บทที่ 7
เมื่อฮ่องเต้ เสด็จกลับไปแล้ว ขุนนางทั้งหลายต่างลุกขึ้นเพื่อพูดคุยกัน เสนาบดีซู พาครอบครัวเข้าไปทำความเคารพฉินอ๋องพร้อมขอบคุณเรื่องยา
"กระหม่อมซูเหลียงและครอบครัวถวายพระพรฉินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้องมากพิธี"
"กระหม่อมขอบพระทัยฉินอ๋องที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" เนื่องจากในบริเวณนั้นมีคนอื่นเสนาบดีซูจึงไม่ได้พูดว่าฉินอ๋องเมตตาครอบครัวตนเรื่องอะไร
"เรื่องเล็ก" ฉินอ๋องปรายตามองซูเหมยฮวา นางเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี เขาจึงพูดไม่มีเสียง โง่เง่า
ซูเหมยฮวาคิ้วกระตุก นางโง่เรื่องอะไร แม้จะไม่สบอารมณ์แต่น้ำใจของฉินอ๋องครั้งนี้ทำให้นางไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
เมื่อทั้งหมดลาฉินอ๋องเพื่อกลับจวน หวังหย่งเดินนำยาไปคืนเซี่ยซีฮั่น เป็นการแสดงออกว่าตระกูลซูไม่รับน้ำใจของท่านแม่ทัพ
"ซีฮั่น ข้านำยามาคืน ในเมื่อเจ้าปฏิเสธน้ำใจของฮวาเออร์แล้วก็มิต้องทำเช่นนี้ ข้าที่เป็นพี่ชายมิอาจเห็นน้องสาวต้องเสียใจ และข้าที่เป็นสหายเจ้ามิต้องการผิดใจกับเจ้าเช่นกัน" หวังหย่งตบบ่าเซี่ยซีฮั่นแล้วเดินไปหาครอบครัว
หลังจากจบงานเลี้ยงเรื่องที่คนตระกูลซูไม่รู้คือ ฉินอ๋องให้องครักษ์ของเขาไปลากนางกำนัลของหลันกุ้ยเฟยมาพบแล้วตัดมือของนางทิ้งต่อหน้าของหลันกุ้ยเฟย
ฮ่องเต้เมื่อทราบเรื่องก็ไม่ได้ต่อว่าพระอนุชาที่ทำเกิดเหตุ ได้แต่สั่งลงโทษหลันกุ้ยเฟยกักตัวนางไว้ภายในตำหนักห้ามออกมาวุ่นวายด้านนอกสามเดือน
ตั้งแต่งานเลี้ยงในวังครั้งนั้นซูเหมยฮวาก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย เพราะพี่ชายทั้งสองอยากให้นางรักษาบาดแผล แต่แผลมันก็แค่นั้นไง
นางขอให้พี่ใหญ่หามีดสั้นให้นางสองด้าม นางอยากจะฝึกแก้เบื่อ แต่ความจริงแล้วตอนที่นางฝึกแพทย์ทหารนอกจากเรื่องปืนก็มีเรื่องใช้มีดสั้นที่นางหลงใหล
อีกสองวันทั้งครอบครัวต้องเดินทางไปไหว้พระที่วัดอันฉือ นอกเมือง นางคิดว่าก็ดีเหมือนกันเผื่อพระพุทธองค์จะประทานพรให้ครอบครัวของนางรอดพ้นจากเรื่องร้าย
ซูเหมยฮวาลงจากรถม้าโดยมีซิงอีกับซิงเอ้อประคอง นางเดินขึ้นบันไดที่ทอดยาวเองโดนมิขึ้นนั่งเกี้ยว เพื่ออยากให้เห็นถึงแรงศรัทธา พี่รองบอกนางเช่นนี้
วันนี้ครอบครัวของนางจะพักที่วัดหนึ่งคืน เพื่อสวดมนต์ให้กับท่านแม่ของนาง เรือนพักของซูเหมยฮวาอยู่คนละฝั่งกับท่านพ่อท่านพี่ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครอบครัวของนางมาที่วัดนี้เป็นประจำ แล้วยังมีองครักษ์ของจวนคอยดูแลอีกด้วย
ซูเหมยฮวาเตรียมเข้านอนนางเลยให้สาวใช้ทั้งสองไปพักผ่อน ใครจะคิดว่าจะมีคนร้ายเข้ามาในห้องของนาง บุรุษชุดดำใส่หน้ากากเข้ามาทางหน้าต่างใช้มีดจี้คอนางไว้
“ห้ามส่งเสียง”
“ต้องการสิ่งใด”
“ข้าขอหลบสักประเดี๋ยว แต่หากเจ้าร้องข้าฆ่าเจ้า” ซูเหมยฮวาไม่ได้กลัวเท่าใด เพราะนางรู้ว่าบุรุษชุดดำนี้บาดเจ็บมา นางแค่รอเวลาให้เขาเผลอเท่านั้น
ซูเหมยฮวาศอกใส่บุรุษชุดดำ แล้วบิดแขนเขาออกจากคอ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ถึงแม้เขาจะบาดเจ็บแต่เขาสามารถหลบการโจมตีของนางได้หมด แล้วตอนนี้เขายังจับนางกระแทกกับผนังห้องเอามีดจี้คอนางอีก นางปวดร้าวไปทั้งตัวแรงกระแทกที่ได้รับเขาไม่คิดจะออมมือแม้แต่น้อย
“อย่าให้ข้าหมดความอดทน” เขากัดฟันพูดเสียงเบาข้างหูของนาง
นางจ้องตาเขาอย่างไม่คิดจะหลบ ดวงตาที่เอ้อไปด้วยน้ำจากความเจ็บปวดทำให้คนมองลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะ
“ทำแผลให้ข้า” นั่นไง
“ท่านจับข้าไว้แบบนี้จะให้ทำยังไง”
“หากเจ้าคิดไม่ซื่อ เชื่อหรือไม่ข้าเอาชีวิตเจ้าได้ง่ายๆ”
“ข้าเลือกได้หรือ” ทำให้เสร็จก็คงจะหมดเรื่อง
บุรุษชุดดำปล่อยซูเหมยฮวาให้เป็นอิสระเพื่อทำแผลให้ตน ซูเหมยฮวานางก็ไม่คิดสู้อยู่แล้วเพราะนางสู้ไม่ไหวแน่ หรือจะตะโกนเรียกองครักษ์ดี หรือจะวิ่งออกไปเลย นางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
“อย่าแม้แต่จะคิด” เหมือนจะรู้
ซูเหมยฮวานำกล่องปฐมพยาบาลออกมาจาก ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ในยุคนี่ นี้คือครั้งแรกที่นางเอาออกมาใช้ ของภายในกล่องเป็นเครื่องมือเย็บแผล มีอุปกรณ์ครบถ้วน พร้อมยาอีกต่างหาก โชคดีเป็นของเขาเพราะนางพกกล่องนี้เมื่อออกมานอกบ้านทุกครั้ง
“ถอดเสื้อออก”
“...” บุรุษชุดดำ
“หากท่านไม่ถอดข้าจะทำแผลเช่นไร”
บาดแผลของชายชุดดำนั้นค่อนข้างจะสาหัส เขาทนได้อย่างไงนางนับถือเลย ซูเหมยฮวาเริ่มตรวจบาดแผล แผลที่ต้องเย็บมีสองแห่ง ที่แขนข้างขวา กับแผ่นหลัง ที่อื่นก็เพียงเล็กน้อย หากเทียบกับสองแผลนี้
บุรุษชุดดำมองเครื่องมือของซูเหมยฮวาอย่างสงสัย นางจงใจที่จะไม่ใช้ยาชา หากเขารู้นางคงโดนคาดโทษ ตลอดเวลาที่นางเย็บแผลเขาไม่มีร้องเลยนอกจากจะกัดฟันข่มความเจ็บไว้
แต่นางก็ยังใจดีให้ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบ เขามองยาอย่างงงงัน เพราะยาเม็ดขาวนี้มันจะหายปวดจริงหรือ เมื่อกินเข้าไปความเจ็บก็เริ่มทุเลาลง
“เสร็จแล้วท่านไปได้หรือยัง” นางไล่เขาทันทีเมื่อทำแผลเสร็จ
“ยัง” นางคิ้วกระตุก
“ข้าจะนอนแล้ว เชิญท่านตามสบาย” นางเดินขึ้นเขามา แล้วยังมาเหนื่อยกับเขาอีก ตอนนี้นางอยากจะนอน ส่วนเขาจะทำอะไรก็เชิญนางสนใจไม่ไหวแล้ว
บุรุษชุดดำคาดไม่ถึงว่านางจะกล้านอนจริงๆ นางช่างไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไรนางเลยหรือ