บทที่ 2
เธอไหวไหล่ พลางบ่นให้คุณอังกาบฟังว่า ทำไมเธอถึงมองว่าการมีคู่ครองมันไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
“นี่ล่าสุด ยัยพรีมก็บ่นกับแก้วทุกวัน ร้องไห้กับแก้วทุกวัน ว่าอยากจะหย่า เฮ้อ...”
“หืม? หนูพรีมที่เป็นหุ้นส่วนกับเราน่ะหรือ ย่าเห็นเพิ่งจะแต่งงาน ทำไมล่ะ”
“ก็ผู้ชายไปแอบซุกเมียกับลูกไว้น่ะสิคะ แล้วก็เห็นยัยพรีมเป็นถังเงิน ที่แต่งงานด้วยก็เพราะหวังเงิน สูบไปให้เมียกับลูกแล้วก็ตัวเอง”
เธอบิดปากนิดๆ นึกรังเกียจผู้ชายที่เป็นสามีเพื่อนอย่างมาก
“ยัยพรีมน่ะร้องห่มร้องไห้ บอกว่าทำใจไม่ได้ เลิกก็ไม่ได้ ก็เลยยังคาราคาซังกันแบบนั้น แก้วเห็นแล้วก็แบบ...โอย...นั่นน่ะหรือคะ แต่งงานไปแล้วจะดี มีคนดูแลจะดี”
“ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกน่าแม่แก้ว”
คุณอังกาบว่า ถอนใจน้อยๆ ตามเธอ นึกสงสารพรชนกที่ไปเจอะเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นเข้า ท่านก็เคยเจอะเจอเจ้าตัวอยู่หนสองหน พรชนกเป็นผู้หญิงเก่ง คล่องแคล่ว ฉลาด ไม่น่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ผู้ชายดีๆ อย่างพี่เล็กน่ะ มีน้อยค่ะ”
เธอเอ่ยพาดพิงไปถึงวริศ หลานชายของคุณอังกาบ ซึ่งเธอนับถือเป็นพี่ชาย
“อืม...อย่างตาเล็กมีน้อย แต่ผู้ชายอย่างตาใหญ่ท่าจะมีเยอะ”
ท่านเอ่ยถึงหลานชายอีกคน อนล...คนนี้ทำให้กลิ่นแก้วชะงัก เกือบจะสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อเขาเข้า เธอเพิ่งจะได้ข่าวคราวของเขาทางหน้าหนังสือพิมพ์ มาหมาดๆ ต้องเรียกว่า ‘ข่าวคาว’ ก็คงจะได้
อนล...หลานชายของคุณอังกาบอีกคนหนึ่ง คนซึ่งเธอไม่เคยนับถือเป็นพี่ชาย เพราะ...
“นี่ก็มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่าเด็กในสังกัดกำลังตามจีบตาใหญ่อยู่...ผู้หญิงสมัยนี้มันยังไง ไอ้ผู้ชายของเราก็กระไร ตั้งแต่เลิกกับแม่ดารานั่น นับวันก็ยิ่งมีแต่ข่าวออกมา ควงคนนั้น ควงคนนี้” ท่านนึกถึงหลานชายตัวแสบแล้วก็สั่นหน้าน้อยๆ
“มัวแต่ควงสาว ย่าไม่เคยโผล่มาให้เห็นเลย นี่ก็ไม่มาที่บ้านเรือนรักษ์มานานแล้ว เหอะ! อย่างว่าย่ามันแก่แล้วสินะ ไม่ใช่สาวๆ”
“คุณย่าคิดถึงพี่ใหญ่หรือคะ”
เธอเอ่ยถามเสียงอ่อน นึกเห็นใจคุณอังกาบ ที่คงจะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงอนล หลานชายตัวแสบของนางที่ขยันก่อแต่เรื่อง ให้คนเป็นย่าต้องห่วงและหนักใจ แถมติดต่อก็ยากลำบากนัก
“อื้อ...” ท่านพยักหน้า แล้วถอนใจน้อยๆ
“ทั้งคิดถึงทั้งห่วง ย่าให้แม่เอียดโทรศัพท์ไปก็ไม่ติด ไม่ค่อยรับ มีแต่ฝากข้อความ มันไม่โทรกลับย่าสักที หลายวันมาแล้วด้วย”
“นิสัยจริงๆ”
กลิ่นแก้วบ่นอุบ นึกเคืองถึงคนไกลว่าทำไมถึงไม่นึกเป็นห่วงญาติผู้ใหญ่ที่เหลือเพียงคนเดียวของตนเองบ้างนะ
“มันเคยบอกอยู่ว่า ไม่ค่อยรับโทรศัพท์เพราะพักนี้มีโปรเจคต้องทำงานเยอะ ให้ย่าทิ้งข้อความไว้ บอกให้ย่าติดต่อทาง...ทางอะไรนะ ไลต์ๆ อะไรสักอย่าง ย่าทำเป็นที่ไหนกัน”
นางบ่น กลิ่นแก้วถึงกับอมยิ้ม คุณอังกาบไม่ค่อยคุ้นชินเรื่องเทคโนโลยี ท่านยังใช้โทรศัพท์แบบเดิม ที่ไม่มีลูกเล่นอะไรเลยนอกจากใช้งานเรื่องการโทรศัพท์กับฝากข้อความเท่านั้น สมาร์ทโฟนแบบใหม่ซึ่งหลานชายทั้งสองซื้อมาให้คนล่ะเครื่อง ท่านก็ไม่ยอมใช้ ทิ้งเก็บไว้ในลิ้นชักเสียอย่างนั้น
“ทางไลน์หรือเปล่าคะคุณย่า”
“นั่นแหละ บอกว่าฝากข้อความไว้ในนั้นจะติดต่อกลับมา แหม...อ่านหนังสือเดี๋ยวนี้บางทีย่ายังวานเราเลยแม่แก้ว เพราะตาไม่ค่อยดี แว่นก็ยังไม่ได้ไปตัดใหม่ แล้วจะให้มาจิ้มๆ ดูๆ โทรศัพท์เครื่องแค่นั้น ย่าจะมองเห็นได้ยังไงกัน”
“เดี๋ยวแก้วติดต่อให้ไหมคะ?”
เธอนึกสงสารคุณอังกาบ เลยรับอาสาดู ทั้งที่ปรกติแล้ว เธอไม่อยากจะ...ข้องแวะหรือติดต่อชิดใกล้ใดๆ กับอนลทั้งสิ้น
เธออยากจะอยู่ไกลๆ เขาแบบนี้ เป็นน้องสาวข้างบ้านที่นานครั้งจะได้พบกันที ทักทายกันที เป็นน้องสาวข้างบ้านที่คอยเฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ
“ก็ดีสิ เอาสิแม่แก้ว ติดต่อให้ย่าหน่อย ข่าวมันถี่เกินไปพักนี้ ย่านึกเป็นห่วง ไหนจะเรื่องแม่ดารานั่นอีก ที่เคยไปอยู่กันพักหนึ่งแล้วเลิกรากันไปน่ะ ตาใหญ่ดูจะเสียใจอยู่มาก กลับมาบ้านหนก่อน พอเมามาก็ร้องไห้ฟูมฟายยังกับเด็กๆ คงจะเจ็บช้ำมากอยู่”
“ค่ะ”
กลิ่นแก้วรับคำ คุณอังกาบดูอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อเธอตกปากรับคำท่านแบบนั้น ไม่รู้ว่าคนรับปากกำลังหนักอกไม่ใช่น้อย กับการที่ต้องติดต่อกับอนล
เธอไม่อยากได้ยินเสียงเขา
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา
เธออยากอยู่ไกลๆ เขาให้มากที่สุดถ้าจะทำได้...
นั่นก็ตั้งแต่ที่กลิ่นแก้ว รู้ใจ...และยอมรับกับตนเอง...
อา...
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ที่เจ็บปวด
เธอไม่ปรารถนาความเจ็บปวด...
แต่...