บทที่ 3
ซูเหมยฮวาอยู่แต่ในเรือนไม่ออกไปที่ได้เลยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนในจวนเสนาบดียิ่งนัก เพราะคุณหนูซูมักจะออกไปดักรอท่านแม่ทัพเซี่ยระหว่างทางกลับจวนทุกวัน
แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ซูเหมยฮวาระเบิดอารมณ์ใส่หลันเฟยหย่าในร้านผ้า นางกลับมาถึงเรือนก็จับไข้จนนอนไม่ได้สติไปสามวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เก็บตัวไม่ออกไปนอกจวนอีกเลย
เรื่องราวในวันนั้นเสนาบดีซูและบุตรชายทั้งสองไม่เคยสอบถามซูเหมยฮวาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นางถึงกลับมาแล้วเป็นไข้เช่นนั้น
หลังจากที่เกิดเรื่องบุตรสาวน้องน้อยของพวกเขากลับเป็นเด็กที่ออดอ้อนบิดาและพี่ชายมากขึ้น เพียงแค่นางไม่ยอมออกไปข้างนอกเท่านั้นที่พวกเขาหนักใจ
แม้แต่สหายอย่างคุณหนูเยว่ จวนกรมคลัง กับคุณหนูไป๋ จวนราชครู มาชวนออกไปเที่ยวหรืองานน้ำชานางก็ปฏิเสธไปทั้งหมด แต่หากสหายมาเที่ยวหาที่จวนนางก็ต้อนรับอย่างดี
เรื่องแม่ทัพเซี่ยแม้ใครจะสอบถามถึงความเปลี่ยนแปลงนางก็เพียงแค่บอก
“ข้าไม่อยากแทรกด้ายแดงของใคร” ซูเหมยฮวายิ้มแย้มเหมือนกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“คุณหนูเจ้าค่ะ คุณนายท่านให้มาเชิญไปที่ห้องโถงเรือนหน้าเจ้าค่ะ” ซิงอี สาวใช้ส่วนตัวเดินเข้ามาแจ้งในเรือนนอน
“ข้ารู้แล้ว” ซิงเอ้อเข้ามาช่วยคุณหนูเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงพูดคุยในโถงดังออกมาด้านนอก ซูเหมยฮวาขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงที่มากกว่าสามคนในห้องโถง นางถามบ่าวด้านหน้าว่าใครมา บ่าวแจ้งเพียงว่ามิทราบขอรับ
“คุณหนูท่านมาแล้ว” เสียงด้านในหยุดลง
ซูเหมยฮวาเดินเข้าไปด้านใน เสนาบดีซูนั่งเก้าอี้ประธาน รองลงมาด้านซ้ายเป็นพี่ใหญ่ ด้านขวาเป็นพี่รอง คนที่นั่งข้างพี่ใหญ่นั้น นางจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร แต่ความรู้สึกที่เจ็บปวดหัวใจนี้คือสิ่งใด เจ็บจนนางอยากจะลงไปดิ้นที่พื้น
“คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรเจ้าคะ” ซิงอี เดินเข้ามาประคองเมื่อเห็นซูเหมยฮวาหน้าซีด
“ไม่ ไม่เป็นไร ขอบใจเจ้ามาก” ซูเหมยฮวาปรับอารมณ์แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพี่รอง
“ฮวาเออร์คารวะท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง เอ่ออ คุณชายเจ้าค่ะ”
“ฮวาเออร์เจ้าจำท่านแม่ทัพเซี่ยมิได้หรือ” ซูหวังหย่งแนะนำเซี่ยซีฮั่นเขามองน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ
“ขออภัยเจ้าค่ะ ตั้งแต่น้องฟื้นก็หลงลืมบ้างเรื่องไป” ตั้งแต่ตนซูเหมยฮวาไม่มองหน้าเซี่ยซีฮั่นเลย
“เจ้ายังไม่หายหรือน้องเล็ก” พี่รองจับหน้าผากน้องสาวเมื่อเห็นนางหน้าซีด
“น้องไม่เป็นอันใดมากแล้วเจ้าค่ะ” ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้นางจะสนใจทำไม พี่ใหญ่พี่รองของนางล้วนหน้าตาดี มีอาหารตาอีกตั้งมากมาย
“ท่านพ่อเรียกลูกมามีสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ”
“ท่านแม่ทัพมาพูดคุยเรื่องงานหมั้นหมายของเจ้า” ซูเหมยฮวาขมวดคิ้วอย่างงุนงง บุรุษทั้งสี่ลอบมองสีหน้าของซูเหมยฮวา
นางคิดว่าเรื่องที่นางบอกกล่าวบิดาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนจะจบสิ้นแล้ว แล้วยังไง ไหนมีคนรักอยู่แล้ว แล้วมาคุยเรื่องหมั้นกับน้องเพื่ออะไร ความสงสัยเปลี่ยนเป็นความโกรธ แต่นางไม่อาจแสดงออกมาได้
“ข้าได้แจ้งกับท่านพ่อไปแล้วว่ามิต้องการแต่งกับท่านแม่ทัพแล้ว ข้ามิอาจแย่งชิงด้ายแดงของผู้ใด และข้าจะแต่งบุรุษเข้าจวนเท่านั้น หรือท่านแม่ทัพยินดีแต่งเข้าจวนเสนาบดีเจ้าค่ะ” นางมองหน้าเขาตรงๆ อย่างไม่หลบสายตา
บุรุษตระกูลซูทั้งสามแย้มยิ้มอย่างได้ใจเมื่อซูเหมยฮวาบอกจะแต่งบุรุษเข้าจวน ส่วนแม่ทัพเซี่ยนั้นหน้าดำคล้ำไปแล้ว
ที่เซี่ยซีฮั่นมาที่จวนวันนี้เขาแค่อย่างจะหยั่งเชิงซูเหมยฮวาเท่านั้น เพราะตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมาซูหวังหย่งมักพูดกับเขาเสมอว่าน้องเล็กของตนนั้นมิได้อยากแต่งให้เขาแล้ว แล้วมาวันนี้นางบอกจำเขาไม่ได้อีก เขาไม่เคยคิดว่าซูเหมยฮวาที่วิ่งตามตื๊อตนตลอดมานานหลายปีจะตัดใจจากเขาได้จริงๆ
“หากไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ” เสนาบดีซูเห็นหน้าบุตรีซีดเซียวเหมือนจะไม่สบายแม้จะเสียมารยาทต่อแขกแต่เขาก็ปล่อยให้บุตรีกลับเรือนพัก
“คุณหนู ท่านจำท่านแม่ทัพมิได้หรือเจ้าคะ” ซิงเอ้อ เอ่ยถามซูเหมยฮวาอย่างไม่เข้าใจเพราะก่อนหน้านี้ ทุกลมหายใจของคุณหนูมีแต่ท่านแม่ทัพทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดี
“ข้าจำไม่ได้” ซูเหมยฮวารู้ว่าคนที่ทำให้นางเจ็บใจจนตายคือเซี่ยซีฮั่นแต่นางจำหน้าเขาไม่ได้
ในวันนี้ที่นางพบเขา นางไม่แปลกใจหากเมื่อก่อนซูเหมยฮวาจะหลงรักเขาอย่างโง่งมจนมองไม่เห็นสิ่งใด เพราะเซี่ยซีฮั่นนั้นหน้าตาเหมือนเทพเจ้าตั้งใจปั้นมาอย่างดี รูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงสมส่วนอย่างคนเป็นทหาร
นางที่อยู่ในยุคใหม่มาแล้วทหารถอดเสื้อซ้อมรบหรือแม้แต่ร่างกายที่สมบูรณ์แบบก็มีให้เห็นได้มากมาย หน้าตาดีแค่ไหนแต่ถ้าสันดานแย่นางก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ต่อให้ต้องแต่งกับชาวนาก็ยังดีเสียกว่าแต่งให้กับคนที่ไม่ได้รักนาง
ในห้องโถงหลังจากซูเหมยฮวาออกไปแล้ว
“เจ้าเชื่อข้าหรือยัง” ซูหวังหย่งยิ้มอย่างยียวน
“ท่านแม่ทัพ เป็นฮวาเออร์ที่เมื่อก่อนไม่รู้ความตอนนี้นางโตขึ้นแล้ว หวังว่าท่านแม่ทัพจะไม่ถือสานาง” เสนาบดีซูกล่าวขึ้น
“น้องเล็กโตแล้วจริงๆ ข้าเห็นด้วยที่นางจะแต่งบุรุษเข้าจวนขอรับท่านพ่อ” ซูหลิวเหล่ยเอ่ยขึ้น เพราะเขาก็ไม่เห็นด้วยที่น้องเล็กวิ่งตามเซี่ยซีฮั่น ในเมื่อเจ้าไม่เห็นค่าน้องข้า เจ้าก็เลิกยุ่งกับนางได้แล้ว เขาส่งสายตาให้เซี่ยซีฮั่น
แม้ซูหลิวเหล่ยจะเป็นบัณฑิต แต่เขาทนเห็นน้องสาวของตนต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเซี่ยซีฮั่นอยู่กับหลันเฟยหย่าหรือ ตอนที่เซี่ยซีฮั่นต่อว่าน้องสาวของตนไม่ได้ น้องสาวของตนเป็นเช่นนี้ช่างดีเสียจริง หากน้องของตนถึงวัยต้องออกเรือนบัณฑิตที่ตนรู้จักก็มีมากมายที่เหมาะสมกับน้องเล็ก
ซูหวังหย่งก็คิดเช่นนั้น ทหารที่ยังไม่มีพันธะที่ดีในค่ายก็มีมากมายเขาจะคัดเลือกให้น้องสาวสักคนจะไม่ได้เลยหรือ