บทย่อ
“สุดเส้นทางชีวิตอันแสนลำบากกลร้ายมากมายกีดกันหวังมอบหุบเหวแห่งความทุกข์แต่มิสู้วาสนารักของข้า”
บทที่ 1
สายลมอ่อนพัดโชยมาต้องกับใบไม้สีเขียวและดอกไม้นานาพันธุ์ให้ปลิวไสวชวนพิศมอง หลังจากสิ้นสุดเทศกาลหยวนเซียวหรือวันตรุษจีนไปได้หนึ่งอาทิตย์
บรรดาลูกขุนนางตระกูลใหญ่และผู้มีอันจะกินแห่งเมืองหางโจวก็ได้กลับเข้ามาเรียนหนังสือท่องตำรากันที่หอตำราอีกครั้ง
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่าเด็กชายเด็กหญิงดังไปทั่วบริเวณ ช่วยขับความสดใสของบรรยากาศในวันใบไม้ผลิทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก
“นั่นน้องสาวของเจ้ามิใช่หรือสือหวังเยี่ยน”
คุณหนูสวี สวีไฉ่หง บุตรธิดาคนเดียวของรองเสนาบดีฝ่ายซ้าย สวีหลีเหว่ย ร้องทักขึ้นมาขณะเหลือบมองออกนอกหน้าต่างห้องเรียนไปเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่ออยู่ริมลำธารเล็กในสวนไม่ไกลจากหอตำราที่พวกตนรออาจารย์อยู่
“เหอะ ข้าไม่นับนางเป็นน้องสาวหรอกนะคุณหนูสวี สือเหิงเยว่ก็แค่คนชั้นต่ำที่บังอาจมาเกิดในตระกูลสือเท่านั้น”
ถ้อยคำเหยียดหยามรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อหลุดออกจากปากเด็กหญิงวัยสิบขวบปี นอกจากนั้นแล้วใบหน้าของผู้พูดยังบูดบึ้งเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ สร้างความตกใจให้กับผู้ฟังคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นได้ไม่น้อย
“ข้าขอโทษนะคุณหนูสือที่ทำให้เจ้าเสียอารมณ์ ไปเราไปนั่งที่กันเถิด เดี๋ยวท่านอาจารย์ก็คงจะมาแล้ว”
“ไปเถอะ”
สือหวังเยี่ยนสะบัดหน้าเดินละออกจากริมหน้าต่างไปนั่งลงยังที่ประจำของตัวเอง โทสะครอบงำจิตใจเด็กสาว ยิ่งนึกถึงใบหน้าของน้องสาวต่างมารดานางก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ
การกระทำและคำพูดของสือหวังเยี่ยนที่แสดงออกมาทำให้ใครต่อใครไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่รับรู้กันว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองตระกูลสือคงเหมือนน้ำกับน้ำมันที่มิอาจมีวันเข้ากันได้