รู้ทัน
ภูผา....
หลังจากทานอาหารกับเสร็จผมก็ขับรถพาเอินมาส่งที่บ้านตอนแรกผมจะแค่มาส่งแล้วก็กลับเลยแต่เอินบอกว่าแม่ตัวเองอยากเจอซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะอยากเจอผมทำไมร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกันหน้าผมยังจำไม่ได้แต่ผมก็ไม่อยากเป็นคนไร้มารยาทก็เลยเดินตามเข้ามาในบ้าน
"ขอบคุณนะคะพี่ภูที่พาเอินไปทานอาหารอร่อยๆ^^"
"อืมมไม่เป็นระ...." ผมพูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงคนในบ้านกำลังทะเลาะกันอยู่
"แกว่าใครเป็นหมาห๊ะ"
"ก็ว่าผู้ใหญ่ที่ปากเหมือนหมายังไงล่ะ ถ้าเธอคิดว่าเป็นตัวเองก็รับไปสิ" เสียงอัยวาผมจำได้แต่ทะเลาะกับใครวะ?? ผมคิดในใจ
"กรี๊ดดด นังเด็กเมื่อวันซืนฉันจะฟ้องพ่อแกว่าแกด่าฉันเป็นหมา" อ่อผมนึกออกละแม่ของเอินแม่เลี้ยงอัยวานั่นเอง
"เชิญคิดว่าฉันกลัวหรือไงถ้าฉันกลัวแกฉันไม่อยู่บ้านหลังนี้มาจนถึงทุกวันนี้หรอกนะ"
"ฉันจะทำให้แกไม่มีที่ซุกหัวนอนเลยไม่เชื่อก็คอยดู"
"เสียใจด้วยนะเธอคงไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นชื่อของฉัน"
"แกว่าไงนะ!!!!"
"เอ่อพี่ภูคะเอินว่าพี่กลับไปก่อนก็ได้นะคะ" เอินรีบหันมาพูดกับผมเหมือนไม่อยากให้ผมรู้เรื่องที่แม่ตัวเองกับอัยวากำลังทะเลาะกันแต่ผมอยากรู้ไงได้ยินมาขนาดนี้แล้ว
"พี่ยังไม่ได้เจอกับแม่เราเลยนะแม่เราอยากเจอพี่ไม่ใช่??"
"ยะยังไม่ต้องเจอตอนนี้ก็ได้ค่ะ" เอินพยายามดึงแขนผมให้ออกไป
"อ้าวพี่ภูมาทำไรตรงนี้" ผมหันไปมองว่าใครมาทักปรากฏว่าเป็นไอ้บอมน้องชายไอ้บาสเพื่อนสนิทผมเอง
"แล้วเรามาทำไรบ้านนี้" ผมถามกลับไป
"มารับอัยครับไม่รู้แต่งตัวเสร็จหรือยัง"
"เรา...เป็นแฟนอัยวา??"
"โอ๊ยเปล่าครับเพื่อนกันยัยนั่นใครจะรักลงปากยังกับกรรไกร55555" ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะมองไปที่แววตาของไอ้บอมว่าที่มันพูดมามันพูดจริงหรือโกหกกันแน่ ผมรู้จักมันมานานเพราะมันเป็นน้องชายเพื่อนสนิทผม
"แล้วอีกอย่างยัยนั่นก็ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเพราะรอแต่พี่" ผมถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ยินแบบนี้
"อย่ามาพูดเลยบอมเรารู้หรอกน่าว่านายกับอัยวาเป็นอะไรกัน"
"ถ้าเธอไม่รู้อะไรจริงก็หุบปากไปเลยดีกว่านะ"
"ไอ้บอม??" เอินตะคอกใส่ไอ้บอมคงจะลืมตัวว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ถามว่าผมรู้ไหมว่าที่เอินทำตัวน่ารักน่าสงสารต่อหน้าผมเธอต้องการอะไรกันแน่ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกเพราะไม่เคยสนิทกันจนกระทั่งตอนที่ผมจะพาไปส่งโรงพยาบาลแล้วเอินบอกว่าขาหายเจ็บแล้วนี่แล่ะ คนบ้าอะไรบอกขาพลิกเดินไม่ไหวแต่หายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ที่พูดๆมาผมก็เออออไปตามน้ำนั่นแล่ะ ผมผ่านผู้หญิงมาเยอะผมรู้ ส่วนเรื่องอัยวากับไอ้บอมผมไม่รู้หรอกนะว่าสองคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนหรือเปล่าแต่ถ้าเป็นมันก็ดีไม่ใช่เหรอผมจะได้มีข้ออ้างยกเลิกงานหมั้น
"หึอย่าเพิ่งแสดงตัวจนออกมาดิพี่ภูจะตกใจเอาน๊าาา"
"พี่ภูคะฟังน้องชายเพื่อนพี่พูดสิ" ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"พี่ขอตัวกลับบ้านก่อนนะง่วงมากเลย" ผมเลิกสนใจทุกสิ่งอย่างแล้วเดินออกมาก่อนจะขับรถกลับบ้าน
แต่พอผมกลับมาถึงบ้านก็เจอพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก สายตาพ่อไม่เท่าไหร่แต่สายตาแม่ผมนี่สิ
"กลับมาแล้วเหรอห๊ะพ่อตัวดี"
"พ่อดูแม่พูดกับผมดิ" ผมพูดก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับพ่อแม่
"แม่บอกพ่อว่าเราไปส่งยัยเอินไปโรงพยาบาลมาเป็นไงบ้าง" แม่คงเล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อฟังหมดแล้วสินะ
"ก็....ไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ" ผมไม่อยากให้แม่รู้ว่าเอินโกหกเพราะถ้าผมบอกแม่ก็ต้องสวดผมอีกโทษฐานทำให้หลานสาวสุดที่รักเสียใจ
"ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว?? แต่เมื่อเช้ายังร้องไห้โวยวายบอกขาพลิกขาแพลงเดินไม่ไหว"
"ไม่เป็นอะไรก็คือไม่เป็นอะไรไงครับแม่ ผมขอตัวก่อนนะผมง่วง อ่อลืมบอกไปว่าคืนนี้ผมจะออกไปหาเพื่อนนะ"
"มาถึงก็จะออกเที่ยวเลยนะเรา"
"ผมก็คิดถึงเพื่อนฝูงหรือเปล่าครับพ่อไม่เจอกันตั้งนาน เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนนะครับ"
ผมกำลังขยับตัวลุกขึ้นแต่....
"อย่าเพิ่งไปพ่อกับแม่มีเรื่องคุยกับเราเรื่องหมั้นนั่งลงก่อน"
"เรารู้ใช่ไหมว่าเรียนจบกลับมาต้องหมั้นกับน้อง"
"รู้ครับแต่ผมไม่หมั้นได้ไหม"
"ไม่ได้!!" แม่ผมรีบสวนกลับทันที
"แม่นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้วแม่จะมาบังคับให้ผมหมั้นกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักผมทำไม่ได้"
"แต่แกต้องหมั้นเพราะมันคือคำสัญญาระหว่างเราสองครอบครัว"
"ถ้าเกิดว่าหลานรักของแม่มีคนรักแล้วล่ะผมไม่ต้องหมั้นใช่ป่ะ"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไงห๊ะตาภู"
"ก็ถ้าเกินยัยนั่น.." แม่มองผมตาเขียวทันที่ที่ผมเรียกอัยวาว่ายัยนั่น
"เอ่ออยัยอัยวามีแฟนแล้วงานหมั้นก็ต้องยกเลิกใช่ไหม"
"เราพูดเหมือนกับว่าตอนนี้น้องมีแฟนแล้วอย่างงั้นแล่ะ" พ่อถามผม
"ใช่ครับ"
"ใคร/ใคร" พ่อกับแม่ถามผมพร้อมกัน
"ไอ้บอมน้องชายไอ้บาสเพื่อนผมเองไง"
"แล้วเราไปรู้ได้ยังไงว่าน้องกับตาบอมเป็นแฟนกัน" แม่ถามผมด้วยสีหน้าสงสัยแปลว่าแม่ไม่รู้เรื่องนี้สินะ
"เมื่อกี้ผมไปส่งเอินที่บ้านเจอไอ้บอมมันมารับหลานสาวสุดที่รักแม่พอดี"
"ตาบอมกับน้องเป็นเพื่อนกันเรื่องนี้แม่ยืนยันได้"
"แม่จะไปรู้ดีไปกว่าพวกเขาสองคนได้ไง ไม่รู้ล่ะถ้าผมมีหลักฐานยืนยันได้ว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันเรื่องหมั้นระหว่างผมกับยัยอัยก็ต้องยกเลิกนะครับตกลงไหม" พอผมยื่นข้อเสนอพ่อกับแม่หันมามองหน้ากันทันทีก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วทั้งสองคนก็พยักหน้าตกลงพร้อมกัน ผมยิ้มออกมาทันที ผมมีทางรอดแล้วถ้าสองคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนกันผมก็จะทำให้เป็นเอง
อัยวา.....
"ทะเลาะอะไรกัน" บอมถามฉันขณะขับรถไปมหาลัย
"เรื่องเดิมๆน่ะ" ฉันบอกกับบอมอย่างเซ็งๆ ถามว่าทุกวันนี้ฉันอยากทะเลาะไหมไม่เลยเพราะมันทำให้ฉันเสียสุขภาพจิตแต่ถ้าฉันไม่ทะเลาะไม่เถึยงสองแม่ลูกนั่นก็จะได้ใจข่มเหงรังแกฉัน
"เธอทนอยู่ได้ไงวะทำไมไม่ย้ายออกมาหาคอนโดอยู่"
"ฉันไปไหนไม่ได้หรอกบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของฉันเป็นบ้านที่ฉันรักถ้าฉันไปสองแม่ลูกนั่นก็จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของแม่ไป"
"เธอก็เลยต้องทนอยู่แบบนั้นอ่ะนะแล้วเธอจะทนไปถึงเมื่อไหร่"
"เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล่ะแต่ฉันจะไม่ยอมแพ้สองแม่ลูกนั่นเด็ดขาด บอกตามตรงเลยนะบอมฉันเป็นห่วงพ่อ พ่อไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักพ่อด้วยใจจริงถ้าพ่อไม่มีสมบัติแกคิดว่ายัยแม่เลี้ยงของฉันจะยอมอยู่ด้วยไหม"
"แต่เธอก็ทนปวดประสาทกับสองแม่ลูกนั่นทุกวันเลยนะ"
"ฉันปลงแล้วล่ะทุกวันนี้ฉันอยู่ด้วยความหวัง ถ้าฉันได้หมั้นกับพี่ภูได้แต่งงานกับพี่ภูฉันคงมีความสุขมากกว่านี้พี่ภูคงจะปกป้องฉันได้" พี่ภูคือความหวังเดียวของฉันจริงๆนะแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพี่ภูไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันเลยก็ตาม แต่ฉันขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆเขาแค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว
............................