บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

ความเจ็บปวดทั่วร่างกายกำลังปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหลบนเตียงใหญ่ ภายในห้องของชายหนุ่มคู่หมั้น อาการแฮงค์จากแอลกอฮอล์ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นมากุมขมับเอาไว้ ดวงตากลมโตค่อยๆปรับสายตาของตัวเอง ในหัวเธอพลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้ความโมโหพุ่งทะยานอย่างช่วยไม่ได้

“ตื่นแล้วหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง เธอหันไปมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ร่างเล็กหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมกระชับผ้านวมที่ปกปิดร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้ให้แน่น

“คนเห็นแก่ตัว” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธอย่างเต็มทน

“ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว”

“คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!!” เธอตะโกนด่าชายหนุ่มที่อยู่หน้าห้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปอย่างหน้าด้านๆ แถมยังยอกย้อนเธอโดยไม่รู้สึกผิดสักนิด

“ก็ไม่เห็นเธอจะขัดขืนสักเท่าไหร่เลยนะ” ร่างสูงว่าก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เธอ

“ดูเหมือนเธอจะชอบด้วยซ้ำนะมีอา”

เพลียะ!! มือบางตบเข้าไปยังใบหน้าคมทันทีที่เขาพูดจบ ชายหนุ่มดูถูกเธอทั้งร่างกายและคำพูด เกิดมาไม่เคยเห็นใครแย่เท่าเขามาก่อน

“เอาอีกสิ” เขาเดินมาประชิดตัวเธอก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้

“ปล่อยฉัน”

“ตบฉันอีกสิ ฉันจะได้ทำแบบเมื่อคืนอีก”

“เอามือสกปรกของคุณออกไปจากตัวฉัน” มือบางพยายามแกะมือของชายหนุ่มออก แต่ก็ไม่เป็นผล

“ฉันก็ไม่ได้อยากแตะต้องเธอนักหรอก” เขาว่าก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวกระชับผ้านวมในมือก่อนจะเดินมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาที่เกลียดชัง

“เรื่องเมื่อคืน ฉันจะถือว่าทำทาน”

“ฉันชักจะสนุกแล้วสิ เธอคงจะต้องได้ทำทานบ่อยๆแล้วล่ะ” สิ้นเสียชายหนุ่มก็เดินออกไปทันที ร่างเล็กได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความโกรธ ลูคัสร้ายกาจกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก ถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเธอจะทนไม่ไหว จนทำทุกอย่างพัง ถึงตอนนั้นเธอคงต้องเสียบริษัทของครอบครัวเธอไปจริงๆ

................................................

เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังเดินหอบของพะรุงพะรังไปยังตึกคณะของตัวเอง เอเดนเป็นชายที่สนใจในเรื่องการตัดเย็บเสื้อผ้ามากๆ ซึ่งดูแล้วอาจจะแตกต่างไปจากเด็กหนุ่มทั่วไป ทั้งรูปร่างที่ไม่สูงมากนัก กับผิวพรรณที่ขาวผ่อง เรื่องนี้เองทำให้เขามักโดนล้ออยู่บ่อยๆ และเขาเองก็เป็นผู้ชายเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกเรียนเกี่ยวกับแฟชั่น

กาแฟเย็นในมือของเอเดนมีอยู่เต็มแก้ว ตั้งแต่ซื้อมาเขาก็ยังไม่ดื่มมันแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากำลังเข้าเรียนสายซะแล้ว มหาวิทยาลัยอยู่ใจกลางเมือง ทำให้การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ขนาดกะเวลาดีแล้ว ก็ยังสายซะได้

พลั่ก!!

“เฮ้ย” เสียงร้องของเด็กหนุ่มอีกคนดังขึ้น พร้อมเสียงโวยวายที่ดังในเวลาต่อมา เอเดนวางข้าวของลงก่อนจะพบว่ากาแฟในมือได้ไปอยู่บนเสื้อผ้าของอีกคนเกือบหมดแก้ว

“ขอโทษครับ” เอเดนกล่าวขอโทษพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับเสื้อช็อปของชายอีกคน

“เดินไม่ดูทางรึไงวะ” เอเดนเงยหน้ามองคู่กรณีก่อนจะพบว่าเป็นพี่ปีสี่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอเดนรู้จักชายหนุ่มคนนี้ เพราะเพื่อนๆในคณะต่างพูดถึงอยู่บ่อยๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นที่หมายปองหญิงสาวทั่วทั้งมหาลัย ใครๆต่างก็รู้จักเขา

“ถามทำไมไม่ตอบ”

“ผมรีบครับ เลยไม่ทันได้ดูทาง”

“เรียนคณะอะไร”

“เรียนแฟชั่นครับ” เอเดนตอบออกไป เขาไม่ค่อยชอบการปะทะสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับพวกเด็กหนุ่มวิศวะ

“อยู่ปีไหน ชื่ออะไร”

“ผมต้องไปเรียนแล้ว จะให้ผมรับผิดชอบยังไงว่ามาเลยครับ” หากมัวแต่ยืนอยู่แบบนี้คงไม่จบสักที

“ปากดีจังวะ”

“พี่จะให้ผมรับผิดชอบยังไงล่ะครับ”

“...” ชายหนุ่มคู่กรณีไม่ตอบ แต่กลับถอดเสื้อช็อปของตัวเองแล้วโยนมายังเขาทันที

“เอาไปซัก แล้วเอามาคืนด้วย” เอเดนรับเสื้อช็อปที่ถูกโยนมาให้อย่างงงๆ

“ให้ไปคืนที่ไหนครับ”

“ตึกวิศวะ ฉันชื่อฟาโรห์” สิ้นเสียงฟาโรห์ก็เดินไปทางคณะของตัวเอง เอเดนมองดูเสื้อช็อปที่เลอะคราบกาแฟเต็มไปหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาจับเสื้อตัวนั้นยัดใส่กระเป๋าก่อนจะหอบข้าวของไปยังตึกคณะของตัวเอง และตอนนี้เขาเข้าเรียนสายอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

.............................................

นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงยี่สิบห้า ร่างเล็กรีบพาตัวเองลงจากรถแท็กซี่ก่อนจะวิ่งเข้าไปในตึกใหญ่ใจกลางเมือง ไตรทศนัดเธอเอาไว้ตั้งแต่แปดโมง แต่นี่วันแรกเธอสายไปเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว หากไม่เกิดเรื่องบ้าๆเมื่อคืน เธอคงไม่ต้องสายแบบนี้ เธอสะบัดหัวพยายามเอาเรื่องเมื่อคืนทิ้งไป วันนี้เธอควรจะต้องมีสติมากกว่านี้สิ

เมื่อเข้ามาในตัวบริษัท เลขาของไตรทศก็ตรงดิ่งมาหาเธอด้วยความร้อนใจ

“คุณมีอารึป่าวคะ”

“ใช่ค่ะ” เธอตอบพลางยกมือขอโทษ

“ขอโทษที่สายนะคะ”

“รีบไปเถอะค่ะ ท่านประธานกับพวกกรรมการรออยู่ที่ห้องประชุม” หญิงสาวเดินตามไปติดๆ ทำไมพวกเขาต้องมารอเธอด้วย นี่เป็นแค่การลองทำงานไม่ใช่หรือไง หญิงสาวก่นด่าตัวเองไปพลางๆ วันแรกเธอก็สร้างเรื่องซะแล้ว

เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมายังเธอ บ้างก็หันไปซุบซิบ บ้างก็มองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก แต่มีสายตาอยู่คู่หนึ่งที่มองเธออย่างเย็นชา ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน

“มานั่งนี่สิมีอา” ไตรทศเรียกเธอให้เข้าไป พลางชี้ไปที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างลูคัส หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นอย่างขัดคำสั่งไม่ได้

“นี่คือหนูมีอา เธอจะเข้ามาทำงานที่นี่ ผมฝากทุกท่านช่วยสอนงานและดูแลเธอด้วย” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มหัวให้เป็นการทักทาย

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญทุกคนกลับไปทำงานตัวเองได้ครับ” หลายๆคนต่างลุกออกไปเหลือเพียงไตรทศ ลูคัส มาคัส และหญิงสาวเท่านั้น

“ฉันจะให้หนูทำเอกสารง่ายๆก่อน ถ้าหากสงสัยอะไรก็ถามฉัน หรือสองคนนี้ก็ได้” ไตรทศว่าพลางชี้ไปที่ลูกชายทั้งสอง

“ค่ะ”

“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะครับ” ลูคัสไม่รอคำตอบ เขาพูดจบก็เดินออกไปทันที

“ไอ้ลูกคนนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้น เธอไม่อยากให้เรื่องของเธอไปสร้างปัญหาให้ใครนัก

“ส่วนนี่มาคัส ลูกชายของฉันอีกคน” เธอมองไปยังมาคัส พร้อมกับที่ชายหนุ่มมองมายังเธอ ทั้งสองส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

“ถ้าหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาผมได้ตลอดเลยนะครับ” ร่างเล็กมองมาคัสก่อนจะเผลอยิ้มออกมา สองพี่น้องทำไมถึงได้ต่างกันมากขนาดนี้

“ฉันขอคุยกับมีอาเป็นการส่วนตัวสักครู่สิ” ร่างเล็กพยักหน้ารับ พร้อมกับมาคัสที่เดินออกไปอย่างรู้งาน

“มีอาขอโทษนะคะที่มาสาย”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

“หนูนึกว่าคุณไตรทศมีลูกชายคนเดียวซะอีกนะคะ”

“เรื่องนั้นแหละ ที่ฉันอยากจะบอก”

“ดูพี่น้องสองคนนี้ต่างกันลิบลับเลยนะคะ” เธอพูดแกมตลก แต่หากคนที่สนทนาดูไม่ตลกด้วยสักเท่าไหร่

“มาคัสเป็นลูกของฉันกับ...ภรรยาน้อย”

“...” เมื่อได้ฟังสิ่งที่ไตรทศพูด มีอาก็เงียบลงทันที

“ฉันแต่งงานกับภรรยาของฉันด้วยความรัก แต่มีวันหนึ่งที่ฉันพลาดไปมีอะไรกับอีกคน ผู้หญิงคนนั้นท้องมาคัส ตอนนั้นฉันเครียดมาก ฉันผิดที่ไม่ซื่อสัตย์ แต่นั่นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของฉัน”

“...”

“ฉันไม่กล้าบอกภรรยาของฉัน เพราะกลัวว่าเธอจะเสียใจ แต่เดือนถัดมาภรรยาของฉันก็ท้องลูคัส ฉันพยายามที่จะปกปิดเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเธอก็รับรู้”

“...”

“หลังจากนั้น ครอบครัวฉันก็แทบจะหาความสุขไม่ได้ แม่ของลูคัสตรอมใจตลอดเวลา เธอร้องไห้เสียใจจนล้มป่วย พอลูคัสอายุได้ห้าขวบ เธอก็จากพวกเราไป”

“...”

“ลูคัสโทษว่านั่นเป็นความผิดของฉัน เขาตั้งแง่กับฉันและมาคัสมาตลอด ไม่ว่าจะทำวิธีไหน เราก็แทบจะไม่เคยพูดดีด้วยกันได้เลย ถึงลูคัสจะยอมทำตามที่ฉันขอในหลายๆเรื่อง แต่เขาก็ไม่เคยอ่อนข้อให้กับฉันเลย และยิ่งกับมาคัส เขาไม่ยอมญาติดีด้วยเลยสักนิด”

“...”

“ฉันรู้ว่าฉันผิด และที่ฉันดึงหนูเข้ามาแบบนี้ เพราะฉันไม่อยากให้ลูคัสผิดพลาดเหมือนที่ฉันเคยผิด หวังว่าหนูจะเข้าใจฉันนะ” มีอาไม่ได้ตอบโต้อะไรไป เธอทำเพียงนั่งฟังเงียบๆเท่านั้น ชีวิตของคนเรามันยากที่จะเข้าใจเหลือเกิน

“หนูไปทำงานเถอะ ตั้งใจเรียนรู้งานล่ะ จะไม่บอกเรื่องที่เธอเป็นคู่หมั้นกับลูคัสให้ใครรู้ หนูสบายใจได้” ร่างเล็กพยักหน้าให้ก่อนจะลุกออกไปเงียบๆ เธอไม่รู้ว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนลูคัสได้ยังไง เพราะเธอเองก็เกลียดการกระทำที่ลูคัสทำกับเธอเหมือนกัน ดูท่าเรื่องนี้จะยากเกินไปจริงๆ

เลขาของไตรทศพาเธอมานั่งที่โต๊ะทำงาน ที่ถูกจัดเตรียมให้เธอโดยเฉพาะ รอบๆตัวเธอมีพนักงานอยู่สองคนเท่านั้น และทุกคนต่างมองเธอเป็นตาเดียว หญิงสาวหันไปยิ้มให้ก่อนจะนั่งลง เพียงครู่เดียวเอกสารต่างๆก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะเธอเต็มไปหมด

“ตรงนี้เป็นการทำเอกสารเกี่ยวกับลูกค้าต่างประเทศ ยังไงก็ค่อยๆเรียนรู้ไปนะ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามพนักงานที่อยู่ในห้องนี้ได้เลย” เลขาของไตรทศ หรือไรราบอกเธอก่อนจะเดินจากไป หญิงสาวเปิดเอกสารดูแล้วแทบจะบ้า เธอเรียนแฟชั่นเกี่ยวกับเสื้อผ้ามา พอมาเจองานเอกสารพวกนี้ทำเอาเธอไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว

“ชื่อมีอาหรอ” หญิงสาววัยใกล้เคียงเธอทักทายขึ้น เธอหันไปพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้าง

“ค่ะ”

“ฉันชื่ออลิซนะ” อลิซว่าพลางเลื่อนเก้าอี้มาที่เธอ

“คนนั้นชื่อพี่ภาคเป็นหัวหน้าแผนก ที่นี่คนน้อย แต่ว่างานก็เยอะอย่างที่เธอเห็นแหละ คนเก่าเพิ่งลาออกไปน่ะ งานเลยเยอะมากกว่าปกติ”

“ถ้าสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้นะ” พี่ภาคหัวหน้าแผนกพูดขึ้น เขาอายุราวๆสามสิบกลางๆได้

“ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้ทั้งสองคนก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อไป วันนี้เธอมาสายแล้ว หลังจากนี้คงต้องทำตัวให้ดี ให้สมกับที่ไตรทศไว้ใจให้เธอมาทำงานที่นี่

ก๊อกๆ ๆ ประตูถูกเปิดออกพร้อมการปรากฏร่างของคนที่เธอไม่อยากเจอหน้านัก

“คุณลูคัสมีอะไรให้ช่วยหรือครับ” ภาคลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมถามอย่างกระตือรือร้น ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าลูคัสเป็นคนจริงจังกับงานมากขนาดไหน

“เอกสารนั่นฉันจะใช้งานพรุ่งนี้” ชายหนุ่มว่าก่อนจะชี้มายังเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของหญิงสาว

“ได้ครับ เดี๋ยวพวกเราช่วยกันทำ”

“ไม่” ลูคัสตอบกลับก่อนจะว่าต่อ

“ให้พนักงานใหม่ทำ..คนเดียวก็พอ แค่นี้คงไม่เกินความสามารถหรอก” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนบ้าง ก่อนจะจ้องไปยังร่างสูง

“เธอมีปัญหาอะไรรึป่าวพนักงานใหม่” มีอาถอนหายใจเล็กๆก่อนจะตอบกลับ

“ไม่มีค่ะ” เธอหันหน้าไปมองทางอื่นทันทีที่ตอบกลับ ขืนมองนานกว่านี้มีหวังได้ขาดสติด่าเขาแน่

“ดี” ลูคัสตอบกลับสั้นๆก่อนจะเดินออกไป เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องหาเรื่องกันตลอด ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาดู หากเขาต้องการแกล้งเธอแบบนี้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือการทำให้เขาเห็นว่าเธอสามารถทำได้ นี่แค่วันแรก ต่อๆไปเธอจะต้องเจออะไรบ้าง

นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มตรง ร่างเล็กมองกองงานที่เหลือบนโต๊ะแล้วแทบจะมุดแผ่นดินหนี ภาคกับอลิซก็กลับไปตั้งแต่สามทุ่มแล้ว แถมในห้องก็เงียบมากๆอีกด้วย ถ้าหากมีผีโผล่ขึ้นมา เธอคงจะวิ่งป่าราบไปแล้ว

ก๊อกๆ ๆ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา

“คุณมาคัส”

“ทำงานเป็นไงบ้างครับ”

“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”

“เอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้นี่ครับ นี่ดึกมากแล้วด้วย”

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณลูคัสบอกว่าจะใช้งานพรุ่งนี้”

“ให้ผมดูหน่อยนะครับ” มาคัสเดินมาข้างหญิงสาวก่อนจะหยิบเอกสารบางส่วนขึ้นมาดู

“เอกสารพวกนี้เป็นของเดือนหน้านี่ครับ นี่เพิ่งต้นเดือนเอง ไม่น่าจะต้องรีบใช้ขนาดนั้น”

“นี่ฉันโดนแกล้งหรอคะเนี่ย” หญิงสาวบ่นพลางวางงานตรงหน้าลง

“ให้ผมช่วยละกันครับ”

“อย่าดีกว่าค่ะ ถ้าลูคัสรู้เข้า คุณจะแย่เอานะคะ” ลูคัสห้ามให้คนอื่นช่วยเธอ แล้วนี่ถ้าเป็นมาคัสมาช่วย เขาคงจะไม่พอใจเอามากๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ปกติลูคัสก็ไม่ได้จะชอบผมอยู่แล้ว คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะครับ” มาคัสหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะช่วยเธอทำเอกสาร

เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง กองงานที่วางบนโต๊ะก็ลดลงจนหมด ร่างเล็กเอนหลังพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน

“นึกว่าจะไม่เสร็จซะแล้ว ถ้าไม่ได้คุณมาคัสฉันแย่แน่ๆเลยค่ะ”

“นี่ก็เที่ยงคืนแล้วเรากลับกันดีกว่าครับ” มีอาเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไป

“คุณมีอากลับยังไงครับ”

“เดี๋ยวกลับแท็กซี่ค่ะ”

“ดึกขนาดนี้แล้ว ให้ผมไปส่งไหมครับ”

“แค่นี้ก็รบกวนจะแย่แล้วค่ะ”

“ไม่เป..”

“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงคู่หมั้นผมขนาดนี้” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมร่างสูงของชายหนุ่ม มาคัสมองหน้าลูคัสครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา

“นึกว่าจะไปที่คลับซะอีก”

“ตอนแรกก็ว่าจะไป แต่เป็นห่วงคู่หมั้นขึ้นมา ก็เลยเปลี่ยนใจ” เขาว่าก่อนจะเดินไปโอบร่างเล็กเอาไว้

“คู่หมั้นผมยิ่งเสน่ห์แรงซะด้วย”

“ปล่อยค่ะ” มีอาดันตัวชายหนุ่มออก

“ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวเดินออกไปทันที ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเธอหาความสงบสุขไม่ได้เลยสักครั้งเดียว

เวลาผ่านไปราวสิบนาที แท็กซี่ไม่มีผ่านมาเลยสักคันเดียว ตอนนี้เธอง่วงจนแทบอยากจะนอนลงตรงนี้เสียให้ได้

ปริ๊นๆ เสียงแตรจากรถหรูส่งเสียงใส่เธอมาแต่ไกล หญิงสาวมองครู่หนึ่งก่อนจะรับรู้ได้ว่าเป็นรถของลูคัส

“ขึ้นรถสิ” ชายหนุ่มเปิดกระจกลงก่อนจะเรียกให้เธอขึ้นรถ หญิงสาวไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างเดิม ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลงมาหาเธอ

“หูหนวกรึไง”

“ฉันจะกลับเองค่ะ”

“ได้” ชายหนุ่มกลับขึ้นรถไปอีกครั้ง ก่อนจะกดแตรรถรัวๆ

ปริ๊น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มีอามองการกระทำของชายหนุ่มอย่างเหลือเชื่อ หากทำแบบนี้ต่อไปมีหวังชาวบ้านแถวนั้นได้มาเธอพอดี

“หยุดนะคุณ”

ปริ๊น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

“ฉันบอกให้หยุดไง”

ปริ๊น ๆ ๆ ๆ ๆ

“บ้าเอ้ย” ร่างเล็กพาตัวเองขึ้นไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ ทำให้ลูคัสหยุดส่งเสียงแตรทันที

“ก็แค่เนี้ย” เขาว่าก่อนจะบึ่งรถออกไปด้วยความเร็ว ระหว่างทางไม่มีการสนทนาใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น หญิงสาวหันหน้ามองนอกหน้าต่างตลอดเวลา เธอไม่อยากเห็นหน้าชายหนุ่มข้างกายแม้แต่น้อย

“ช่วยจอดข้างหน้าด้วยค่ะ” รถคันหรูจอดเทียบฟุตบาททันที ร่างเล็กรีบเปิดประตูเพื่อจะลง แต่พบว่าประตูเปิดไม่ออก

“ช่วยปลดล็อคประตูให้ด้วยค่ะ”

“อย่าไปยุ่งกับมาคัส” เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อย

“ทำไมคะ”

“ฉันไม่ชอบ”

“แต่ฉันชอบ”

“...”

“คุณมาคัสเป็นคนดี มีน้ำใจ ไม่เหมือนกับคุณเลยสักนิด นี่ถ้าพ่อคุณให้ฉันแต่งงานกับมาคัส ฉันคงจะดีใจกว่านี้” มือหนากระชากร่างเล็กเข้าหาตัวทันทีด้วยความโกรธ

“อย่าพูดแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีก”

“ฉันไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นก็ดีแล้วไม่ใช่หรอคะ คุณจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าฉัน เหมือนที่ฉันทนเห็นหน้าคุณ”

“มีอา!!”

“บางที คุณมาคัสอาจจะทำให้ฉันเปลี่ยนใจ เรื่องที่จะแต่งงานกับคุณก็ได้”

“ตอนแรกฉันก็ไม่อยากแต่ง แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“หมายความว่ายังไง”

“เมื่อคืนฉันสนุกมากเลยล่ะ และฉันก็อยากจะสนุกอีกเรื่อยๆ”

“นี่” มือบางเตรียมเหวี่ยงใส่ใบหน้าของเขา แต่ชายหนุ่มกลับคว้ามันไว้ได้ก่อน

“ฉันจะทำให้เธอรู้ ว่าเธอกับพ่อฉัน ไม่มีทางชนะฉันได้หรอก” ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ก่อนจะปลดล็อคประตู ร่างเล็กรีบลงจากรถก่อนจะเดินเข้าบ้านไปในทันที เขานั่งมองหญิงสาวที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดานัก เขาจะทำให้พ่อเขาได้รับรู้ว่าแม่ของเขารู้สึกยังไงกับความเจ็บปวดที่พ่อเขามอบให้ และมีอานั่นแหละคือเครื่องมือชั้นดีของเขา....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel