บทที่ 2 ปรับความเข้าใจ
บทที่ 2 ปรับความเข้าใจ
ภายในกระท่อมท้ายจวนของสองสามีภรรยาที่ถูกขับไล่ออกมา ร่างบางของเหอหลันฮวาเริ่มขยับตัว อาเฟยรีบอุ้มหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความดีใจ
“น้ำ ข้าหิวน้ำ”
เหอหลันฮวาอยู่ในอ้อมกอดของอาเฟย พยายามลืมตาขึ้นและส่งเสียงแหบแห้งเพื่อขอน้ำดื่ม
“ขอรับ คุณหนูฟื้นแล้ว ข้าดีใจที่สุดเลยขอรับ”
อาเฟยวางร่างของภรรยารักอย่างทะนุถนอม ก่อนจะรีบวิ่งไปหลังกระท่อมเพื่อเอาน้ำให้หญิงสาวดื่ม
“ค่อย ๆ ดื่มนะขอรับ คุณหนูเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เดี๋ยวข้าจะไปต้มข้าวให้นะขอรับ”
อาเฟยเตรียมจะเดินออกจากกระท่อมเพื่อไปต้มข้าวที่มีข้าวสารเพียงน้อยนิดให้ภรรยาได้กิน ตัวเขานั้นอดได้แต่ภรรยาของเขาเป็นถึงคุณหนูใหญ่และเป็นดวงใจของเขา ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะให้ภรรยาได้กินก่อน
เหอหลันฮวาจับแขนเสื้ออาเฟยไม่ปล่อยคล้ายกับไม่ต้องการให้ชายหนุ่มไปไหน เมื่อปรับสายตาของตัวเองได้แล้ว แม้ว่าใบหน้าจะซีดเซียวแต่ยังคงเห็นเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อยบ้างแล้ว
“ท่านพี่ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว”
อาเฟยได้ยินคำเรียกขานของภรรยา ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อและคิดว่าตนเองหูฝาดไป เมื่อคุณหนูใหญ่คือคนที่แสนจะเกลียดชังเขา เรียกเขาว่าท่านพี่
“คุณหนูเรียกข้าว่าอะไรนะขอรับ”
อาเฟยถามย้ำอีกครั้งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ข้าเรียกท่านว่าท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ไม่เรียกท่านแล้วจะให้ข้าเรียกผู้ใดกันเล่า อีกอย่างข้าเองก็เป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านห้ามเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่อีก เข้าใจหรือไม่เจ้าคะ”
เหอหลันฮวายิ้มหวานให้อาเฟย ชายผู้เป็นสามีและคงเป็นคนเดียวที่รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริง
“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ในที่สุดเจ้ายอมรับข้าเป็นสามีแล้ว”
อาเฟยกอดร่างบางไม่ปล่อย ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเขาจะต้องทำงานหนักมากแค่ไหน เขาจะเลี้ยงภรรยาคนนี้ให้อยู่อย่างสุขสบายที่สุดเท่าที่ชายผู้หนึ่งจะกระทำได้
“ท่านพี่พวกเราไปจากที่นี่กันดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าไม่อยากอยู่ในจวนแห่งนี้อีกแล้ว เราสองคนไปเริ่มต้นกันใหม่ได้หรือไม่ ข้าพอจะมีความรู้เรื่องการค้าและการทำอาหาร เราสองสามีภรรยาเปิดโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ เลี้ยงปากท้อง เมื่อไหร่ที่มีลูกน้อย ลูก ๆ ของเราจะได้ไม่ลำบาก”
‘ในเมื่อมีโอกาสได้กลับมาอีกครั้ง ชีวิตนี้ข้าไม่ต้องการสิ่งใดอีกนอกจากความสงบสุข ในเมื่อเรื่องของท่านแม่ ข้าได้รับปากไปแล้วว่าจะไม่อาฆาต แต่ข้าไม่ได้สัญญาว่าจะไม่ส่งข่าวบอกพี่ใหญ่หรือพี่รอง หรือแม้แต่ท่านตาบ้านเดิมของท่านแม่!’ เหอหลันฮวาเพียงได้แต่คิดในใจ
“ข้าแล้วแต่เจ้า หากเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ข้าไม่ขัดแต่…”
อาเฟยไม่กล้าพูดว่าเขาไม่ได้มีเงินมากมายพอที่จะเปิดโรงเตี๊ยม แต่เขาพร้อมที่จะทำงานเลี้ยงดูนาง แม้ว่าจะไม่สุขสบายเท่ากับการเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเสนาบดีเหอก็ตามที
“ท่านพี่ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินและทรัพย์สินนะเจ้าคะ ข้าเชื่อว่าท่านพี่เองคงมีความสามารถไม่น้อย การที่ท่านยอมมาเป็นชายตัดฟืนของจวนเหอก็เพราะข้า ครั้งนั้นข้าซื้อท่านมาจากโรงค้าทาสเพราะเห็นใจ
แต่ไม่คิดว่าท่านพี่จะยอมมาเป็นบ่าวในจวน อีกทั้งท่านพี่เองไม่ได้มีสัญญาทาส ข้าเผาทิ้งและให้คนไปยกเลิกสัญญาทาสตั้งแต่วันนั้นแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ท่านพี่ทำเพื่อข้าได้ไหม”
เหอหลันฮวาโน้มตัวเข้ากอด หญิงสาวรับรู้ถึงความกังวลใจในของสามีดี คงกลัวว่าจะพานางออกไปลำบากน่ะสิ
“อะไรทำให้เจ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้” คำถามที่ติดอยู่ในใจของอาเฟย
“เพราะข้ารู้ว่าท่านพี่นั้นรักข้ามาก หลังจากนี้ข้าจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อครอบครัวของเรา หรือว่าท่านพี่ไม่อยากสร้างครอบครัวกับข้าเจ้าคะ”
เหอหลันฮวาพยายามงัดมารยาออกมาใช้กับสามี บางอย่างหากพูดออกไปคงจะมีคนบอกนางว่าบ้าเป็นแน่
จากนั้นหญิงสาวจึงใช้แขนคล้องคอเขาไว้และโน้มลงมาก่อนจะใช้ริมฝีปากของตนเองประทับลงไปอย่างอ่อนโยน
อาเฟยตัวแข็งทื่อที่โดนภรรยารักจู่โจมก่อน ตั้งแต่วันนั้นที่โดนวางยาเขาและนางไม่เคยมีความสัมพันธ์กันอีกเลย
“เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะเป็นของข้า” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง เพื่อไม่ให้นางผู้ที่เป็นภรรยาต้องเสียใจในภายหลัง
“เจ้าค่ะ น้องต้องการเป็นของท่านพี่จริง ๆ หากน้องจะบอกว่าน้องรักท่านพี่ มันจะสายเกินไปหรือไม่เจ้าค่ะ”
เหอหลันฮวาตอบอย่างเอียงอายพร้อมกับหลบสายตา แม้ว่าจะเคยมีความสัมพันธ์กันแล้ว แต่ครั้งนั้นเพราะโดนวางยาทั้งคู่
“แต่น้องเพิ่งจะฟื้นพี่กลัวน้องกลับมาป่วยอีก”
แม้ว่าร่างกายจะต้องการแค่ไหน แต่ชายหนุ่มห่วงสุขภาพของภรรยารัก นางเพิ่งจะฟื้นเขากลัวว่าจะป่วยอีก
“ท่านพี่ก็ทำเบา ๆ สิเจ้าคะ”
เหอหลันฮวาบอกตาแป๋ว ทำให้อาเฟยอดที่จะจูบหน้าผากภรรยาไม่ได้ จากนั้นทั้งสองจึงเข้าหอกันอีกครั้งด้วยแรงปรารถนาของร่างกายและจิตใจทั้งสองคน
กระท่อมท้ายจวนแห่งนี้ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเดินผ่านมากนัก นอกจากหลันจิงสาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่ที่ยอมมาลำบากด้วยกัน พอเห็นว่าคุณหนูของนางและท่านเขยเข้าหอกันแล้วจริง ๆ จึงได้ยืนหน้าแดงและหลบไปเฝ้าทางเข้าที่นี่ กลัวว่าผู้ใดจะผลีผลามเดินเข้ามาแล้วเจอเสียงพวกนี้เข้า
เมื่อไฟปรารถนามอดลงสองสามีจึงหลับไปด้วยความเหนื่อยปนความสุข
เวลาผ่านไปจนถึงยามเซิน (15.00 -17.00) อาเฟยจึงเดินออกมาจากกระท่อม เพื่อออกมาตักน้ำให้ภรรยาที่ยามนี้ยังไม่ตื่นหลังจากที่เขารังแกนางอย่างหนักหน่วง แม้ตั้งใจจะไม่รุนแรงแต่เพราะภรรยาของเขานั้นช่างหอมหวานไปเสียหมด ทำให้เขาอดใจไม่ไหว
“ท่านเขย คุณหนู...ไม่ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินล่ะเจ้าคะ”
หลันจิงนางไม่เห็นฮูหยินออกมาด้วยจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ฮูหยินของเจ้ายังไม่ตื่น อย่ารบกวนนางเลย จริงสิอีกไม่นานข้ากับฮวาเอ๋อร์จะย้ายออกจากที่นี่ เจ้าเตรียมเก็บของด้วยเล่า นางจะบอกเจ้าอีกครา”
อาเฟยยังสับสนกับฐานะของตนเอง เมื่อบอกกล่าวจบจึงเดินไปตักน้ำให้ภรรยารัก ก่อนจะเดินกลับมาในห้องอีกครั้ง มาถึงจึงเจอเข้ากับภรรยารักที่กำลังมองเขาไม่วางตาและยิ้มให้อย่างเขินอาย
“ท่านพี่”
“อย่าเพิ่งลุก พี่ต้องขอโทษเจ้าด้วยที่กระทำรุนแรงจนเกินไป ข้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ ข้าบอกหลันจิงสาวใช้ข้างกายเจ้าแล้วนะว่าเราจะไปจากที่นี่ เดี๋ยวนางคงจะเข้ามา”
อาเฟยเดินมานั่งข้างภรรยา ก่อนจะมองนางด้วยตาเป็นประกาย ทำให้เหอหลันฮวาต้องหยิบยกผ้าห่มเพื่อคลุมร่างกายให้มิดชิด ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะดึงผ้าห่มออก เพราะกลัวว่านางจะหายใจไม่ออก
จากนั้นจึงอุ้มนางไปที่อ่างน้ำและอาบน้ำให้นางไม่ต่างจากเด็กน้อยคนหนึ่ง
เหอหลันฮวาสุดแสนจะอายแม้เพิ่งจะผ่านการร่วมรักกับสามีมาหมาด ๆ ก็ตาม หญิงสาวตัวแดงไปหมด ช่างเป็นภาพที่น่ามองและน่าเอ็นดูสำหรับชายหนุ่ม
จนอาเฟยอดใจไม่ไหวลงถังเข้าไปอาบน้ำกับนางด้วยอีกคน แต่กว่าจะอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองผ่านสมรภูมิรบสำหรับสามีภรรยาอีกครั้ง
เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้หลันจิงที่ยืนอยู่หน้าประตูหน้าแดงขึ้นอีกครา
‘นายท่านถนอมฮูหยินหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้นมานะเจ้าคะ’
ในเมื่อไม่กล้าบ่นต่อหน้านายท่านจึงทำได้เพียงบ่นในใจ
จากนั้นจึงเดินมาอุ่นอาหารที่มีน้อยนิดสำหรับกระท่อมท้ายจวนแห่งนี้
เพล้ง! เสียงปาข้าวของคุณหนูรองของจวน เมื่อได้ข่าวว่าพี่สาวต่างมารดายังอยู่ดีและปลอดภัย!