของเขาโทรมาหลายสายแล้ว เขาจึงรีบโทรกลับหาแม่ของเขาทันที
“ว่าไงครับแม่ ทำไมแม่โทรหาผมหลายสายจังมีอะไรหรือเปล่าครับ” วิทวัสเอ่ยถามออกไปเมื่อแม่ของเขารับสายของเขาแล้ว
“แย่แล้วตาวิท หนูพลอยเขากำลังจะตามแกไปที่หัวหิน” วิชุนีเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงรนรานอย่างกังวลเมื่อแฟนสาวอีกคนของลูกชายนั้นกำลังจะตามไปหาลูกชายของเธอที่หัวหิน ทั้งๆที่เธอก็ช่วยลูกชายโกหกไปแล้วว่าลูกชายของเธอนั้นไปสัมมนาแต่ไฮโซสาวก็เลือกที่จะตามไปอีก
“อะไรนะแม่ พลอยจะมาที่นี่งั้นเหรอ แล้วแม่บอกอะไรพลอยไปบ้าง” วิทวัสพูดออกมาอย่างตกใจที่ได้รู้ว่าพลอยไพลินแฟนสาวอีกคนของเขานั้นกำลังจะมาหาเขาที่นี่ ซึ่งมันจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ไม่งั้นเขาแย่แน่ๆ
“ก็บอกว่าแกไปสัมมนาตามที่แกบอกแม่นั่นแหละ แม่ห้ามเท่าไหร่หนูพลอยก็ไม่ยอมฟังเลย จะตามไปหาแกอยู่ท่าเดียวเลย ตอนนี้ขับรถออกไปนู้นแล้ว แกอย่าให้หนูพลอยเขาจับได้เชียวนะว่าแกไปกับยัยหมอฟันนี่น่ะ แกนี่นะ บอกให้เลิกกับยัยหมอฟันนั่นแล้วมาคบกับหนูพลอยคนเดียวก็ไม่ยอมฟังแม่เลย ยัยหมอฟันนี่ไม่เห็นมีอะไรดีเลยสักอย่าง สู้หนูพลอยก็ไม่ได้เลยสักนิด” วิชุนีพูดบอกไป เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกชายนั้นเลิกกับพลอยไพลิน เพราะฐานะของเธอนั้นสามารถเกื้อหนุนครอบครัวของเธอและหน้าที่การงานของลูกชายของเธอได้มากกว่าหมอธรรมดาๆอย่างเรวดีที่ลูกชายของเขานั้นคบอยู่ด้วย
“แม่ก็รู้ว่าผมรักเรย์ ผมไม่เลิกกับเรย์เด็ดขาด ยังไงก็ไม่เลิก แม่หยุดพูดแบบนี้ได้แล้ว ไม่งั้นผมจะไปบอกเลิกพลอยให้มันจบๆไปซะ” วิทวัสเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงเข้ม เพราะเขารักเรวดีไม่ใช่พลอยไพลิน และที่เขาคบกับพลอยไพลินก็เพราะคำขอร้องของแม่เขา และเขาก็พลาดถลำตัวไปมีอะไรกับเธอจนมันล่วงเลยผ่านมานานจนมันกลายเป็นความรู้สึกผูกพันธ์ทางกายขึ้น
“แกมันโง่ตาวิท หนูพลอยดีกับแกขนาดนั้นแกยังโง่ไปสนยัยหมอฟันนั่น ฉันล่ะไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่าแกแล้วแล้ว” วิชุนีพูดต่อว่าลูกชายออกไปอย่างอดไม่ได้ ที่มีเพชรอยู่ในมือแตกลับทิ้งไปหาก้อนดินก้อนกรวดแทนอย่างนี้
“เฮ้อ ผมไม่อยากจะมาเถียงกับแม่เรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวผมจัดการเรื่องพลอยก่อน ขอบคุณที่โทรมาบอกนะครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับแม่” วิทวัสพูดบอกไปก็เอ่ยขอบคุณก่อนจะรีบกดวางสายไป เพราะเขาไม่อยากจะฟังแม่ของเขาบ่นเรื่องของแฟนของเขาแล้ว และเขาจะให้พลอยไพลินมาเจอเขาอยู่กับเรวดีไม่ได้
วิทวัสก็นั่งคิดอย่างกังวลก่อนจะหาทางคิดเอาตัวรอดยังไงไม่ให้สองสาวนั้นเจอกัน เขาจึงรีบใส่เสื้อเชิ้ตแล้วแต่งตัวอย่างเรียบร้อยก่อนจะโทรไปหาพลอยไพลินทันที
“คุณนี่รู้ใจพลอยจริงๆเลยนะคะ พลอยว่าจะโทรไปหาคุณอยู่พอดีเลย คุณไปสัมมนาที่หัวหินไม่บอกพลอยเลยนะคะ ให้พลอยมารู้จากแม่ของคุณได้ยังไงกัน” พลอยไพลินพูดบ่นไปแล้วก็มองหน้าหล่อๆของแฟนหนุ่มพร้อมกับขับรถไปด้วย เพราะเธอเอาโทรศัพท์เสียบไว้ที่ด้านหน้ารถเพื่อจะได้สะดวกในการคุย
“ผมขอโทษ พอดีผมมาแทนหมอในแผนกที่ป่วยกระทันหันน่ะก็เลยไม่ทันได้โทรไปบอกคุณั แต่อีกเดี๋ยวก็สัมมนาเสร็จแล้ว ผมจะรีบกลับไปหาคุณเลยดีไหม ผมอยากทานอาหารอร่อยๆฝีมือคุณมากเลย” วิทวัสพูดออกไปอย่างออดอ้อน เพราะเขารู้แล้วว่าเธอกำลังจะมาหาเขา ดังนั้นเขาจึงแกล้งพูดดักทางเธอเอาไว้อย่างต้องการให้เธอนั้นเปลี่ยนใจไม่มาหัวหิน
“ไม่ต้องรีบกลับหรอกค่ะ เพราะตอนนี้พลอยกำลังจะตามไปหาคุณที่หัวหินแล้ว ไว้เดี๋ยวพลอยจะทำอาหารอร่อยๆให้คุณทานที่นั่นก็แล้วกันนะคะ แล้วเราก็นอนค้างที่หัวหินด้วยกันสักคืน พลอยคิดถึงคุณจะแย่แล้วค่ะ” พลอยไพลินพูดบอกไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานอย่างเอาใจแฟนหนุ่ม
“แต่คุณขับรถมาคนเดียวมันอันตราย คุณไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวผมก็กลับกรุงเทพแล้ว ผมว่าคุณทำอาหารรอผมเย็นนี้ดีกว่า อีกอย่างพรุ่งนี้ผมก็มีเวรตอนเช้าด้วยถ้าเรานอนค้างที่นี่ล่ะก็ พรุ่งนี้ผมคงเข้าเวรไม่ทันแน่ๆ” วิทวัสพูดไปอย่างโกหก เพราะเขานั้นลางานเพื่อมาถ่ายพรีเวดดิ้งกับเรวดีทำให้เขานั้นไม่มีเวรอย่างที่พูดไป เขาก็แค่จะหาทางทำให้พลอยไพลินไม่มาที่หัวหินก็เท่านั้นเอง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพลอยจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตแล้วไปเตรียมอาหารอร่อยๆรอคุณที่คอนโดก็แล้วกันนะคะ” พลอยไพลินได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ เพราะถ้าเขาเข้าเวรเช้าก็คงจะนอนที่หัวหินไม่ได้ งั้นเธอจะไปเพื่ออะไรล่ะ สู้ทำอาหารรอเขาที่นี่จะดีกว่า
“โอเค งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะครับ แล้วผมจะรีบไปหาคุณให้เร็วที่สุดเลย งั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมต้องรีบกลับเข้าไปในห้องสัมมนาต่อแล้ว” วิทวัสพูดไปอย่างโล่งใจที่เธอนั้นยอมเปลี่ยนใจ ทำให้เขานั้นไม่ต้องกลัวเลยว่ารถไฟจะชนกัน
“โอเคค่ะ พลอยรักคุณนะคะ ตั้งใจทำงานล่ะ” พลอยไพลินพูดบอกไปก็ยิ้มใส่กล้องก่อนจะโบกมือบ้ายบายแฟนหนุ่มอย่างรักใคร่ เพราะเธอคบกับเขามาเกือบจะหนึ่งปีแล้ว และเขาก็เป็นแฟนที่ดีของเธอมาโดยตลอด ถึงแม้จะคบกับแบบเงียบๆไม่หวือหวาก็เถอะ
“ผมก็รักคุณเหมือนกัน ขับรถดีๆนะครับ บ้ายบาย” วิทวัสพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะโบกมือตอบกลับเธอไป แล้วเขาก็กดวางสายของพลอยไพลินทันที
“เฮ้อ…. เกือบไปแล้วไหมล่ะ เอาไงดีวะเนี่ย เรย์จะต้องโกรธแน่ๆถ้าเรากลับไปก่อน” วิทวัสถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดบ่นๆออกมาแล้วเขาก็ทำหน้าคิดหนักว่าเขาจะบอกกับเรวดียังไงดีว่าเขานั้นไม่สามารถนอนค้างที่นี่ได้แล้ว
“เอาวะ ถ่ายๆให้เสร็จๆไปก่อนแล้วค่อยให้ไอ้เจมส์มันแกล้งโทรมาตามก็ได้ อย่างนี้เรย์คงไม่โกรธ” วิทวัสพูดออกไปอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเขาคิดจะใช้เพื่อนสนิทของเขานั้นแกล้งโทรมาหาเขา เพื่อจะหาข้ออ้างกลับไปกรุงเทพวันนี้ และเขามั่นใจว่าเรวดีจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่กับพลอยไพลินเขาก็จะอ้างกับเธอว่าเขานั้นกำลังขึ้นเวรหรือมีเคสผ่าตัดสำคัญอยู่ และเธอก็เข้าใจและไม่เคยตามติดอะไรเขาเลย
ด้านสองฝาแฝดลูกนัทและลูกพีชพอทานอาหารเสร็จ ก็ขออนุญาตพ่อแม่มาเล่นก่อกองทรายที่ชายหาดกันสองคน แต่ศิลาก็ลงมาตามดูแลเด็กๆที่ชายหาดตามคำขอของพี่ชาย และเขาก็ได้มาช่วยเด็กๆก่อทรายอย่างสนุกสนาน
“อาศิลาครับ ลูกนัทอยากจะขี่ม้าจัง อาศิลาพาลูกนัทไปขี่หน่อยสิครับ” ลูกนัทพูดออกไปก็ชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังถ่ายรูปอยู่กับม้ากันอยู่
“ลูกพีชก็อยากจะขี่ม้าเหมือนกันค่ะอาศิลา พาลูกพีชไปด้วยนะคะ” ลูกพีชพูดไปก็เข้าไปอ้อนผู้เป็นอาทันที
“ตรงนั้นเขากำลังถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอยู่ครับ เราจะไปขี่ม้าของเขาไม่ได้นะครับ เอาไว้ถ้าเขาถ่ายกันเสร็จแล้วเดี๋ยวอาจะไปเช่าให้ลูกนัทกับลูกพีชขี่นะครับ ตอนนี้ก่อกองทรายเล่นกันไปก่อนนะครับ” ศิลามองไปที่ม้าที่หลานชายชี้ไป ก็เห็นว่ามันเป็นม้าที่คู่บ่าวสาวนั้นใช้ถ่ายพรีเวดดิ้ง ทำให้เขาต้องพูดบอกสองแฝดไปอย่างอธิบาย
“โอเคครับ / โอเคค่ะ” สองแฝดก็ตอบรับอย่างเข้าใจที่ผู้เป็นอาบอก ก่อนจะหันกลับมาสนใจก่อกองทรายให้เป็นรูปร่างต่างๆอย่างสนุกสนาน
ศิลาเองก็หันไปมองทางคู่บ่าวสาวอย่างจดจ้อง แต่ก็ไม่เห็นหน้าของทั้งสองชัดเจนนักเพราะพวกเขากำลังขี่ม้าแล้วหันหลังให้กับเขาอยู่ เขาก็มองแล้วส่ายหน้าทันที เพราะถ้าเขาจะแต่งงานล่ะก็เขาจะไม่มาทำอะไรยุ่งยากอย่างนี้แน่ พาไปจดทะเบียนทำเมียไปก็จบเรื่อง ไม่ต้องเสียเวลามาจัดงานแต่งให้เปลืองเงิน ถ้าแต่งไปแล้วอยู่กันไม่รอดจะได้ไม่มานั่งเสียดายเงินทีหลัง
“กริ้งๆ….กริ้งๆ…. ลูกพีช ลูกนัท เดี๋ยวก่อกองทรายรออากันตรงนี้ก่อนนะ อาจะไปคุยกับลูกค้าแปปนึง อย่าซนนะครับ” ศิลาพูดออกไปเมื่อเบอร์ที่โทรเข้ามานั้น เป็นเบอร์ของลูกค้าที่จะสั่งอุปกรณ์ทางการแพทย์จากบริษัทของเขา
“ค่ะ / ครับ พวกเราไม่ซนแน่นครับอาศิลา” ลูกนัทเอ่ยพูดไปก็ยิ้มหน้าแป้นใส่ผู้เป็นอาไป ทำให้ศิลานั้นพยักหน้าตอบไปอย่างเข้าใจ
จากนั้นเขาก็เดินไปที่กำแพงทางขึ้นบ้านพักต่างอากาศของที่เขาพักอยู่ แล้วกดรับสายของลูกค้าคนนี้ทันที ก่อนจะพูดคุยและตกลงเรื่องการนัดหมายและรายละเอียดยิบย่อยอีกนิดหน่อย และศิลาก็แอบมองไปที่หลานทั้งสองคนอยู่ตลอดอย่างเป็นห่วง
ด้านเรวดีและวิทวัสก็กำลังภาพถ่ายกับพรีเวดดิ้งกับม้าอยู่กันริมชายหาด ทั้งสองก็ขี่ม้าด้วยกันอย่างหวานแหววจนได้ภาพพรีเวดดิ้งอย่างที่ทั้งสองต้องการ และการถ่ายพรีเวดดิ้งก็จบลงอย่างรวดเร็ว เพราะวิทวัสและเรวดีนั้นได้ถ่ายที่กรุงเทพไปบางส่วนแล้ว
“พี่วิทคะ เรย์ว่าเราน่าจะไปถ่ายที่โรงพยาบาลกันบ้างนะคะ เราเจอกันที่นั่นครั้งแรก เรย์ว่าเรามีรูปของเราที่นั่นบ้างก็น่าจะดีนะคะ” เรวดีพูดไป เพราะเธอกับเขาก็ต่างเป็นหมอที่นั่นด้วยกันทั้งคู่มันก็ควรจะมีภาพถ่ายในชุดหมอบ้างสิ
“พี่ว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ ถ้าเราไปถ่ายพรีเวดดิ้งในโรงพยาบาลมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนอื่นจะมองเรายังไงหึ อีกอย่างพี่ก็ยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังจะแต่งงานกันด้วย รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนดีกว่านะ เรายังมีเวลาอีกตั้งสองเดือนกว่าไม่ใช่เหรอ” วิทวัสพูดบอกไปแล้วก็เอามือจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอแล้วพูดออกไป เพราะถ้าพวกเขาไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่นั่นก็จะทำให้เรื่องที่เขาและเรวดีจะแต่งงานกันนั้นรู้ไปโรงพยาบาลน่ะสิ และถ้าเรื่องไปถึงหูของพลอยไพลินเข้า เขาคงไม่ได้แต่งงานกับเรวดีแน่ๆ
“เรย์เข้าใจค่ะ เรย์ตามใจพี่วิทก็ได้ค่ะ” เรวดีตอบไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง เพราะเธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะปิดบังไปทำไมกัน ในเมื่อเขาเป็นแฟนกับเธอก็มีคนในโรงพยาบาลรู้ไม่น้อยเลย กับอีแค่จะแต่งงานกันแล้วไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่นั่นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่เธอก็พูดอย่างที่เธอคิดไปไม่ได้ ทำไมมันน่าอึดอัดใจแบบนี้นะ
“ติ้ง…ติ้ง…เดี๋ยวแปปนะ ไอ้เจมส์มันส่งข้อความมาน่ะ” วิทวัสพูดออกไปอย่างโล่งใจเมื่อเพื่อนของเขานั้นส่งข้อความมาพอดี ทำให้เขานั้นไม่ต้องมาถกเถียงกับเรวดีเรื่องถ่ายพรีเวดดิ้งในโรงพยาบาลอีก แล้วเขาก็แกล้งเปิดอ่านข้อความแล้วทำหน้าเครียดๆออกมา
“พี่วิทเป็นอะไรคะทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ” เรวดีเห็นสีหน้าของแฟนที่อ่านข้อความของเพื่อนหนุ่มนั้นดูไม่ค่อยดีจึงเอ่ยถามออกไป
“เรย์ พอดีไอ้เจมส์มันส่งข้อความมาบอกพี่ว่ามีเคสผ่าตัดด่วนคืนนี้ พี่ต้องรีบกลับแล้วล่ะ พี่คงจะอยู่เที่ยวกับเรย์ต่อไม่ได้แล้ว เรย์อย่าโกรธพี่เลยนะ” วิทวัสพูดออกไปด้วยสีหน้าเศร้าใส่เรวดี เพราะถ้าเขาอยู่กับเธอต่อ พลอยไพลินก็จะตามมาที่นี่แล้วมันก็จะทำให้ทุกอย่างที่เขาปิดบังไว้ถูกเปิดเผย
“อีกแล้วเหรอคะ เฮ้อ…ไม่เป็นไรค่ะเรย์เข้าใจ เรย์จะโกรธพี่วิทได้ยังไงล่ะคะก็พี่วิทไปช่วยชีวิตคนนิ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆเรย์กลับเองก็ได้ค่ะ ถ้ากลับตอนนี้เสียดายค่าห้องพักที่จ่ายไปนะสิคะ” เรวดีพูดบอกไป เพราะเธอลางานมาสองวันเพื่อมาถ่ายพรีเวดดิ้งและมาพักผ่อนกับเขา แต่ถ้าวิทวัสติดงานผ่าตัดด่วนเธอก็เข้าใจเขาและไม่ว่าอะไร เพราะชีวิตคนสำคัญกว่าอยู่แล้ว
“เรย์จะอยู่ที่นี่ต่อคนเดียวจริงๆเหรอ พี่ไม่อยากให้เรย์กลับเองเลย พี่ว่าเรย์กลับพร้อมพี่ดีกว่าไหม แล้วเดี๋ยวพี่ลาหยุดแล้วพี่จะพาเรย์มาเที่ยวอีกที” วิทวัสพูดบอกไปอย่างไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่คนเดียว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเรย์กลับเองได้ กว่าพี่วิทกับเรย์จะลาหยุดตรงกันได้ก็ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ พี่วิทกลับไปก่อนเถอะค่ะ เรย์เที่ยวคนเดียวได้จริงๆค่ะ พี่วิทกลับไปเก็บของที่ห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวเรย์อยู่ส่งพี่ๆทีมงานเขาก่อนแล้วเดี๋ยวเรย์ไปส่งพี่ที่รถนะคะ” เรวดีพูดบอกไปอย่างจริงจัง เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าเอาแต่ใจที่จะทำอะไรเองคนเดียวไม่ได้ และหลังๆมานี้เขาทำงานยุ่งจนเธอนั้นเริ่มจะชินแล้วกับการทำอะไรคนเดียวแล้ว
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่กลับไปเก็บของที่ห้องก่อนนะ เสร็จแล้วพี่จะลงมาหาเรย์ก็แล้วกัน” วิทวัสพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้กับเธอ แล้วเขาก็เอามือขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู เพราะเธอนั้นน่ารักแบบนี้จะไม่ให้เขารักเธอได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อเธอคือความสบายใจที่เขาหาไม่ได้จากใครอีกแล้วแม้กระทั่งพลอยไพลินแฟนอีกคนของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะคบกับพลอยไพลินแต่เขาก็ยอมรับเลยว่าเขานั้นรักเรวดีมากกว่า และที่เขาคบกับพลอยไพลินก็เพราะความสัมพันธ์ทางกายและเพื่อความเจริญในหน้าที่การงานของเขาที่เธอนั้นคอยพลักดันอยู่เท่านั้นเอง เขาถึงได้เลือกที่จะแต่งงานกับเรวดีเพื่อจะผูกมัดเธอเอาไว้กับเขา หากเขาและเธอแต่งงานกันไปแล้วและเธอรู้ความจริงเรื่องพลอยไพลินขึ้นมา อย่างน้อยทะเบียนสมรสมันก็ยังช่วยเขาฉุดรั้งเธอเอาไว้ได้
“โอเคค่ะ” เรวดีพูดไปก็ยิ้มตอบเขาไป แล้วเธอก็มองเขาเดินออกไปด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิทวัสทิ้งเธอไปทำงานด่วนอย่างนี้ เขาทำจนเธอเริ่มชินและยอมรับในความยุ่งของเขาได้
พอวิทวัสเดินกลับไปที่โรงแรมแล้ว เรวดีก็เดินไปหาช่างภาพเพื่อพูดคุยด้วยเพราะเธออยากจะนัดวันส่งรูปให้เธอดู เพื่อที่เธอจะเลือกรูปให้ช่างภาพเอาไปอัดใส่กรอปรูปอันใหญ่เพื่อโชว์ในงานแต่งงานของเธอและวิทวัส
“เห้ยพี่ มีเด็กจมน้ำตรงนั้น…” ทีมงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาเสียงดัง ทำให้เรวดีที่อยู่ใกล้ๆนั้นได้ยินชัดเจน เธอก็หันไปมองอย่างรวดเร็ว
แล้วเรวดีก็เห็นเด็กสองคนกำลังชูมือขึ้นอยู่ที่ทะเลแล้วเหมือนกำลังโดนคลื่นทะเลซัดจนจะจมอยู่แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปลงไปที่ทะเลอย่างเป็นห่วงเด็กสองคนนั้น แล้วเธอก็ว่ายน้ำเข้าไปหาเด็กที่อยู่ใกล้นี้ก่อน เธอก็เอามือโอบกอดเด็กคนนั้นให้ขึ้นมาเหนือน้ำเอาไว้
“อย่าดิ้นนะหนู ไม่งั้นฉันจะไปช่วยเพื่อนของหนูอีกคนไม่ได้” เรวดีพูดบอกไป เพราะเด็กชายคนนี้ดิ้นตัวจนเธอนั้นว่ายน้ำได้ลำบาก ก่อนจะพยายามว่ายน้ำไปช่วยเด็กอีกคนอย่างทุลักทุเล
“ช่วยน้องสาวผมด้วยครับ ช่วยน้องผมด้วย ลูกพีช อดทนไว้นะ พี่กำลังจะไปช่วยแล้ว” ลูกนัทมองไปที่น้องสาวของเขาที่จะจมน้ำอย่างเป็นห่วง เขาก็ตะโกนออกไปเพราะเขาและน้องสาวนั้นว่ายน้ำได้ทั้งคู่ แต่พอมาเจอคลื่นแรงๆก็ทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถว่ายน้ำได้