บทนำ
มือเรียวที่กำลังร้อยลูกปัดอย่างเพลินๆ นั้น ถึงกับสะดุดกะทันหัน แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ‘แขก’ ในยามค่ำของเธอ นัยน์ตาคมสีนิลมองสบกับนัยน์ตาเขา ที่มองจ้องเธอมาอย่างแน่วแน่ กลิ่นแก้ววางงานในมือลงในกล่อง พยายามระงับไม่ให้มีอาการสั่น คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน ริมฝีปากอิ่มเม้มชั่วครู่ แล้วคลายออก เสียงใสเอ่ยถามอย่างลังเล
“พี่ใหญ่พูดว่าอะไรนะคะ พี่ใหญ่ขอร้องอะไรแก้ว”
“พี่พูดว่า...”
อนลก้มหน้าลงนิดหนึ่ง ใช้นิ้วถูสันจมูกเบาๆ หมวกที่เขาสวมอยู่หลุบบังนัยน์ตาเขาไปเสียเกือบครึ่ง ทำให้เธอมองไม่เห็นนัยน์ตาคู่นั้นได้ชัดเจนนัก
“พี่จะขอร้องแก้ว ขอให้แก้วหมั้นกับพี่”
“พี่ใหญ่”
เธอมองเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตเธอ นัยน์ตาของกลิ่นแก้วเบิกกว้าง มือใหญ่เรียวสวยกุมมือเธอไว้ กลิ่นแก้วกำลังรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น...
ใช่...เหมือนหัวใจเธอกำลังจะหยุดเต้น กับสิ่งที่เธอได้ยิน อนลขอหมั้นเธอ!
“ทำไม?”
“คือพี่มีเรื่องเดือดร้อน พี่เห็นว่ามีคนเดียวที่จะช่วยพี่ได้ก็คือแก้ว แล้วพี่ก็ต้องการคู่หมั้นที่จะไปสะสางเรื่องเดือดร้อนครั้งนี้”
คำพูดจากริมฝีปากหนาได้รูป ทำให้คนที่กำลังรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เมื่อครู่ ตกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว...
อ้อ...เขาต้องการเธอเป็นเพียงตัวหลอก
แล้วกลิ่นแก้วจะทำอย่างไรดีหนอ...
บทที่ 1...........
กลิ่นแก้วตรวจตราดูความเรียบร้อยของกระเป๋าถักสีครีมใบโตอีกหน รอยลุ่ยของด้ายที่เกินมาถูกตัดให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ รอยยิ้มน้อยๆ ประดับที่ริมฝีปากอิ่มเมื่อมองดูผลงานของตัวเองอีกครั้ง คุณย่าอังกาบน่าจะชอบใจกับของชิ้นนี้ เพราะหนก่อนนางเอ่ยชื่นชมกระเป๋าที่เธอถักใช้เองว่าสวยไม่เหมือนใคร กลิ่นแก้วจึงซุ่มเตรียมถักไว้ให้ท่านได้ใช้ เลือกสีที่ท่านชอบและน่าจะใช้ได้หลายโอกาส
หญิงสาวลุกจากเบาะใบโตหนา ทำจากผ้าฝ้ายต่อกันซึ่งเป็นงานฝีมืออีกชิ้นของเธอ บิดขี้เกียจเล็กน้อยคลายความเมื่อยขบ เสียงกำไลข้อเท้ากระทบกันกรุ๊งกริ๊ง เธอก้มลงมองกำไลสีทองสลับเงินที่ประดับด้วยหินสีและกระพรวน แล้วคิดถึงคนให้ ป่านนี้บิดามารดาคงจะมีความสุขกับทริปทัวร์ต่างประเทศ ของฝากชิ้นนี้มาจากทิเบต และมีอีกหลายชิ้นที่เป็นเครื่องประดับ เพราะรู้ว่าลูกสาวชอบของแต่งตัวด้วยของประเภทนี้
เธอเดินกรายลงมาจากชั้นบน เดินแกมวิ่งลงจากบันไดอย่างคล่องแคล่ว ระวังขั้นสุดท้ายไว้เพราะมันเริ่มผุ ไม่ลงน้ำหนักมาก ยังไม่ได้ให้ช่างมาซ่อมสักที ลุงจันช่างไม้ในละแวกนี้บ่นกับเธอว่าไม้มะค่าหายากมาก และกลิ่นแก้วก็ต้องการให้คงของแบบเดิมไว้ ไม่อยากใช้ไม้อื่น จึงบอกให้ลุงจันรอไปก่อน ได้ของเมื่อไหร่ค่อยมาซ่อมให้เธอ
บ้านไม้ขนาดย่อมของกลิ่นแก้ว ซ่อนอยู่ในคลองสายแยกมาจากแม่น้ำบางประอิน อยู่ลึกไม่มีถนนตัดผ่าน มีเพียงสายน้ำเป็นที่สัญจร บ้านเรือนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนส้มโอ สวนมะพร้าว ผู้คนคงวิถีแบบเดิมไว้ เนื่องจากถนนยังไม่ตัดผ่าน การสัญจรยังลำบาก ความเจริญยังเอื้อมมือมาไม่ถึงคลองสายเล็กๆ สายนี้ ความเป็นธรรมชาติ ความเงียบสงบ จึงยังคงมีอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่กลิ่นแก้วไม่อยากไปจากที่นี่ แม้ว่าบิดามารดาจะย้ายออกไปอยู่ในเมืองแล้วก็ตาม
อาจจะเพราะงานที่เธอทำ และไลฟ์สไตล์ของเธอ ซึ่งเป็นตัวของตัวเองสูง กลิ่นแก้วทำงานเขียนบล็อกในเว็บไซค์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว,ถ่ายภาพ รวมหุ้นกับเพื่อนทำแม็กกาซีนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เธอรับหน้าที่ถ่ายภาพ วาดภาพประกอบ รวมถึงเขียนคอลัมน์ หนังสือของสำนักพิมพ์เธออยู่ในระดับกลางๆ ยอดขายไม่ได้มากมายนัก แต่ก็ทำให้เธอพออยู่ได้
กลิ่นแก้วมีเงินปันผลจากบริษัทของพ่อทุกปีเป็นเงินเก็บ กิจการของบิดาที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่บางครั้งเธอก็ไปช่วยงานท่านบ้าง ถึงเวลาเธอก็ต้องไปสืบสานต่อ แต่ตอนนี้ เธอขอทำงานของตัวเองก่อน ในอนาคตถ้าสิ้นพวกท่านแล้ว กลิ่นแก้วอาจจะขายกิจการ และมาอยู่ในบ้านริมคลองแห่งนี้ทำงานที่ตัวเองรักไป สำหรับเธอก็เพียงพอแล้ว
คนเราการได้ทำในสิ่งที่รัก ทำให้เรามีความสุขที่สุดแล้ว จำนวนเงินและรายได้สำหรับกลิ่นแก้วไม่สำคัญเท่ากับความสุขในการทำงาน
กลิ่นหอมระรื่นของดอกจำปาโชยเข้าจมูก เธอมองหาดอกตูมสวยๆ แล้วเด็ดมาดมกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้สวย พลางเอามันพันตรงปลายผม ยามก้าวเดินมีเสียงกระพรวนดังเป็นจังหวะ เธอชอบเสียงวัตถุกระทบกันของมัน คุณย่าอังกาบมักจะล้อเธอเล่นๆ ว่า เสียงประจำตัวของกลิ่นแก้วจะดังมาก่อนตัว ก็ไอ้เสียงกรุ๊งกริ๊งนี่แหละ
ในสวนเล็กๆ ของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยดอกไม้พรรณหายากนานา ที่เจ้าตัวสรรหามาปลูกไว้ เธอกวาดตามองต้นนั้นต้นนี้ไปด้วยความสดชื่น ยามสายนิดๆ แบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าการชมต้นไม้ ดอกไม้ ดมกลิ่นหอมๆ เฉพาะตัวของพวกมัน ไปคุยเล่นกับคุณอังกาบ อ้อนขอของว่างอร่อยๆ บ้าง ชวนท่านทำอาหารกลางวันรับประทานบ้าง ก่อนจะกลับมาบ้านของตนเองในตอนบ่าย แล้วเริ่มทำงานประจำวัน
ชีวิตของเธอดำเนินไปอย่างเรียบง่าย สบายๆ ไม่ต้องขวนขวายดิ้นรน เธอมีเพื่อนน้อยคนที่ยังคบหาจนถึงปัจจุบัน อาจจะเพราะงานที่ทำ และเธอเป็นคนค่อนข้างติดบ้าน ถ้าจะเที่ยวก็ชอบไปเที่ยวคนเดียวมากกว่าจะอยากชวนใคร การไปเที่ยวนอกบ้านของกลิ่นแก้วคือการทำงาน เพราะเธอทำบล็อกและถ่ายภาพเกี่ยวกับการท่องเที่ยว กลิ่นแก้วชอบไปเที่ยวตามตลาดน้ำบ้าง เที่ยวตามโฮมสเตย์บ้าง เพื่อดื่มด่ำกับวิถีชีวิตของผู้คน เธอมีคนติดตามในระดับหนึ่ง งานเขียนของเธอและภาพถ่าย พอถึงวาระหนึ่งก็จะมีการตีพิมพ์รวมเล่ม ยอดพิมพ์ไม่ถือว่าขี้เหร่ และมีคนเฝ้ารอคอยที่จะอ่านงานดีๆ ภาษาสวยละมุนละไม รวมถึงภาพถ่ายสวยๆ อาร์ตๆ ของเธอ แม็กกาซีนที่มีคนรับเป็นประจำ บางส่วนก็เพราะติดใจงานเขียนของกลิ่นแก้วนี่แหละ
เสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นมาก่อนตัว ทำให้คุณอังกาบซึ่งกำลังเอนหลังนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ตรงระเบียงบ้าน หันมามองทางต้นเสียง มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของท่านทันที ท่านยิ้มรอรับหญิงสาวซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนต่างวัยของท่าน กลิ่นแก้วเป็นยิ่งกว่าเด็กน้อยข้างบ้าน เพราะเธอเป็นเหมือนหลาน เหมือนเพื่อนในยามวัยชรา ที่รู้อกรู้ใจ และทำให้ท่านคลายเหงา ใช้ชีวิตทุกวันที่เหลืออย่างมีความสุข เพราะมีเพื่อนชีวิตดีๆ เช่นเธอ
รอไม่นานนัก ร่างเพรียวของกลิ่นแก้ว ในชุดเสื้อกล้ามสีดำ กระโปรงยาวทำจากผ้าฝ้ายหลากสีต่อกันกรอมถึงข้อเท้า ก็เดินขึ้นมาบนเรือน ท่านได้กลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้กำจายมาจากร่างแน่งน้อยนั่น เรือนผมยาวดำขลับเหมือนขนนกกาน้ำ ทิ้งตัวยาวสยายจนถึงสะโพก ล้อมกรอบรูปหน้าหวานคมไว้ มีดอกจำปาเคลียตรงข้างแก้มใส ซึ่งแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติยามแดดที่เริ่มร้อนขึ้นในยามสายในฤดูนี้ เธอเอามือไพล่กันไว้ด้านหลัง สีหน้ายิ้มกริ่มดูเจ้าเล่ห์ เมื่อค่อยๆ เดินยอบตัวเข้ามาหาคุณอังกาบ ท่านหรี่ตาลง พลางมองเห็นแล้วล่ะว่าเธอถืออะไรซ่อนมา จึงแกล้งเปรยขึ้นลอยๆ
“เอาอะไรมาขายน่ะ แม่แก้ว ย่าไม่มีเงินซื้อนา เพิ่งจะรับขวัญหลานไป”
“แหม...ใครจะกล้าเอาอะไรมาขายคุณย่าล่ะคะ เอามาให้น่ะค่ะ นี่ค่ะกระเป๋าถักแก้วทำเองนะคะ”
เธอตรงเข้าไปนั่งพับเพียบข้างท่าน แล้วล้วงเอางานฝีมือของตนเองออกมาอวดคุณอังกาบ นางรับไปแล้วพลิกดูชิ้นงานอย่างพอใจ กลิ่นแก้วมีฝีมือเรื่องการประดิดประดอย ทำอะไรก็สวยน่าใช้
“สวยมาก ย่าชอบจริงๆ น่าทำขายนะแม่แก้ว น่าจะขายดี”
“ทำขายไม่น่าจะรอดล่ะค่ะ” เธอออกตัว แล้วย่นจมูกน้อยๆ
“แก้วติสต์แตกบ่อยๆ เกิดลูกค้าออเดอร์มา ใจแก้วไม่ใฝ่จะทำให้ เอางานเค้ามาดองกองๆ ไว้ พอดีเค้ามาเผาบ้านแก้วพอดีล่ะค่ะ”
“แหม...”
คุณอังกาบหัวเราะร่วน พลางมองหน้าสวยคมของหญิงสาวข้างบ้านอย่างพินิจ กลิ่นแก้วเป็นตัวของตัวเองสูง มีโลกส่วนตัวสูง อย่างที่เจ้าตัวเรียกว่าไอ้อาการติสต์แตกนั่นหรือเปล่า? ที่ทำให้จนป่านนี้แล้ว เธอยังไม่เคยมีใครแวะเวียนมาทำความรู้จัก หรือมีคนรักสักที ท่านรักหญิงสาวเหมือนลูกเหมือนหลาน เมื่อเห็นอายุอานามสมควรที่จะมีคู่ครอง ก็อดไม่ได้ ที่อยากจะจุ้นจ้านจัดการให้
“ก็เลิกติสต์สักทีสิเราน่ะ แบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟนหืม? แม่แก้ว”
“ผู้ชายดีๆ เดี๋ยวนี้หายากจะตายไปค่ะคุณย่า แก้วไม่รีบ อยู่แบบนี้สบายใจกว่า อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากไปไหนก็ได้ไป มีคู่ไปก็ใช่จะดีนะคะ