ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
เสื้อช็อปสีน้ำตาลเข้มถูกพับใส่ถุงอย่างประณีต รอยขาดเล็ก ๆ บริเวณชายเสื้อถูกเย็บราวกับช่างมืออาชีพ เด็กหนุ่มยืนชะเง้อมองหาชายเจ้าของเสื้ออยู่บริเวณหน้าตึกคณะวิศวะ เวลานี้เที่ยงครึ่งแล้ว และเขาก็มายืนรอตั้งแต่เที่ยงตรง เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของเขาเลยสักนิด เอเดนเริ่มถอดใจ เพราะตอนนี้เขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง หากรอไปก็คงไม่ได้เจอแน่ เด็กหนุ่มเก็บถุงเสื้อใส่กระเป๋าก่อนจะหันหลังกลับ และนั่นก็ทำให้เขาได้เจอกับเจ้าของเสื้อที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาพอดี
“มาหาพี่หรอ” ฟาโรห์พูดขึ้นพลางเอามือล้วงกระเป๋าตัวเองทั้งสองข้าง พอคนตรงหน้าใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่ เขาก็ชักรู้สึกแปลกๆ เพราะท่าทางของฟาโรห์ในเมื่อวานกับวันนี้ช่างดูต่างกันลิบลับ
“ผมเอาเสื้อมาคืน” เอเดนตอบกลับก่อนจะล้วงถุงเสื้อที่เพิ่งเก็บไปเมื่อครู่ออกมา
“กินข้าวมารึยัง” ฟาโรห์ยังคงยืนนิ่ง ไม่ยอมรับถุงเสื้อของตัวเองคืน
“คืนเสื้อเสร็จผมก็จะไปกินข้าวต่อ”
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน” ฟาโรห์เดินนำออกไปโดยไม่สนใจเอเดนที่ยื่นถุงเสื้อคืนเขา เด็กหนุ่มเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาเองก็หิวเต็มทน แถมยังมีเรียนช่วงบ่ายต่ออีกต่างหาก
ผัดกระเพราไข่ดาวสองจานถูกวางลงตรงหน้าทั้งคู่ ฟาโรห์ลงมือทานอาหารโดยไม่รีรอ เอเดนมองหน้าคนตรงข้ามครู่หนึ่งก่อนจะลงมือทานอาหารเช่นเดียวกัน
“อยู่ปีสามหรอ” หลังจากที่เงียบมานาน ฟาโรห์ก็เอ่ยถามออกมา
“ครับ”
“ชื่ออะไรอ่ะ” ตั้งแต่เกิดเรื่องเอเดนก็ไม่เคยบอกชื่อให้เขาทราบเลย
“เอเดนครับ”
“เรียนแฟชั่นหรอ”
“พี่รู้ได้ไงอ่ะ” เอเดนถามด้วยความแปลกใจ
“ก็เห็นหอบข้าวของแบบนั้น มีแต่เด็กแฟชั่นเท่านั้นแหละ” เอเดนหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะทั้งมหาลัยคงมีแต่เด็กแฟชั่นเท่านั้นที่หอบผ้าเยอะแยะแบบนั้น
“คงงั้นแหละครับ” เมื่อทานข้าวจนเสร็จเรียบร้อย เอเดนก็ยื่นถุงเสื้อคืนให้ฟาโรห์อีกครั้ง
“ผมคืนครับ และก็ต้องขอโทษที่ทำมันเปื้อน” ฟาโรห์วางแก้วน้ำในมือลงก่อนจะยื่นมือรับเสื้อคืน
“ขอบใจ”
“ตรงชายเสื้อมันขาดนิดหน่อย ผมเลยเย็บให้” ฟาโรห์มองหน้าเด็กหนุ่มครู่หนึ่งก่อนจะหยิบมันออกมาดู
“อือ ขอบใจมาก”
“งั้นผมไปเรียนก่อนนะพี่”
“ไปเลย เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอาน่า ถือว่าเป็นค่าซักเสื้อ” ฟาโรห์บอกพลางลุกไปจ่ายเงิน
“ขอบคุณครับ” เอเดนกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ในมือของเอเดนยังคงถือข้าวของพะรุงพะรังเหมือนอย่างเคย..
.......................................
ร่างเล็กกำลังวุ่นวายกับการสรุปการประชุมเมื่อเช้า เธอยังปรับตัวไม่ค่อยได้นัก เพราะเรื่องงานแต่ละเรื่องยังคงใหม่สำหรับเธอมาก ถึงได้รับการช่วยเหลือจากอลิซและภาค แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอทำงานได้เร็วขึ้นมากนัก ทุกคนต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น เธอไม่อยากจะรบกวนใคร และสิ่งที่ดูจะแย่ที่สุดในวันนี้ คือเธอจดเนื้อหาในการประชุมมาได้ไม่ครบถ้วนนั่นเอง
“มีอา สรุปการประชุมเสร็จรึยัง” อลิซเอ่ยถามขึ้น
“ยังเลยอลิซ”
“ปกติหลังการประชุมหนึ่งชั่วโมง จะต้องส่งสรุปการประชุมไปให้คุณลูคัสกับคุณมาคัส ตอนนี้เลยเวลามาเกือบจะชั่วโมงแล้วนะ” หญิงสาวหันกลับมามองหน้าจอคอม สีหน้าของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ขอเวลาอีกนิดนึงนะ” เธอตอบกลับก่อนจะรีบลงมือสรุปการประชุมต่อ
“พี่จะออกไปพบลูกค้าหน่อย ฝากทางนี้ด้วยนะ” ภาคเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบร้อน มีอาไม่ได้สนใจมากนัก เพราะตอนนี้หากเธอสรุปการประชุมไม่เสร็จ คนที่แย่จะต้องเป็นเธอแน่
เวลาล่วงเลยไปอีกราวครึ่งชั่วโมง เอกสารที่หญิงสาวเร่งรีบก็เสร็จสิ้น เธอถือเอกสารสองชุดก่อนจะรีบนำมันไปให้ชายหนุ่มทั้งสอง มีอานำเอกสารไปให้มาคัสก่อน เพราะเป็นทางผ่านไปยังห้องของลูคัส
ก๊อกๆ ๆ
“ขออนุญาตค่ะ”
“เข้ามาสิมีอา”
“มีอาเอาเอกสารสรุปการประชุมมาให้ค่ะ”
“อือ วางไว้ได้เลย” มาคัสว่าก่อนมองดูนาฬิกา
“ฉันทำช้าไปใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอยังใหม่อยู่นี่นา รีบเอาไปให้ลูคัสเถอะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินออกไป ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของลูคัส เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเคาะประตูและเดินเข้าไป
“ขออนุญาตค่ะ” สายตาดุดันมองมายังเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“ฉันเอาเอกสารสรุปการประชุมมาให้ค่ะ” เธอว่าพร้อมวางเอกสารไว้บนโต๊ะของชายหนุ่ม
“ไม่มีใครบอกเธอรึไง ว่าที่บริษัทฉันต้องส่งเอกสารการประชุมหลังประชุมหนึ่งชั่วโมง” ลูคัสวางงานในมือก่อนจะหันมาพูดกับเธอ
“ฉันทราบค่ะ”
“แล้วยังไงต่อ”
“ฉันขอโทษค่ะ” เธอรู้ดีว่าถ้าแก้ตัวไปก็คงจะมีแต่แย่ลง สู้ขอโทษไปเลยจะดีกว่า เพราะยังไงเธอก็ผิดจริง ลูคัสหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาดู เขาเปิดอ่านสักพักก่อนจะวางมันลง
“เธอเป็นคนทำทั้งหมดงั้นหรอ”
“ค่ะ”
“ไปทำมาใหม่” เขาว่าก่อนจะโยนเอกสารในมือทิ้งลงพื้น พลันก้มหน้าทำงานต่อ
“ฉันทำผิดตรงไหนคะ ทำไมถึงต้องทำใหม่ด้วย”
“เดือนหน้าจะมีลูกค้ามาประชุมเรื่องผ้าตัวใหม่ สิบแปดคน ไม่ใช่สิบเจ็ดคน และสถานที่ก็คือที่โรงแรมโอเรียลเต็น ไม่ใช่แอเรียลเต็น”
“...”
“เธอไม่รู้รึไงว่าสองที่นี้มันคนละที่กัน” หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย เธอก้มลงไปหยิบเอกสารที่ชายหนุ่มทิ้งเมื่อครู่ขึ้นมาดู และเธอก็ได้รู้ว่าเธอผิดจริง
“ฉัน..”
“เอกสารชุ่ยๆแบบนี้ฉันไม่อยากได้ และเวลาประชุมเธอควรที่จะตั้งใจฟัง เพราะถ้าเธอสรุปข้อมูลผิดๆแบบนี้มาอีก บริษัทฉันได้เจ๊งกันพอดี”
“ฉันไม่ได้นั่งเฉยๆนะคะ ฉันพยายามจด พยายามทำความเข้าใจ ฉัน..”
“ถ้าเธอตั้งใจและพยายามมากพอ คงไม่สรุปข้อมูลผิดๆแบบนี้มาให้ฉันหรอก”
“...” ร่างเล็กกำเอกสารในมือแน่น
“กลับไปทำมาใหม่ ถ้าเรื่องง่ายๆแค่นี้เธอยังทำไม่ได้ ก็ลาออกไป” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็ก้มหน้าทำงานต่อไป ร่างเล็กหันหลังให้เขาก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลลงมาลวกๆ เธอรู้ว่าเธอผิด แต่เขาก็ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกับเธอแบบนี้
มีอากลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง เธอมองดูเอกสารในมือก่อนจะโยนมันทิ้งใส่ถังขยะ
“เกิดอะไรขึ้นมีอา” อลิซเดินเข้ามาหาเธอทันทีก่อนจะถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ฉัน..สรุปข้อมูลการประชุมผิดไปน่ะ”
“อะไรนะ”
“แต่ฉันพยายามแล้วนะอลิซ ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าฉันทำผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันผิดแบบนี้”
“ใจเย็นๆนะมีอา คุณลูคัสเขาก็เป็นแบบนั้นแหละ คุณลูคัสเป็นคนที่จริงจังเรื่องงานมาก และสรุปการประชุมก็เป็นเรื่องสำคัญ เธอทำผิดไปก็เป็นธรรมดาที่เขาต่อว่าเอา” อลิซพยายามปลอบประโลม เธอเข้าใจดี เพราะเธอก็เคยโดนต่อว่าเรื่องทำงานผิดมาบ้าง
“รีบแก้ไขให้มันถูกต้องดีกว่านะ เดี๋ยวฉันช่วย” มีอาพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มลงมือแก้ไข โดยมีอลิซคอยช่วยเหลือ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานนี้เลยจริงๆ หญิงสาวอยากจะลาออกเสียแต่ตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“เสร็จแล้ว” อลิซเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบใจนะอลิซ ไม่ได้เธอฉันคงแย่”
“เธอเรียนเกี่ยวกับแฟชั่นมา ทำไมไม่ไปสมัครงานที่อื่นล่ะ มาสมัครที่นี่ก็ไม่ตรงกับที่เธอเรียนมา แถมยังทำให้เธอทำงานลำบากด้วย”
“ฉัน..”
“...” หากบอกความจริงไปคงได้เกิดเรื่องตามมาไม่หยุดแน่
“ฉันเอาสรุปการประชุมไปให้คุณลูคัสกับคุณมาคัสก่อนนะ” หญิงสาวเลี่ยงตอบคำถาม เธอหยิบเอกสารชุดใหม่ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที
มีอาเดินมาหยุดที่หน้าห้องของลูคัสอีกครั้ง เธอเกลียดเวลาที่จะต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาซะเหลือเกิน หญิงสาวยกมือขึ้นหมายจะเคาะประตู แต่ประตูกลับเปิดออกซะก่อน
“ฉันเอาเอกสารชุดใหม่มาให้ค่ะ”
“อือ” ลูคัสรับมันมาไว้ในมือก่อนจะรีบเดินออกไป หญิงสาวมองตามร่างสูงที่ท่าทางรีบร้อนราวกับเกิดเรื่องร้ายขึ้น
“จะรีบไปไหนก็ช่างสิ” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปยังห้องของมาคัส
ก๊อกๆ ๆ
“ขออนุญาตค่ะ”
“มีอะไรรึป่าวมีอา” มาคัสเงยหน้าจากจอคอม ก่อนจะส่งยิ้มมายังเธอ หากคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยเป็นมาคัส ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้สินะ
“ฉันเอาเอกสารสรุปการประชุมชุดใหม่มาให้ค่ะ”
“มีอะไรหรอ ชุดเก่าฉันยังไม่ได้ดูเลย”
“ฉัน...สรุปมาผิดค่ะ” หญิงสาวเอ่ยพลางทำหน้าสำนึกผิด
“แสดงว่าโดนลูคัสว่ามาแล้วล่ะสิ” เธอพยักหน้า
“ลูคัสก็เป็นแบบนี้แหละ แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่ไม่ได้โหดร้ายอะไรหรอกนะ”
“คงเชื่อยากค่ะ”
“ไว้ทำงานไปเรื่อย ๆ เธอก็คงจะรู้เอง”
“งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้มาคัสอีกครั้งก่อนจะเดินออกมา ตั้งแต่ได้รู้จักกับลูคัส เธอก็ยังไม่ได้เห็นด้านดีของเขาเลย จะให้เชื่อว่าลูคัสเป็นคนที่ไม่โหดร้ายก็คงจะยาก เพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอมันยากที่จะเชื่อนัก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาช่างดูเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
........................................
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในคลับด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก หลังจากได้รับรายงานจากลูกน้องคนสนิท ถึงเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้น
“พาเลทอยู่ที่ไหน” เขาเอ่ยถามพลางนั่งลงยังโซฟา
“ผมอยู่นี่ครับคุณลูคัส” ชายเจ้าของชื่อเดินออกมาจากด้านหลังร้านก่อนจะมาหยุดยืนตรงข้ามเขา ก่อนจะส่งเอกสารบางอย่างให้แก่เขา ชายหนุ่มเปิดออกดูพลางใช้ความคิด
“นึกไว้ไม่มีผิด” ชายหนุ่มสบถออกมาก่อนจะปาเอกสารในมือทิ้ง
“หลังจากกลับจากต่างประเทศ ไดโน่ก็กลับมาช่วยพ่อของมันบริหารบริษัท และมันก็ยังซื้อคลับฝั่งตรงข้ามมาเป็นของตัวเอง”
“ฉันก็อยากจะรู้ ว่ามันจะเก่งสักแค่ไหนกัน” ลูคัสเอนกายพิงพนักพิง ไดโน่เปรียบเหมือนศัตรูตัวฉกาจของเขาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะมีไดโน่คอยขัดขาอยู่ตลอด และนั่นทำให้เขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดศัตรูตัวนี้ให้พ้นทาง แต่กระนั้น ไม่ว่าไดโน่จะทำอะไร เขาก็คอยขัดขาเขาเช่นเดียวกัน จึงเหมือนเกิดสงครามประสาทขึ้นย่อมๆ สามปีก่อนไดโน่ย้ายไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ ทำให้เขาไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนอย่างเก่า ไดโน่เป็นเหมือนพวกชอบเล่นกับจุดอ่อนของคน ยิ่งเขามีจุดอ่อนมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเสียท่าได้มากเท่านั้น
“คุณลูคัสจะทำยังไงต่อไปครับ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอจนกว่ามันจะเปิดเกมก่อน เราค่อยตอบโต้ ฉันไม่อยากเป็นคนเริ่มเกมสกปรกนี่ก่อน”
“ครับ คุณลูคัสจะอยู่ที่นี่ต่อเลยรึป่าวครับ”
“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระต้องไปต่อ” ว่าเสร็จชายหนุ่มก็กลับมายังรถคู่ใจที่จอดอยู่หน้าร้าน เขามองไปยังฝั่งตรงข้าม ก็พบกับคลับคู่แข่งที่เปิดไฟระยิบระยับ
“กำลังมองคลับใหม่ของฉันอยู่รึไง” เมื่อได้ยินเสียง ลูคัสก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเต็มทน
“นึกว่าชาตินี้จะไม่ต้องมาพบเจอกันอีกแล้ว” ลูคัสตอบกลับพลางส่งยิ้มแหยๆให้
“พูดแบบนี้ฉันเสียใจแย่” ไดโนว่าพร้อมทำหน้าเศร้าอย่างกวนประสาท
“มาหาฉันถึงที่ หวังว่าจะมีธุระอะไรสำคัญนะ”
“ไม่เจอกันตั้งนาน ฉันก็แค่อยากมาทักทาย ได้เจอหน้ากันแล้ว ฉันก็จะไป” ไดโน่ตอบกลับก่อนจะมองไปยังคลับตรงหน้า
“คลับแกสวยใช้ได้เลยว่ะ”
“แต่คลับแกดูยังใช้ไม่ได้เท่าไหร่นะ”
“ฮ่าๆๆ คงต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย”
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ฉันคงต้องขอตัว ฉันไม่ค่อยมีเวลามายืนคุยอะไรไร้สาระนักหรอก”
“ตามสบาย” ไดโน่ผายมือเชิญ ก่อนจะนำมันไปล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเอง ลูคัสมองหน้าหนุ่มข้างหน้าครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูรถ แต่เสียงของไดโน่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขาต้องชะงักในทันที
“คู่หมั้นแกชื่ออะไรนะ” ร่างสูงหันไปมองหน้าศัตรูตัวฉกาจอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“...”
“มี...มีอา ฉันพูดถูกรึป่าว”
“ข่าวไวดีจังนะ”
“โถ่ เพื่อนรักฉันมีคู่หมั้นทั้งที ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง แถมคู่หมั้นยังน่ารักอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ สเปคฉันเลย”
“ผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปี ก็ยังสันดานเดิมเลยนะ”
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมละกันนะ วันนี้ฉันแวะมาทักทายเฉยๆ ฉันไม่รบกวนแล้วดีกว่า” ไดโน่ว่าก่อนจะโบกมือลา ร่างสูงมองตามชายเมื่อครู่ไปจนสุดสายตา การที่ไดโน่มาพูดแบบนี้ มันกำลังหมายความว่าเขาจะเข้ามายุ่งกับหญิงสาวอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่คำทักทาย แต่ไดโน่กำลังเปิดเกมประสาทกับเขา เรื่องเลวๆแบบนี้ช่างเป็นงานถนัดของไดโน่เสียจริง
รถยนต์คันหรูบึ่งออกจากคลับก่อนจะตรงมายังบ้านหลังใหญ่ ถ้าไม่มีธุระเขาก็ไม่ได้อยากจะมาเหยียบที่นี่สักเท่าไหร่
“ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่” ไตรทศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน
“ผมอยากคุยเรื่องแต่งงาน”
“อยากจะแต่งกับหนูมีอาแล้วหรอ”
“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ว่าผมจะไม่แต่ง”
“ไปเจอใครพูดจาเหลวไหลมาอีกล่ะ ฉันนึกว่าฉันพูดเรื่องนี้กับแกจบไปแล้วนะ” ไตรทศว่าอย่างหัวเสีย
“ไดโน่กลับมาแล้ว และมันมาเปิดคลับอยู่ฝั่งตรงข้ามผม”
“แกพูดอย่างกับมันรู้ว่าหนูมีอาเป็นคู่หมั้นแก” ไตรทศรู้จักไดโน่ดี และจากท่าทางของลูกชายก็ทำให้เขาเดาได้ไม่ยาก ว่าไดโน่คิดจะทำอะไร
“ใช่ มันรู้ว่ามีอาคือคู่หมั้นผม”
“ยังไงฉันก็ไม่ยกเลิก”
“งั้นผมก็ไม่รับรองความปลอดภัยของมีอา”
“หน้าที่ของแกคือดูแลหนูมีอาให้ดี ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ทำไมแกจะดูแลไม่ได้”
“เพราะผมรู้ไง ว่าสักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น ผมถึงไม่อยากดึงใครเข้ามาในชีวิตของผม”
“...”
“และตอนนี้ พ่อเป็นคนดึงเธอเข้ามาเอง” สิ้นเสียงเขาก็หันหลังเดินหนีจากผู้เป็นพ่อไป ไดโน่ร้ายกาจมาก คนแบบไดโน่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้ชนะ และมันเป็นเรื่องง่ายมากถ้าไดโน่คิดที่จะทำอะไรมีอา เขาไม่มีเวลาไปดูหญิงสาวตลอดเวลา และความสัมพันธ์ของเขากับเธอตอนนี้เปรียบเหมือนน้ำกับน้ำมันเข้าไปทุกที มีอาเป็นคนหัวดื้อ และพร้อมจะต่อต้านเขาตลอดเวลา นั่นอาจเป็นเพราะเขาทำท่าทางไม่ดีใส่เธอก่อน แต่นั่นก็เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเข้ามาเจอเรื่องบ้าๆในชีวิตของเขา ยิ่งเขาผลักมีอาให้ออกห่างจากตัวเขามากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าหญิงสาวจะยิ่งปลอดภัย เพราะศัตรูของเขาไม่ได้มีแค่ไดโน่คนเดียวแน่...