บทที่ 3 เตรียมความพร้อม
บทที่ 3 เตรียมความพร้อม
“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมนางจึงรอดตาย”
เหอชิงลี่เกรี้ยวกราดอย่างไม่ยินยอมเมื่อรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาที่คอยเป็นหนามทิ่มแทงใจยังคงมีชีวิตอยู่
“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมเล่า ข้าเองคิดว่านางไม่น่าจะมีชีวิตรอดมาได้ ข้าสั่งให้บ่าวคนนั้นวางยานางมาร่วมเดือน ทำไมนางถึงไม่เป็นอะไร”
ฮูหยินรองตู้เหนียงนางไม่เข้าใจเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกเลี้ยงอย่างเหอหลันฮวาจึงรอดพ้นความตายมาได้ ในเมื่อนางใช้ยาตัวเดียวกันกับฮูหยินใหญ่ที่นางได้กำจัดไปเมื่อหลายปีก่อน
“ท่านแม่จะให้ข้าใจเย็นได้เช่นไร นางยังเป็นที่ต้องการขององค์ชาย ท่านแม่น่าจะทราบดีว่าต่อให้ข้าและองค์ชายจะมีใจให้กันเช่นไร ฐานะของข้ายังไม่เหมาะที่จะเป็นชายาของพระองค์ มีเพียงนางหลันฮวาเท่านั้นที่พระองค์ต้องการ ในเวลานี้ท่านแม่เองก็น่าจะทราบดี ว่าองค์ชายตัดความสัมพันธ์กับข้าไปแล้วเพียงเพราะเกิดเรื่องอื้อฉาวกับคุณหนูใหญ่ของจวน”
ยิ่งคิดเหอชิงลี่ยิ่งเคียดแค้น นางวางแผนไว้ทุกอย่าง ไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยเยี่ยงนี้ แม้จะกำจัดพี่สาวต่างมารดาให้พ้นจากตำแหน่งพระชายาขององค์ชายได้แล้วก็ตาม เพียงแต่ตัวนางเององค์ชายมาตัดสัมพันธ์เช่นกัน
เมื่อคิดว่าสาเหตุที่องค์ชายตัดสัมพันธ์มาจากพี่สาวต่างมารดา นางจึงคิดกำจัดอีกครั้ง จึงได้ขอร้องให้ท่านแม่จัดการให้ แต่กลายเป็นว่าเหอหลันฮวาดวงแข็งโดนวางยาแต่กลับไม่ตาย
“แม่ว่าเจ้าต้องหัดใจเย็นลงบ้าง ครั้งนี้ไม่ตายใช่ว่าเจ้ากับข้าจะไม่มีโอกาสอีก พี่ชายทั้งสองของนางยังอยู่ชายแดน แม่ว่ายังไงเรายังมีโอกาสอีก”
“ท่านแม่อย่าลืมว่าสามีบ่าวของนางยังอยู่ เราจะยังมีโอกาสอีกหรือเจ้าคะ”
“เจ้านั่นก็แค่บ่าว หรือว่าเจ้ากลัวสามีบ่าวของนาง”
“ไม่เจ้าค่ะ ยังไงข้าจะต้องกำจัดนางให้พ้นทางให้ได้ ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายรองย่อมต้องเป็นของข้าไม่ใช่ของนาง”
เหอชิงลี่ไม่ยินยอมที่จะเสียตำแหน่งพระชายาให้กับผู้ใด ตำแหน่งนี้ย่อมต้องเป็นของนางผู้เดียวเท่านั้น
ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.) หลังจากที่ทานมื้อเช้าร่วมกันแล้ว เหอหลันฮวาจึงเรียกหลันจิงเข้ามาสั่งการ
“ฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“หลันจิง เจ้าจงไปที่จวนตรงตรอกกว่างโฮ่ว เจ้าจำจวนของท่านแม่ที่มอบให้ข้าได้หรือไม่”
“จำได้เจ้าค่ะฮูหยิน” หลันจิงนางจำได้เพราะเคยไปที่นั่นบ่อยครั้ง
“เจ้าไปแจ้งพ่อบ้านว่าอีกสามวันพวกเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ให้ทำความสะอาดเรือนหลักให้เรียบร้อย ข้าจะไปพร้อมกับท่านพี่และเจ้า ข้าเชื่อว่าการที่ข้าโดนวางยาแล้วครั้งนี้ข้าไม่ตาย คนพวกนั้นย่อมต้องคิดจัดการข้าอีกเป็นแน่
ในเมื่อข้าพ้นจากความตายครั้งนี้มาได้ ข้าขอใช้ชีวิตสงบสุขกับท่านพี่และลูกน้อยที่จะมีในวันข้างหน้าก็พอ พวกเราย้ายไปอยู่ที่นั่นกันเถอะและจะไม่กลับมาที่ตระกูลเหออีก จนกว่าพี่ชายทั้งสองของข้าจะกลับมา”
อาเฟยกุมมือภรรยาไม่ปล่อย เขารู้ว่าคนพวกนั้นคือใคร ตอนนี้เขาเป็นเพียงชายตัดฟืนไม่มีอำนาจที่จะเล่นงานคนพวกนั้นกลับ แต่เขาเชื่อว่าการแก้แค้นต่อให้ผ่านไปสิบปีก็ยังไม่สาย
“ฮูหยิน”
หลันจิงน้ำตาซึม นางรู้ดีว่าคุณหนูของนางอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก เมื่อคิดว่าพวกนางไปเริ่มต้นใหม่ จึงดีใจขึ้นมา
“เจ้าเองอยู่กับข้ามาตั้งแต่เล็ก ข้าไปที่ไหนเจ้าก็ต้องไปด้วย ตอนที่ข้ากับท่านพี่ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมท้ายจวนแห่งนี้ เจ้ายังยอมทนมาลำบากกับพวกข้า ดังนั้นข้าไม่คิดที่จะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เป็นแน่
คนพวกนั้นรังแกข้าไม่ได้ย่อมต้องหาทางเล่นงานเจ้าด้วย สองสามวันนี้เจ้าจงระวังตัวไว้ให้ดี หากเป็นไปได้ ให้ไปหาเอาอาหารมาจากโรงน้ำชาไป๋หลาน อย่าไว้ใจคนในจวนนี้เด็ดขาด”
เหอหลันฮวาเลือกที่จะพูดกันเพียงสองคน โรงน้ำชาเป็นของท่านแม่ที่สร้างไว้และมอบให้นางส่วนตัว เรื่องนี้ทางตระกูลเหอไม่มีใครทราบเรื่อง และนางคิดว่าก่อนจะย้ายไปนางต้องทวงคืนสินเดิมทั้งหมด จะไม่ทิ้งไว้ให้หมาป่าพวกนี้เด็ดขาด
อาเฟยแม้จะเข้าใจความหมายของนางแต่เขาเลือกที่จะเงียบ และนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“เจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะรีบไปจัดการและจะไปรับอาหารที่โรงน้ำชาทุกวันนะเจ้าคะ”
หลันจิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เรื่องนี้นางเข้าใจดี ในเมื่อครั้งนี้เล่นงานคุณหนูของนางไม่ได้ ฮูหยินรองและคุณหนูรองย่อมต้องหาวิธีเล่นงานอีกเป็นแน่
เมื่อสาวใช้ข้างกายไปทำตามคำสั่ง เหอหลันฮวาจึงหันกลับมามองหน้าสามีอย่างอ่อนโยน
“ท่านพี่ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่กันนะเจ้าคะ”
“ข้ายินดี และไม่สำคัญว่าจะต้องไปอยู่สถานที่แห่งใด ขอเพียงที่นั่นมีเจ้าก็เพียงพอแล้ว”
อาเฟยตอบกลับ ชายหนุ่มยื่นมือข้างหนึ่งมากุมแก้มเธอไว้ และส่งสายตาประสานกัน เพื่อให้เหอหลันฮวารู้ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นคือความจริงที่กลั่นออกมาจากใจ
จากนั้นทั้งสองตระกองกอดกันพร้อมกับมองท้องฟ้าที่ทั้งสองคนรู้สึกว่ายามนี้งดงามเป็นพิเศษ
หลันจิงเดินออกมาทางประตูท้ายจวนซึ่งคิดว่าไม่น่าจะพบปะผู้ใด แต่ใครจะคิดว่ากลับพบเจอคนขององค์ชายรองคล้ายกับยืนรอการมาของนาง
“แม่นางหลันจิง รอก่อน”
หลันจิงไม่คล้ายกับไม่สนใจจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเดินไปหาเช่าเทียมเกวียนเดินทางไปที่ตรอกกว่างโฮ่ว แต่เมื่อยังคอยเดินตามนางเช่นนี้ นางจึงไม่กล้าที่จะเดินไปเช่าเกวียน แต่ทำเพียงเดินวนเวียนไปที่ตลาดแทน แต่เมื่อยังคงตามไม่สิ้นสุด หลันจิงจึงหมดความอดทนจึงหันกลับไปถาม
“ท่านตามข้าเยี่ยงนี้มีจุดประสงค์อันใด เท่าที่ข้าจำได้ฮูหยินของข้าและนายของท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีกแล้ว”
“ข้ารู้ดี เพียงแต่ข้ามาด้วยเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้องค์ชายไม่ทรงทราบ แม่นางหลันจิงพอจะมีเวลาคุยกับข้าหน่อยไหม”
หลันจิงมองไม่วางตา ในอดีตนางและองครักษ์ผู้นี้ย่อมเคยพบปะและพูดคุยเมื่อองค์ชายรองมาเยี่ยมเยียนคุณหนูซึ่งตอนนี้ได้เป็นฮูหยินของนายท่านแล้ว ในเมื่อมาส่วนตัวไม่เกี่ยวกับคำสั่งขององค์ชายรอง นางก็ยินดีที่จะจะพูดคุยด้วยเล็กน้อย
“เช่นนั้นท่านกับข้าไปพูดคุยกันที่โรงน้ำชาไป๋หลานเถอะ ยืนคุยตรงนี้ย่อมไม่ควร”
หลันจิงกล่าวจบจึงเดินนำไปที่โรงน้ำชาไป๋หลานทันที
เมื่อทั้งสองคนมาถึง หลันจิงขยิบตาให้คนดูแล ให้ทำทีคล้ายกับไม่รู้จักนางโดยที่องครักษ์ขององค์ชายรองไม่ทันสังเกต ก่อนจะหันมาพูดคุยกับชายหนุ่มด้วยท่าทีจริงจัง
“ท่านมีเรื่องอะไรจะกล่าวหรือ”
“ข้าอยากถามแม่นางหลันจิงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่ ไม่ใช่เรื่องปกติใช่หรือไม่”
“ข้าคิดว่าท่านเป็นถึงองครักษ์ข้างกายขององค์ชาย ท่านน่าจะทราบและสืบเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองไม่น่าต้องมาดักรอเพื่อถามข้า ทั้ง ๆ ที่เรื่องเกิดมาแล้วร่วมเดือน”
หลันจิงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า เรื่องเกิดมาร่วมเดือนมาถามตอนนี้มันสายไปหรือไม่
“และที่สำคัญ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นการกระทำของผู้ใด ข้าเชื่อว่าคุณหนู ไม่สิ ข้าเชื่อว่าฮูหยินเต็มใจที่จะอยู่กินกับนายท่านฉันท์สามีภรรยาเป็นแน่แท้แล้ว
จากนี้ต่อให้ท่านจะสืบเรื่องจนรู้ว่าเป็นการกระทำของผู้ใด เรื่องระหว่างนายของข้าและนายของท่านย่อมไม่มีทางหวนกลับไปอีก และข้าเชื่อว่าเมื่อท่านสืบรู้แล้วว่าเป็นผู้ใด ไม่แน่ว่าท่านและนายของท่านจะกล้าลงมือกับคนผู้นั้นไหม”
“แม่นางหลันจิงกล่าวเช่นนี้ หมายความว่าท่านรู้ว่าใครเป็นตัวการ”
องครักษ์ประจำกายของหลานหมิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ท่านไม่ใช่คนเขลา ท่านน่าจะพอรู้ว่าผู้ใดกันที่ต้องการล้มงานแต่งของนายของข้ากับนายของท่าน เรื่องนี้ข้าขอไม่พูดอะไรอีก และเมื่อไม่มีเรื่องอันใดแล้วข้าต้องขอตัวก่อน มีเรื่องที่ต้องจัดการ”
หลันจิงกล่าวจบจึงรีบลุกขึ้นและเดินออกจากโรงน้ำชาไป๋หลาน แต่ก่อนที่จะกลับไปนางกล่าวกับคนดูแลว่าเหอหลันฮวาต้องการอาหารทุกวัน และนางจะมารับด้วยตนเอง