บทที่ 2
ดวงตาคมของเด็กหนุ่มรูปร่างผึ่งผายเจ้าของนามเยียนหลิวหยาง เหลือบมองเด็กหญิงผู้นั้นอยู่บ่อยครั้งด้วยความสนใจระคนสงสาร
เยียนหลิวหยางไม่ได้รู้จักกับสือเหิงเยว่เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด แม้ว่าเขาจะเคยเจอนางแบบผ่าน ๆ
อยู่บ่อยครั้งแต่ก็ทำได้แค่มองผ่านไปไม่ได้รู้สึกอะไรแต่คราวนี้ที่ต่างออกไปคือเขารู้สึกว่านางน่าสงสารกว่าที่เคย
สือเหิงเยว่นั่งเหม่อมองสายน้ำที่ไหลไปอยู่ริมลำน้ำใสขนาดเล็กในสวนของเมืองที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอตำราเท่าใดนัก ในยามที่คิดถึงท่านแม่นางมักจะมานั่งที่นี่เสมอ
ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ใคร ๆ ก็พูดกันว่าชีวิตของนางจะลำบากมากขึ้น แต่ยังดีที่สวรรค์เมตตาให้มีท่านพ่อคอยเป็นโล่ห์กำบังพี่หญิงใหญ่กับท่านแม่ใหญ่นางจึงสามารถยังใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเช่นนี้
“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเจ้าค่ะ”
เสียงหวานของเด็กหญิงร่างบางวัยสิบขวบปีรำพึงออกมาแผ่วเบา พลางเงยหน้ามองกลีบดอกเหมยที่ปลิดปลิวหลุดจากขั้วเพราะแรงลมลงสู่สายน้ำเบื้องหน้า
“เหิงเยว่ลูกรัก แม่น้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ดอกไม้ก็ปลิวจากที่สูงลงที่ต่ำ มนุษย์เองถ้าไม่ฝักใฝ่หาสิ่งดีย่อมลงสู่ที่ต่ำเหมือนกัน จำคำแม่ไว้นะลูก ความอดทนเท่านั้นที่จะช่วยให้เราคงอยู่ได้”
ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำกะพริบถี่ห้ามไม่ให้หยาดน้ำใสไหลรินออกมาเปื้อนพวงแก้มกลม เด็กหญิงวัยสิบขวบปีกล้ำกลืนเก็บเอาความเศร้าไว้ภายในใจให้มิดที่สุด อย่างไม่ยอมให้ใครได้เห็นมัน