บทที่ 4
อนลคิดในใจ เขาถึงกับจะทิ้งงานกันเลยล่ะหนนี้ ขอไปพักให้สมองโปร่งก่อน ส่งงานทางออนไลน์เอา ภาทิศก็เป็นมือขวาที่ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง บางทีหนนี้เขาอาจจะดันชายหนุ่มให้ออกหน้าว่าเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้กับซิมโฟนี ตัดปัญหาไปเลย
“ค่ะ เดี๋ยวแก้วบอกให้ จริงสิพี่ใหญ่ ถ้ามีเรื่องเครียดอะไร ต้องการความช่วยเหลือ บอกแก้วได้นะคะ”
“จ้ะ ขอบใจมากครับ น้องสาว”
เขานึกถึงคนที่กำลังคุยสายด้วย ก็ยิ้มนิดๆ เป็นรอยยิ้มแรกของวันกระมัง สาวหน้าคม เรือนผมตรงยาวดำมันถึงสะโพกคือเอกลักษณ์ของเธอ เรือนร่างบางเพรียวได้รูป เธอสูงโปร่งมีเรียวขาที่ยาวสวย ที่เขาไม่ค่อยได้เห็นมันนัก เนื่องจากเจ้าหล่อนชอบสวมกระโปรงยาวกรอมเท้า กระโปรงที่เป็นงานประดิษฐ์ งานตัดเย็บด้วยฝีมือของเธอเอง เสื้อผ้าของเธอหลายๆ ชุดเธอมักจะตัดเย็บเอง และมันเป็นสไตล์ที่เป็นแบบเฉพาะตัวของเธอ กลิ่นแก้วเป็นสาวเซอร์ที่ดูเซ็กซี่ และน่ารักมาก นั่นคือสิ่งที่เขามองเธอเป็นแบบนั้น ตั้งแต่ที่เธอโตเป็นสาวขึ้นมา
เมื่อก่อนเธอเป็นน้องสาวข้างบ้าน ที่ชอบวิ่งมาเล่นกับเขาและวริศลูกพี่ลูกน้องบ่อยๆ เขาชอบแกล้งเธอ ชอบหยอกเธอ ทำให้เจ้าตัวร้องไห้บ่อยๆ กลิ่นแก้วก็จะโกรธ จะไล่ตีเขาบ้าง ไล่ด่าเขาบ้าง แต่ก็จะกลับมาเล่นกับเขาทุกครั้ง ถ้าเขาง้อหล่อนด้วยของชอบ นั่นก็คือ...ดอกไม้หอมๆ
ดอกจำปี ดอกจำปา ที่เขาลงทุนปีนเก็บเพราะอันที่อยู่กิ่งเตี้ยๆ แม่บ้านเก็บไปร้อยมาลัยไหว้พระหมดแล้วถ้าเกิดว่าสาย นั่นคือสิ่งที่เขามักจะต้องเอาไปง้อเจ้าหล่อน ยามที่แหย่หนักมือไปจนน้องสาวข้างบ้านงอนป่อง แล้ววิ่งหนีกลับบ้าน และมันก็จะได้ผลทุกหน เมื่อเธอเห็นว่าเขาเอาอะไรไปฝากเธอ
จากน้องสาวตัวน้อยน่าแกล้งในวันวาน ตอนนี้กลายเป็นสาวสวย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่ในสายตาผู้ชายที่ชื่นชอบเพศหญิงที่สวยงามอย่างเขา บอกได้เลยว่า กลิ่นแก้วเป็นผู้หญิงที่สวยหาตัวจับได้ยาก เพราะหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ
ภาทิศกลับเข้ามาอีกหนในตอนบ่ายแก่ๆ พร้อมกับอาหารหลายอย่างที่เป็นของโปรดของเขา รวมถึงกาแฟคาปูชิโน่เจ้าประจำ มาในแก้วเย็นฉ่ำ
รอไม่นานทุกอย่างก็วางเตรียมพร้อมที่โต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ กั้นไว้ต่างหากจากสตูดิโอที่เขาทำงาน เป็นครัวขนาดย่อม หน้าตาของอนลยังคงเครียดนิดๆ คิ้วของเขายังคงขมวด แม้จะได้ดื่มกาแฟของโปรดไปแล้ว
“เรื่องใหญ่เลยนะครับพี่นล” ชื่อเล่นของเขาส่วนใหญ่มักจะเรียกชื่อนี้ ส่วนชื่อใหญ่นั้น มีไม่กี่คนที่ใช้เรียก
“อื้อ...พี่ควรจะทำยังไงดีวะ โฟนี่ดูจะกัดไม่ปล่อย ไหนจะพ่อเค้าอีก...”
“เกิดเป็นคนเสน่ห์แรงนี่ก็...บางทีก็อันตรายนะครับพี่นล”
ภาทิศหัวเราะ แล้วตัดชิ้นพิซซ่าใส่ในจานของตัวเอง พลางฉีกซองซอสมะเขือเทศเทราดลงไป
“อันตรายอย่างมากด้วย ช่วยคิดหน่อยสิวะ ขืนไม่ทำอะไรสักอย่าง พี่ได้แต่งงานกันโฟนี่แน่ๆ”
“อืม...ถ้าพี่นลมีแฟนก็ดีสินะครับ พี่นลดันโสด ก็เลย...หาข้ออ้างอะไรไม่ได้”
คำพูดของภาทิศ ทำให้อนลกำลังจุดประกายอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
“นายหมายความว่าถ้าพี่ไม่โสด เรื่องก็อาจจะจบ”
“โธ่...มันก็น่าจะจบสิครับ อย่างโฟนี่ไม่น่าจะอยากแย่งแฟนใครหรอก แล้วโฟนี่ผมว่าก็แค่คลั่งพี่นลเท่านั้น ไม่ได้รักอะไรหรอกครับ เด็กๆ แบบนั้น เจอคนถูกใจก็กรี๊ดกร๊าด แต่บังเอิญว่าโฟนี่น่ะ...หนักไปนิดกว่ากรี๊ดกร๊าด คืออยากจะได้พี่นลด้วยน่ะสิ”
“อืม...”
“กินก่อนเถอะครับพี่นล เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย เผื่ออิ่มแล้วจะได้สมองแล่น”
มือเรียวของอนลเอื้อมมาตบบ่ามือขวาของเขาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“พี่สมองแล่นแล้วล่ะ ขอบใจมากว่ะ ภาพสำหรับไอเดีย”
คนฟังมองเขาแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย อนลเริ่มชวนคุยเรื่องงาน ชวนเขากินนั่นกินนี่อย่างมีความสุข มันเป็นความสุขในรอบหลายวันของเขาเลยก็ว่าได้
เขาคิดออกแล้วว่าจะกำจัดเด็กสาวจอมตื้อนั่นได้อย่างไร
....
บ้านเรือนรักษ์เป็นบ้านไม้สองชั้น ซ่อนตัวอยู่ในคลองลึก ซึ่งมีเพียงเรือที่เป็นทางสัญจรเข้าออก รอบบ้านมีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกไว้อย่างร่มรื่น ท่าน้ำหน้าเรือนมีบัวปลูกไว้กำลังออกดอกหลากสีสัน คุณอังกาบน่าจะมีงานอดิเรกชิ้นใหม่เป็นแน่แท้ เขามองเลยไปยังบ้านหลังอีกหลัง ที่เห็นเพียงหลังคาไกลๆ ความทรงจำในอดีต ผุดพรายขึ้นมาในห้วงนึก ให้ได้ระลึกถึง และมีรอยยิ้ม
เขากับวริศลูกพี่ลูกน้อง เคยว่ายน้ำจากท่าน้ำบ้านนี้ เลยไปไกลจนถึงท่าน้ำบ้านหลังนั้น ปีนขึ้นไปทั้งตัวเปียกๆ ร้องเรียกเด็กหญิงซึ่งเป็นเพื่อนเล่นของพวกเขา ให้มาเล่นน้ำด้วยกัน เจ้าหล่อนมักจะมาปรากฏตัวในชุดว่ายน้ำสีสดใส พร้อมทั้งห่วงยาง ที่จำได้ดีคือมงกุฎทำจากเพชรเทียม ที่เป็นของรักของเด็กน้อย เธอสวมมันตลอด เป็นของฝากจากผู้เป็นอาซึ่งอยู่แดนไกล เห็นกลิ่นแก้วที่ไหนก็ต้องมีของสิ่งนี้ประดับศีรษะมาด้วยเสมอ
และเขานั่นแหละที่ทำให้มันพัง...
น้ำตามากมายของกลิ่นแก้ว ทำให้อนลรู้สึกผิดอย่างมาก ถึงกับนอนไม่หลับ เขาเพียรพยายาม คิดหาวิธีว่าจะชดใช้ให้เธอได้อย่างไร คนไม่เคยประดิดประดอยอะไรอย่างเขา ถึงกับนั่งหาเศษผ้ามาเย็บแล้วทับดอกไม้แห้งมาเสียบประดับ ทำเป็นมงกุฎดอกไม้มาชดใช้คืนให้กับเด็กหญิง ดอกไม้แห้งที่เลือกใช้นั้น อนลเลือกดอกสแตติสตากแห้ง เพราะสีสันของมันอยู่คงทน
มงกุฎดอกไม้บิดๆ เบี้ยวๆ ด้ายลุ่ยนั้น ก็กลายเป็นของรักของหวงของเด็กหญิงในเวลาต่อมา
ความสัมพันธ์แนบแน่นในวัยเด็ก เริ่มคลายลงตามอายุที่เจริญเติบโตขึ้น เมื่อเขาออกมาเรียนต่อ ออกมาอยู่ห่างจากคุณย่า เขากับกลิ่นแก้วก็ห่างกัน ยิ่งเมื่อเขาทำงานแล้ว เวลาไม่ค่อยมี ไม่ค่อยได้มาบ้านเรือนรักษ์ เขาก็แทบจะนับครั้งเจอเธอได้
สิ่งที่เขาจำได้เกี่ยวกับกลิ่นแก้ว คือเธอเป็นคนนิสัยค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง ไม่ขี้งอนแบบผู้หญิงคนอื่น ตรงไปตรงมา และช่างคิดประดิษฐ์ มีฝีมือเกี่ยวกับงานเย็บปักถักร้อย เธอมักจะสวมชุดเสื้อผ้าที่ทำเอง และเขาก็ลงความเห็นว่า มันช่างเหมาะกับตัวเธอนัก
ภาพของเธอที่เขาจำได้ดี คือหญิงสาวตาคมสวย ผมยาวสลวยสีดำเหมือนนกกาน้ำ มักจะมีดอกไม้หอมเสียบประดับเรือนผม เขาจำได้ว่าเธอแทบจะไม่ค่อยแต่งหน้า ใบหน้านั้นงดงามตามธรรมชาติ ผิวขาวผ่องเนียนใส ริมฝีปากอิ่มหนาเล็กน้อยนั่น แดงเรื่อเป็นสีชมพูอย่างไม่ต้องพึ่งลิปสติก
คราวริศแต่งงานไปกับรินพร สาวห้าวที่เขาเห็นหน้าเจ้าหล่อนแล้ว ก็นึกกังขาว่าน้องชายไปเอาชนะใจมาได้อย่างไร เพราะรินพรไม่ใช่สาวหวานเรียบร้อย โผงผางและใจแข็ง วริศเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของเขาว่า กลิ่นแก้วมีส่วนช่วยอย่างมากเลยล่ะ ในการเอาชนะใน หว่านล้อมรินพร
เรื่องราวนี้แหละ ทำให้เขาอยากให้เธอช่วยเขาบ้าง
อนลยกมือสองข้างมาประกบ แล้วบีบเล่นเข้าหากัน เสียงลุงเจ้าของเรือบอกว่าถึงท่าแล้ว และบอกถึงจำนวนเงินค่าโดยสาร เขาล้วงเอาเงินจ่ายให้กับลุงที่แจวเรือ ฝากฝังเรื่องรถมอเตอร์ไซค์สี่สูบคันเก่งที่ฝากแกไว้ อนลไม่ใช้รถยนต์ เขาเบื่อรถติด ชอบใช้มอเตอร์ไซค์มากกว่า เพราะความคล่องตัว และรักในความเร็วของมัน มอเตอร์ไซค์ของเขาที่ใช้ประจำคือ ฮอนด้า CBR 1000 สีขาว ของขวัญสำหรับตัวเองชิ้นแรกๆ ในการทำงานเป็นโปรดิวเซอร์
ร่างสูงโปร่งก้าวขึ้นมาที่ท่าเรือ หญิงสูงวัยซึ่งกำลังยืนเมียงมองอยู่บนเรือน ก็ถึงกับเพ่งเล็งให้ชัดว่าแขกคือใคร แต่ก็ช้าไปกว่าหญิงร่างอวบวัยกลางคน ที่วิ่งตรงดิ่งเข้าไปกอดเขา แล้วทักทายเสียงดังลั่นอย่างดีใจ
“โอ๊ย คุณใหญ่! ป้าเอียดคิดถึง ไม่ได้มาตั้งนาน เกือบจำไม่ได้เลยนะคะ”
“ถึงกับเกือบจำไม่ได้เลยหรือครับป้าเอียด”
อนลเอ่ยหยอก เขากอดตอบนาง แล้วบีบเอวหนานั่นเล่นเบาๆ เอียดทำสะดิ้งปัดมือเขาออก แล้วค้อนเขาอีกวงใหญ่ อนลถึงกับหัวเราะ ท่าทางราวกับสาวรุ่นนั่น
“แหมมมม” นางลากเสียง
“กว่าจะมาได้นี่ต้องให้คุณแก้วโทรศัพท์ไปตาม ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ได้เห็นหน้ากันล่ะค่ะ”
“โถๆ งอนผมกันทั้งบ้านเลยหรือเปล่าครับนี่”
เขาเงยหน้ามองไปบนเรือน เห็นว่าประมุกของบ้านชะเง้อมองเขาจากระเบียง เขาจึงไหว้แล้วโบกมือให้กับท่าน พลางตะโกนเสียงดังทักทาย เพื่อให้คุณอังกาบได้ยิน
“คุณย่าครับ หลานชั่วมารายตัวแล้วครับผม”
“ย่ะ”