บทที่ 5
หลังจากวันที่ได้พบเซี่ยซีฮั่นกับหลันเฟยหย่าที่ตลาด ซูเหมยฮวายังคงอยู่แต่ในจวนไม่ออกไปไหน นางจึงไม่ได้ยินข่าวเรื่องของนางในโรงน้ำชา
"คุณหนูหลันน่าสงสารยิ่งนัก โดนคุณหนูซูต่อว่าในตลาดอีกแล้ว ดีที่ครั้งนี้นางมิได้ลงมือตบตีเช่นทุกครั้ง"
"คุณหนูซูร้ายกาจยิ่งนัก ท่านแม่ทัพมิได้สนใจตนก็ยังจะวิ่งไล่ตามไม่เลิก"
"ท่านแม่ทัพมีนางในดวงใจอย่างคุณหนูหลัน หากให้ข้าเลือกข้าก็มิเลือกคนร้ายกาจเช่นคุณหนูซูเป็นแน่"
เสียงด้านนอกจะนินทาถึงนางอย่างไร นางมิสนใจ จะมีเพียงแต่บ่าวในจวนที่รู้เรื่องราวดีเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้านาย จนอยากจะวิ่งไปฉีกปากคนพวกนั้นเสียให้หมด
"น้องเล็กเจ้าได้ยินข่าวแล้วหรือไม่" หลิวเหล่ยพูดพร้อมคอยเหลือบมองน้องสาวว่าจะมีอารมณ์โมโหหรือเปล่า จนหวังหย่งต้องถลึงตาใส่
"น้องมิได้ใส่ใจเจ้าค่ะ ทานข้าวกันเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเย็นแล้วจะหมดอร่อยเสียก่อน" เมื่อไม่เห็นถึงความเสียใจของซูเหมยฮวา ทั้งหมดจึงเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมทั้งคีบกับข้าวให้นางอย่างเอาใจ
"ท่านพ่อเป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับที่ฉินอ๋องจะเดินทางเข้าเมืองหลวง" เสนาบดีซูได้ยินที่หลิวเหล่ยพูดก็ถอนหายใจ
"เป็นเรื่องจริง ท่านอ๋องจะเดินทางมาร่วมพระราชสมภพของไทเฮา"
"แล้ว ท่านพ่อมีความเห็นเช่นไรขอรับ" หวังหย่งเอ่ยถาม
"ไม่ทำเช่นไร จวนเราไม่มีความคิดจะเข้าร่วมฝ่ายไหนอยู่แล้ว" ซูเหลียงยักไหล่อย่างไม่กังวล
ถือเป็นอีกข่าวใหญ่ที่ฉินอ๋องจะเดินทางเข้าเมืองหลวงหลังจากไม่ได้กลับมาเกือบห้าปี ฉินอ๋องเป็นพระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ที่พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีฉินอ๋องพระอนุชาร่วมมารดาที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง
ที่พระองค์ต้องย้ายไปปกครองดินแดนทางเหนือเพราะเบื่อขุนนางที่ชอบยุยงให้ขึ้นนั่งบัลลังก์แทนพระเชษฐา การกลับมาครั้งนี้เลยเป็นที่จับตามองของขุนนางทั่วเมืองหลวง อีกนัยหนึ่งเพราะพระองค์ยังมิมีหวางเฟยของตน
ขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองก็ได้โอกาสจับบุตรี บุตรหลานของตนแต่งองค์ทรงเครื่องให้เข้าตาฉินอ๋องให้ได้ ขุนนางที่มีความชอบทั้งหลายยังมีความคิดที่จะขอพระราชทานสมรสอีกด้วย
แต่ต้องรอดูว่าใครจะกล้า เพราะเมื่อห้าปีที่แล้ว ไทเฮาส่งนางกำนัลมาให้เป็นสาวใช้ห้องข้างยังโดนส่งคืน จะมีที่ใจกล้าหน่อยปีนเตียงก็จะส่งออกมาโดยห่อเป็นเสื่อแทน
ซูเหมยฮวามิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก เพราะนางไม่เคยพบฉินอ๋อง แม้ในนิยายที่นางอ่านไม่จบก็ยังอ่านไปไม่ถึงว่าตระกูลใดได้เกี่ยวดองกับพระองค์
"น้องเล็กเจ้ามิสนใจตำแหน่งหวางเฟยมั้งหรือ" หวังหย่งเย้าน้องสาว ซูเหมยฮวาที่จิบชาฟังเพลินๆ ถึงกับเกือบพ่นน้ำชาในปากออกมา นางถลึงตาใส่พี่ใหญ่ของตน
"น้องจะแต่งบุรุษเข้าบ้านเจ้าค่ะ หรือพี่ใหญ่จะขับไสไล่ส่งน้องเสียแล้ว" นางแสร้งตีหน้าเศร้า
เสนาบดีซูกับหลิวเหล่ย ถลึงตาใส่คนปากดี หวังหย่งได้แต่ลูบจมูกของตน
"อีกห้าวันจะถึงวันงาน ฮวาเออร์ลูกก็เรียกช่างตัดชุดมาวัดตัวเจ้าเถิด เครื่องประดับเจ้าก็ไปเลือกซื้อเสียใหม่ หรือให้แม่นมเถียนจัดการให้"
ตั้งแต่ที่ฮูหยินซูเสียชีวิตไป ซูเหลียงก็มิได้แต่งงานใหม่ มีเพียงพ่อบ้านกับแม่นมเถียนจัดการเรื่องราวต่างๆ ในจวน
"ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ" นางไม่อยากไปแต่ก็คงจะขัดไม่ได้จึงได้แต่ยินยอม
นางไม่ห่วงหากจะต้องแสดงต่อหน้าพระที่นั่ง เพราะซูเหมยฮวานั้นนางพยายามเรียนทุกอย่างให้โดดเด่นเพื่อจะได้เหมาะสมกับท่านแม่ทัพ เพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้นางก็อยากจะอาเจียนเสียแล้ว
วันงานนั้นนางโดนแม่นมจับขัดตัวตั้งแต่ยามเฉิน (07.00-08.59น.) แม้งานจะเริ่มยามโหยว่ (17.00-18.59น.) ก็ตาม
ยังดีที่แม่นมยังปรานีให้นางได้พักกินข้าว ไม่เช่นนั้นนางคงได้แช่น้ำจนตัวเปื่อยแน่ นางใส่ชุดสีม่วงอ่อนช่วยขับผิวให้สว่างขึ้นไปอีก จากเดิมก็แทบจะคั่นน้ำออกมาได้ ตอนนี้แค่เพียงแตะก็อาจจะแตกออกดั่งกระเบื้องเคลือบที่บอบบาง
สาวใช้เตรียมแต่งหน้าให้นางแต่ก็โดนนางห้ามเสียก่อน นางไม่อยากจะหน้าขาววอกปากแดงเหมือนกินเลือดเช่นคุณหนูทั่วๆ ไป นางลงแป้งเพียงบางๆ คิ้วนางก็เขียนแค่หางเท่านั้น ริมฝีปากที่แดงแบบคนสุขภาพดีอยู่แล้ว นางจึงทาเพียงนิดเดียวแล้วเกลี่ยให้สีเสมอกัน
"คุณหนูของบ่าวงามยิ่งเข้าค่ะ"
"หากยังชมไม่หยุดเช่นนี้ ข้าคงมิต้องกินข้าวแล้ว" เสียงหัวเราะในเรือนเหมยฮวาดังไปทั่ว จนบ่าวที่ทำงานด้านนอกยังอดยิ้มตามไม่ได้
เมื่อถึงเวลาแล้ว ซูเหมยฮวาเดินไปขึ้นรถม้าหน้าจวน บุรุษทั้งสามต่างมาคอยนางอยู่ก่อนแล้ว เข้าวังครั้งนี้นางพาสาวใช้ไปแค่ชิงอีเพียงคนเดียว
บุรุษทั้งสามมองจนเหม่อลอย หากเป็นเมื่อก่อนซูเหมยฮวาจะแต่งหน้าจนหนาเตอะ แม้แต่เครื่องประดับนางก็ใส่จนคอแทบจะเคล็ด แต่ครั้งนี้นางปักปิ่นเพียงสองอันเท่านั้น เรียบง่าย สบายตา แต่สง่างาม
"น้องเล็กเจ้าปิดหน้าเสียหน่อยเถิด"หวังหย่งไม่อยากให้ใครเห็นน้องสาวของตน
"เจ้า เปลี่ยนใจไม่ไปดีหรือไม่" หลิวเหล่ยอยากจะพาน้องสาวไปซ่อน
เสนาบดีซูถลึงตาใส่บุตรทั้งสอง เขาอยากจะหันไปทุบสักคนละทีสองที
"ฮวาเออร์เจ้าอย่าห่างจากพ่อเชี่ยว" หวังหย่งกับหลิวเหล่ยอยากจะแบะปากใส่บิดาของตน
เสนาบดีซูนั่งรถม้าคันเดียวกับซูเหมยฮวา หวังหย่งกับหลิวเหล่ยขี่ม้าประกบทั้งสองข้าง
เมื่อถึงหน้าพระราชวังทั้งหมดต้องลงเดินต่อเข้าไป ระหว่างเข้างานมีขุนนางเข้ามาทักทายเสนาบดีซูมากมาย ซูเหมยฮวายืนยิ้มน้อยๆ เคียงข้างบิดาและพี่ชายทั้งสอง
ในงานเลี้ยงไม่มีแบ่งแย่งฝั่งบุรุษและสตรี ทั้งสี่จึงได้นั่งโต๊ะร่วมกัน หวังหย่งส่งสายตาสังหารมองบุรุษที่ลอบมองน้องสาวของตน
เสนาบดีซูก็ปั้นหน้าขรึมจนไม่มีใครอยากจะเข้ามาคุยด้วย มีเพียงหลิวเหล่ยที่รินชา คีบของว่างเอาใจน้องสาวของตน
เยว่เลี่ยงหรูกับไป๋ลี่จู ส่งสายตาให้ซูเหมยฮวา ว่าเดี๋ยวเจอกัน
"คุณหนูซู วันนี้ท่านเตรียมการแสดงมาหรือไม่ขอรับ" ขันที เข้ามาสอบถามซูเหมยฮวา ความจริงนางไม่อยากแสดงนางอยากจะนั่งชมเท่านั้น แต่สายตาของบิดาช่างคาดหวังอยากจะอวดบุตรีเหลือเกิน
"ข้าจะดีดกู่เจิงเจ้าค่ะ รบกวนกงกงแล้ว"