ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
บริษัทผ้าไทย เป็นบริษัทขนาดกลาง ตั้งอยู่แถบชานเมือง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้า เมื่อหลายปีก่อนเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของนักธุรกิจ เพราะเป็นการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย แต่ในปัจจุบันกลับได้รับความนิยมน้อยลงไป ทำให้บริษัทเริ่มมีปัญหาด้านการเงิน และได้ปิดตัวลงไปในที่สุด
หลังจากส่งพ่อและแม่ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศตามที่ได้ตกลงกันไว้ ร่างเล็กก็กลับมาที่บริษัทของครอบครัวเธออีกครั้ง เธอยืนมองบริษัทด้วยแววตาละห้อย ประตูหน้าบริษัทแขวนป้ายคำว่าปิดกิจการตัวขนาดใหญ่ ยิ่งตอกย้ำเธอยิ่งนัก เธอไม่เคยรับรู้เลยว่าธุรกิจที่บ้านเธอกำลังแย่ พอรู้อีกทีมันก็จบลงซะแล้ว
“ฉันขอโทษนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวหันไปมองก่อนจะยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณไตรทศ”
“ฉันกำลังทำให้หนูลำบากใจรึป่าว” เธอเงียบไปสักพักก่อนจะตอบออกไป
“ไม่หรอกค่ะ มีอาต้องขอบคุณคุณไตรทศต่างหากที่รับซื้อบริษัทนี้ไว้”
“ถ้าหนูแต่งงานกับลูคัสเมื่อไหร่ ฉันสัญญาว่าฉันจะคืนบริษัทนี้ให้ ตามที่หนูต้องการ”
“ถ้าหนูทำไม่สำเร็จล่ะคะ” เรื่องของเธอกับลูคัสดูแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ลูคัสเป็นคนเก่ง และเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก แต่ในขณะเดียวกัน ลูคัสก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนคนนึง ฉันเชื่อว่าหนูมีอาจะทำให้ลูคัสยอมแต่งงานด้วยได้” เมื่อได้ฟังคำตอบเธอก็เงียบไปอีกครั้ง ลูคัสไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆ และมันก็ดูเป็นเรื่องยากมากที่เธอจะทำให้เขายอมแต่งงานด้วยได้
“ฉันไม่อยากให้ลูคัสต้องมาผิดพลาดแบบฉัน”
“มีอาจะพยายามนะคะ”
“ระหว่างนี้ ฉันจะให้หนูไปทำงานที่บริษัทฉันก่อน”
“อะไรนะคะ”
“หนูมีอายังไม่มีงานทำนี่นา ถือซะว่าไปเรียนรู้งานที่บริษัทฉันละกัน เผื่อหนูกับลูคัสจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น” เรื่องเมื่อวานก็ทำให้เธอรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เขาสักเท่าไหร่ ถ้าไปทำงานที่เดียวกัน เขาคงได้โกรธเธอเป็นแน่ แต่ถ้าหากไม่ไป เธอก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเขามากกว่านี้ และเรื่องแต่งงานคงไม่มีทางเกิดขึ้นเลย
“ก็ได้ค่ะ มีอาจะลองเข้าไปทำดูนะคะ”
“ฉันดีใจนะ ที่หนูคิดแบบนี้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เดินทางเข้าไปที่บริษัทฉันได้เลย ฉันจะบอกเลขาฉันให้เตรียมทุกอย่างไว้ให้”
“ค่ะ ขอบคุณคุณไตรทศอีกครั้งนะคะ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินออกไป เท้าเล็กเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ในหัวของเธอมีความคิดมากมายเต็มไปหมด จนแทบจะระเบิดออกมา นี่เธอกำลังเอาตัวเองเข้าไปในที่ที่ไม่ควรเข้าไปรึป่าวนะ
“พี่มีอา”
“...”
“พี่มีอา”
“หะห๊ะ” เธอรีบกุลีกุจอหันตามเสียง เด็กหนุ่มวัยยี่สิบในชุดนักศึกษากำลังโบกมือทักทายเธอด้วยความร่าเริง
“เอเดน” เธอเอ่ยเรียกชื่อคนตรงข้ามก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เอเดนเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยที่สนิทกับเธอมาก เพราะเรียนคณะเดียวกัน
“พี่มีอาจะไปไหนครับ ผมเห็นเดินเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมเสียใจด้วยนะพี่ เรื่องบริษัทพี่อ่ะ” เด็กหนุ่มว่า
“อือ ขอบใจมาก แล้วเรียนเป็นไงบ้าง”
“ปีสามก็เหนื่อยหน่อย แต่ชินแล้วครับ”
“ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ จะได้จบทันเพื่อนๆ”
“ไม่ได้เจอพี่มีอาตั้งนาน เย็นนี้ไปปาร์ตี้กันหน่อยไหมครับ” เอเดนเริ่มพูดจากชักชวน สมัยเรียนเธอก็ดื่มบ้างแต่ไม่บ่อยนัก
“เอาสิ พี่เครียดอยู่พอดีเลย” เธอเองก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับ สถานการณ์แบบนี้การดื่มเพื่อคลายเครียดอาจจะช่วยอะไรได้
“มีไนต์คลับมาเปิดใหม่พอดี ผมเคยไป ดีอย่างงี้เลย” เด็กหนุ่มว่าพร้อมชูนิ้วโป้งขึ้น
“งั้นเดียวพี่ชวนเกรซไปด้วยดีกว่า ไปกันหลายๆคนสนุกดี”
“ได้ครับ งั้นไว้ผมส่งโลเคชั่นร้านให้แล้วเจอกันตอนสามทุ่มนะครับ” มีอาพยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงลา
“ไว้เจอกัน”
“ผมไปเรียนก่อน ไว้เจอกันครับ” เอเดนว่าก่อนจะโบกมือลากลับ พลางวิ่งไปอีกทาง เธอมองเด็กหนุ่มพลางคิดถึงสมัยเรียน ตอนนั้นเป็นช่วงที่มีความสุข มีความสุขซะจนเธอไม่อยากจะเติบโตไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะแบกรับปัญหาต่างๆ แม้กระทั่งเรื่องแต่งงานแบบนี้
........................................................
เอกสารถูกวางอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่ามีสายเรียกเข้าจำนวนไม่น้อยที่ถูกโทรเข้ามา เวลางานเขามักจะปิดเสียง เพราะไม่ต้องการให้ใครรบกวน หากเป็นลูกค้าของบริษัท จะต้องติดต่อผ่านทางเลขาของเขาเท่านั้น
“คุณลูคัสจะเข้าไปที่คลับไหมครับวันนี้” โลแกน เลขาคนสนิทอายุไล่เลี่ยกับเขาเอ่ยถามขึ้น
“ฉันมีเอกสารด่วนที่ต้องเคลียร์อาจจะไม่ได้เข้าไป ฝากจัดการด้วย”
“ครับ” เมื่อสั่งการเสร็จเขาก็ก้มหน้าทำเอกสารอีกกองใหญ่ ถึงงานที่คลับจะสำคัญ แต่งานที่บริษัทก็สำคัญไม่แพ้กัน ที่เขาตัดสินใจเปิดคลับเพียงเพราะต้องการหาที่ผ่อนคลายจากการทำงาน แต่ดูเหมือนเขาจะต้องรับงานเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว
เวลาล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์ตกดิน ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะอย่างเหนื่อยล้าพลางมองนาฬิกาบนข้อมือ
“สี่ทุ่มแล้วหรอเนี่ย” เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเก็บของบนโต๊ะ ร่างสูงสง่าเดินตรงขึ้นไปบนรถคู่ใจก่อนจะขับออกไป เสียงเพลงในรถดังคลอเบาๆ พร้อมแอร์เย็นๆทำให้เขาคิดถึงที่นอนขึ้นมาทันที แต่ภายในใจของเขากลับมีลางสังหรณ์อย่าง ชายหนุ่มตัดสินใจเลี้ยวรถกลับก่อนจะบึ่งตรงไปยังคลับ ตั้งแต่เปิคคลับมา เขาก็เข้าไปที่นั่นแทบทุกวัน หากวันนี้ไม่ได้เข้าไป เขาก็คงจะนอนไม่หลับแน่
.........................................
เสียงเพลงดังกระหึ่ม พร้อมผู้คนที่กำลังโยกย้ายสะโพกตามจังหวะของเสียงเพลง ร่างเล็กสวมชุดเสื้อเปิดไหล่สีดำ เผยผิวนวลน่ามอง กับกางเกงขายาวรัดรูป หญิงสาวเรียนจบด้านเสื้อผ้ามาโดยตรง เพราะต้องการนำมาสืบสานค่อธุรกิจที่บ้าน ไม่แปลกเลยที่เธอจะตามแฟชั่นได้ขนาดนี้
“คิดถึงจังเลย” ร่างของเพื่อนสาวสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง พร้อมเสียงตะโกนแข่งกับเสียงเพลง
“เกรซ” เธอเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนก่อนจะหันไปกอดเพื่อนบ้าง
“เสียใจด้วยนะแก เรื่องบริษัทอ่ะ”
“ขอบใจมาก”
“แล้วนี่เอเดนยังไม่มาหรอ”
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ” เธอตอบพลางหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อไป”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หญิงสาวตอบก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบอีกครั้ง เกรซได้แต่ตบบ่าเพื่อนเบาๆพลางปลอบประโลม
“ลูคัสอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้นะ แกน่าจะลองเรียนรู้นิสัยเขาสักหน่อย อยู่ๆก็ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ เขาอาจจะไม่พอใจก็เป็นเรื่องธรรมดาน่า” เกรซพยายามปลอบเธอ เกรซเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ได้รู้เรื่องของเธอกับลูคัส และเกรซก็เป็นคนที่หาข้อมูลของลูคัสมาให้เธออีกด้วย
“ฉันอยากแต่งงานให้เร็วที่สุดเหมือนกัน พอฉันได้บริษัทฉันคืน ฉันจะได้เลิกกับเขา ปล่อยให้เขาเป็นอิสระตามที่เขาต้องการ” เธอกระดกเหล้าจนหมดแก้ว ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเครียด
“เบาๆหน่อยครับ นี่เพิ่งสี่ทุ่มกว่าๆเอง เดี๋ยวก็เมาหรอก” เอเดนว่าก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ชวนเพื่อนพี่มาได้จังหวะพอดีเลยนะ”
“งั้นผมจะได้เป็นน้องรักของพวกพี่ๆหรอครับ” เอเดนว่าก่อนจะคว้าแก้วเหล้าของมีอาไปชงเหล้าเพิ่ม
“คลับนี้หรูหราใช้ได้เลยนะเนี่ย เพิ่งเปิดใหม่แต่คนเยอะเชียว” เกรซมองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจ
“แน่นอนครับ อาหารที่นี่ก็อร่อย โดยเฉพาะอาหารตา” เอเดนว่าก่อนจะเหล่มองไปยังสาวโต๊ะข้างๆ มีอายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกระดกเหล้าที่เพิ่งถูกชงเต็มแก้วหมดภายในครั้งเดียว
“เดี๋ยวก็เมาหรอกมีอา” เกรซปรามเพื่อน เพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนคอแข็งสักเท่าไหร่
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เธอเอ่ยบอกเพื่อนรักก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น
“ฉันไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องเลย ฉันไม่ได้เมาสักหน่อย” เธอตอบกลับก่อนจะเดินออกไป ร่างเล็กเดินเบียดผู้คนที่กำลังโยกย้ายตามจังหวะเพลง เมื่อถึงโถงกลางคลับ เธอหยุดยืนนิ่งสักพักพลางมองไปยังชั้นบน คลับที่นี่แบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นล่างสำหรับคนที่ต้องการปล่อยตัวปล่อยใจตามเสียงเพลง มองขึ้นไปยังชั้นสอง จะถูกแบ่งออกเป็นห้องสำหรับแขกที่ต้องการนั่งดื่มสบายๆ ชั้นสามจะเป็นที่สำหรับแขกวีไอพี จะเป็นห้องกระจกดำ ที่เธอไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้ ชั้นสองและชั้นสามจะสามารถมองลงมายังโถงกลางชั้นหนึ่งได้ ซึ่งคือที่ที่เธออยู่ตอนนี้ มีอาส่ายหัวไปมาเล็กน้อยไล่ความเมาที่กำลังคืบคลานเธออยู่ตอนนี้
“อ๊ะ” มือบางถูกดึงอย่างแรง ร่างเล็กปลิวไปตามแรงดึงก่อนจะพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักใครบางคน
“ว่าไงครับสาวน้อย” ชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่กำลังจับเธอนั่งบนตักเขาพูดขึ้น พลางใช้มือลูบไปที่ต้นแขนเธออย่างเสียมารยาท
“ปล่อยฉันนะ” เธอบอกก่อนจะผลักชายคนนั้นออกพลางหยัดตัวลุกขึ้น
“ก็เห็นยืนให้ท่าอยู่ตั้งนาน ยังจะเล่นตัวอีกหรอ” ชายคนนั้นว่าพลางยืนขึ้นบ้าง หญิงสาวหันหน้าหนีไปอีกทางพยายามเดินหนี แต่กลับถูกชายคนเดิมกระชากแขนเข้าหาตัว
“จะรีบไปไหน ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย”
“ปล่อยฉัน” เธอตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เธออยากได้เงินเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้ไม่อั้นเลย” คำพูดโลมเลียเชิงดูถูกทำเอาเธอสติขาดผึ่ง หญิงสาวคว้าแก้วเหล้าแถวนั้นขึ้นมาก่อนจะสาดไปยังใบหน้าของชายผู้นั้นทันที ผู้คนบริเวณนั้นต่างหลีกหนีเธอเป็นวงกว้าง การทะเลาะกันในร้านเหล้าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก คงไม่มีใครอยากโดนลูกหลงไปด้วย
“โถ่เว้ย!!” ร่างเล็กถูกผลักจนล้มลงพื้น ชายตรงหน้ากำลังเงื้อมือขึ้นจนสุดแขน หวังจะทำร้ายเธอ มีอาหลับตาปี๋พลางยกมือขึ้นป้องกัน เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าผู้คนในร้านต่างยืนมุงดูเธออยู่ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มหยุดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเองก็ไม่ทันสังเกต ดวงตากลมโตมองไปข้างกายตัวเองก็พบกับร่างสูงของคนที่เธอไม่อยากจะพบเจอสักเท่าไหร่
“ลูคัส” ชายเจ้าของชื่อที่เธอเอ่ยเรียก กำลังยืนอยู่ข้างเธอด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ สายตาของเขาจับจ้องไปยังชายที่หมายจะทำร้ายเธอ
“กฎของที่นี่ คือห้ามทะเลาะวิวาท” น้ำเสียงดุดันของชายหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางผู้คนที่จับจ้องมายังเขา ไม่มีเสียงต่อต้านใดๆดังขึ้นแม้แต่น้อย
“ถ้าหากทำตามกฎไม่ได้ ก็เชิญออกจากร้าน” มีอาหันไปมองหน้าชายหนุ่มข้างกายทันทีที่เขาพูดจบ ก่อนจะเบิกตาโพลง เธอรับรู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือคลับของเขาเป็นแน่
“ก็ผู้หญิงคนนี้มันสาดเหล้าใส่หน้าผมก่อน” ชายคนเดิมยังไม่ยอมหยุด ร่างเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะตอบกลับ
“ก็คุณจะลวมลามฉัน”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่สาธารณะที่ใครจะมายืนเถียงกันก็ได้!!” ลูคัสตวาดลั่นก่อนจะมองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ผับเฮงซวยแบบนี้ ไปก็ได้วะ” ชายคนเดิมเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาด้วยท่าทางที่ไม่ดีนัก
“เรื่องแย่ๆหมดไปแล้วเรามาสนุกกันดีกว่าครับ~~~~” เสียงดีเจดังขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติ แต่ที่ดูจะไม่ปกติคือสายตาของชายหนุ่มที่มองมายังเธอ
“มีอา” เกรซและเอเดนวิ่งมาหาเธอหน้าตาตื่น พลางมองไปยังลูคัสที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
“กลับกันเถอะ” มีอาหันไปบอกเพื่อนสาว
“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอไป” หญิงสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันไม่ทราบ”
“สิทธิ์ของเจ้าของร้าน เธอเพิ่งก่อเรื่องไป และกำลังจะออกจากร้านไปโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลย”
“ฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้” เธอตอบพลางควานหากระเป๋าสตางค์ แต่กลับพบว่ามันไม่อยู่
“กระเป๋าเงินฉัน”
“เมาจนไม่มีสติเลยรึไง”
“กระเป๋าเงินฉันหาย” เธอพูดพร้อมสีหน้าตกใจสุดขีด
“เชิญพวกคุณกลับไปก่อน เดี๋ยวผมดูแลคู่หมั้นต่อเอง เพราะดูเหมือนเธอจะเมาจนไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” ลูคัสหันไปบอกเพื่อนของมีอา ก่อนจะดึงเธอมาไว้ข้างตัว
“คู่หมั้นหรอครับ” เอเดนถามออกมาด้วยความสงสัย
“งั้นฝากมีอาด้วยนะคะ”
“ไม่นะเกรซ ฉันไม่อยากไปกับหมอนี่” ลูคัสไม่รอช้า เขาดึงตัวหญิงสาวให้เดินตามไปในทันที ก่อนจะพาขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่ หญิงสาวทำหน้างงเล็กน้อย เพราะเมื่อตอนที่เธอยืนอยู่ชั้นล่างสุด เธอเห็นเพียงสามชั้นเท่านั้น ชั้นสี่เป็นห้องขนาดกว้าง กินเนื้อที่ทั้งชั้นเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนที่นี่จะเป็นห้องนอนของลูคัสอีกด้วย
“พาฉันมาที่นี่ทำไม” เขาปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระก่อนจะจ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุดัน
“นี่น่ะหรอ ผู้หญิงที่พ่อฉันอยากให้ฉันแต่งงานด้วยนักหนา”
“...”
“ผู้หญิงแบบเธอนี่หรอ”
“ผู้หญิงแบบฉัน มันทำไมกัน”
“เธอจะให้ฉันพูดหรอ”
“ใช่ ฉันอยากจะฟัง ว่าผู้หญิงแบบฉันมันทำไมนัก” ตั้งแต่เกิดมาเธอแทบจะไม่เคยโดนใครดูถูกเลย เธอได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ได้เจอแต่เพื่อนดีๆ แต่ผู้ชายคนนี้กำลังหยามเธออย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
“ผู้หญิงที่ยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้า...เพื่อเงิน เธอคิดว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนกันล่ะ”
“ฉันยอมรับว่าฉันอยากได้เงิน อยากได้บริษัทของฉันคืน แต่ฉันไม่เคยอยากแต่งงานกับคุณเลย ยิ่งฉันได้มารู้จัก ฉันก็ยิ่งอยากยกเลิกงานแต่งเลยล่ะ”
“งั้นก็ทำสิ ยกเลิกเลยสิ”
“ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้บริษัทของฉันคืน ฉันจะไม่มีวันยกเลิกการแต่งงานของเราเด็ดขาด”
“งั้นมาดูกันว่าเธอจะเก่งอย่างที่พูดรึป่าว” ชายหนุ่มว่าก่อนจะเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาว
“จะทำอะไร”
“ทำเหมือนกับคนที่จะเป็นผัวเมียเขาทำกันไง” มือหนาช้อนร่างเล็กเอาไว้ก่อนอุ้มเธอไปที่เตียงภายในห้อง ท่ามกลางเสียงโวยวายของหญิงสาว
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เขาไม่สนใจเสียงของเธอเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงโยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างไร้ความปราณีก่อนจะคร่อมร่างเธอเอาไว้
“หยุดนะ” มือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ พลางร้องปราม
“ทำไมล่ะ เธออยากแต่งงานกับฉันมากไม่ใช่รึไง ฉันก็จะทำให้ความฝันเธอเป็นจริงเร็วขึ้นก็แค่นั้นเอง” สิ้นเสียง ใบหน้าคมก็ก้มลงยังซอกคอขาวเนียนของหญิงสาวทันที เสื้อโชว์ไหล่ของหญิงสาวถูกดึงออกอย่างง่ายดาย
“อย่านะ ช่วยด้วย” เธอพยายามปัดป้องมือหนาที่กำลังซุกซนอยู่บนร่างกายของเธอ
“ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยินเธอหรอก” เธอพยายามมองหาทางช่วยโดยไม่รู้เลยว่ากางเกงที่สวมอยู่นั้นถูกปลดเปลื้องออกไปแล้ว
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” ร่างระหงส์อวดโฉมงดงามจนชายหนุ่มเองเริ่มอดใจไม่อยู่ เขาไม่ได้ต้องการที่จะทำแบบนี้ เขาแค่จะสั่งสอนเธอนิดหน่อยก็แค่นั้น แต่พอได้ยลโฉมของเธอจริงๆ เขากลับห้ามอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ มือหนาปลดบราเซียและกางเกงตัวจิ๋วออก ก่อนจะก้มลงดูดดื่มความหอมหวานบนยอดอวบทั้งสอง
“ไม่นะ” มือเล็กพยายามทุบตีคนตรงหน้า แต่เธอสู้เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เธอตกอยู่ใต้อาณัติของเขาอย่างไร้ทางสู้ ชายหนุ่มรวบมือทั้งสองข้างเธอเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ริมฝีปากอวบอิ่มค่อยๆบรรจงจูบเนินอกอย่างวาบหวาม เขาค่อยๆเลื่อนริมฝีปากลงมายังสะดือ ก่อนจะใช้ลิ้นลากยาวลงมายังท้องน้อย เอาปล่อยมือของหญิงสาวให้เป็นอิสระ แต่เธอกลับขัดขืนจนสุดแรง ร่างเล็กพยายามหนี แต่กลีบโดนชายหนุ่มคว้าเอวบางเอาไว้
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอจะต้องเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด” เขาจับร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงอีกครั้งก่อนจะคร่อมเธอเอาไว้ พลางแทรกตัวเข้ากึ่งกลางลำตัวของหญิงสาว ท่อนใหญ่กลางลำตัวค่อยๆแทรกเข้ากลีบกุหลาบแรกแย้มช้าๆ
“อ๊ะ ฉันเจ็บ” ร่างเล็กดิ้นเล็กน้อย ร่างสูงค่อยๆประกบริมฝีปากเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะแทรกแก่นกายเข้าไปจนสุด มือหนาเค้นคลึงเต้าอวบอย่างหยามใจ ทำเอาหญิงสาวเผลอครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว บั้นท้ายกลมกลึงค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆ
“อื๊อ” มือหนาเลื่อนมาจับเอวเธอเอาไว้ก่อนจะกระแทกแก่นกายเข้าไปเป็นจังหวะ มือบางจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ เธอเผลอจิกแขนของเขาอย่างลืมตัว
“อ๊ะ อ๊ะ” ร่างเล็กขยับขึ้นลงตามร่างสูง แก่นกายแทรกเข้ากลีบกุหลาบอย่างโอหัง เสียงเนินเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง เพียงไม่นานร่างเล็กก็กระตุกเกร็ง ชายหนุ่มจับเธอพลิกคว่ำ ก่อนจะพาร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทาบทับลงไปยังแผ่นหลังหญิงสาว เขาแทรกแก่นกายเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“อ๊ะ อ๊า” ร่างเล็กเผลอแอ่นบั้นท้ายของตัวเองอย่างเชิญชวน เขาบรรจงจูบลงบนแผ่นหลังของเธออย่างนุ่มนวล พลางเร่งจังหวะอย่างรวดเร็ว
“ไม่ อ๊ะ อ๊ะ” ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมร่างกำยำ พลางฟุบลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มถอนแก่นกายออกอย่างอ้อยอิ่ง เขามองร่างเล็กที่ดูเหนื่อยล้าแล้วนึกสงสารเธออยู่ไม่น้อย ที่ต้องตกมาเป็นเบี้ยในเกมระหว่างเขากับผู้เป็นพ่อ เขาผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย แต่เขาคือผู้ชายคนแรกของหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง เขาหยิบผ้านวมมาห่มให้เธอ ก่อนจะเดินออกไปริมระเบียง นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หากหญิงสาวดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา เธอจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้แน่....................