ตัดไฟแต่ต้นลม
ภูผา.....
สุดท้ายผมก็ไม่ได้ให้คำตอบเอินว่าจะพาไปไหนเพราะมันไม่มีแพลนตั้งแต่แรก แล้วการที่เอินมาหาผมที่บ้านผมก็ไม่รู้ด้วยว่ามาได้ยังไงใครบอกให้มาตอนแรกผมกะว่าจะขอตัวไปนอนเพราะเหนื่อยจากการเดินทางข้ามประเทศคือผมไม่อยากคุยกับใครอยากนอนมากกว่าแต่บังเอิญว่าสายผมมันดันเหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนที่แอบหลบอยู่หลังประตูซึ่งผมรู้ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยัยเด็กข้างบ้านว่าที่คู่หมั้นของผมเองผมก็เลยชวนเอินคุยอย่างสนิทสนมทั้งที่จริงแล้วผมไม่ได้อะไรกับเอิน
ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้ๆ บ้านเพราะผมไม่อยากไปไหนไกลๆ อยากนอกมากกว่า
"พี่ภูคะเอินมีเรื่องจะถามพี่ภูหน่อยค่ะไม่รู้ว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า"
"เรื่องอะไร"
"เรื่อง..เรื่องที่พี่ภูจะหมั้นกับอัยวาน่ะค่ะพี่ภูต้องหมั้นด้วยจริงๆ เหรอคะ" เรื่องนี้ผมก็เครียดอยู่เหมือนกันเพราะผมไม่อยากหมั้นผมไม่ชอบการถูกจับคลุมถุงชนนี่มันปีสองพันยี่สิบสี่แล้วนะแล้วหมั้นกับใครไม่หมั้นต้องหมั้นกับยัยอัยวาอีกคือผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะให้หมั้นกันได้ยังไง ผมคิดว่าผมอาจจะต้องคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่อย่างจริงจังอีกครั้งจะให้ผมมีคู่หมั้นนิสัยแย่เอาแต่ใจแบบนี้ผมไม่ไหวว่ะ ถ้าอนาคตต้องแต่งงานกันอีกชีวิตนี้คงหาความสุขไม่เจอแล้วยิ่งแม่ผมชอบตามใจแบบนี้ด้วยแล้วผมคิดว่าชีวิตคู่คงมีปัญหาเพราะฉะนั้นผมควรจะต้องตัดไฟแต่ต้นลมโดยการยกเลิกงานหมั้น
"ทำไมพี่ภูเงียบไปล่ะคะหรือว่าพี่ภูคิดที่จะหมั้นกับอัยวา"
"เรื่องนั้นพี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ" ผมพูดตัดบทเพราะไม่รู้พ่อกับแม่จะยอมไหมถ้าผมจะยกเลิกการหมั้น
"พี่ภูไม่หมั้นได้มั้ยคะ" ผมหันไปมองหน้าเอินที่ทำหน้าเศร้าเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้
"ทำไม"
"เอินสงสารพี่ภูค่ะ"
"สงสารพี่??" ผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"ใช้ค่ะถ้าพี่ภูต้องหมั้นกับอัยวาอย่าหาว่าเอินพูดลับหลังหรือเอาเรื่องคนในครอบครัวมาพูดเลยนะคะ พี่ภูคงไม่รู้ว่าตอนที่พี่ภูไปเรียนต่อเมืองนอกอัยวาเค้าคบกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าหลายคนแต่ช่วงนี้เห็นสนิทกับคนที่ชื่อบอมเป็นพิเศษ"
"บอม??" ผมรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้แต่นึกไม่ออก
"ค่ะบอมพี่ภูก็น่าจะรู้จักเพราะเอินแอบได้ยินผู้ชายคนนี้บอกกับคุณลุงว่าเป็นน้องชายเพื่อนสนิทพี่ภู" อ่อผมนึกออกแล้วไอ้บอมน้องชายไอ้บาสเพื่อนสนิทผมเองซึ่งคืนนี้ผมก็นัดกับมันไปปาร์ตี้ด้วยกัน
"อ่อพี่พอจะนึกออกละบอมเป็นน้องชายไอ้บาสเพื่อนสนิทพี่เอง"
"ค่ะช่วงนี้เอินเห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดบางทีก็พามาที่บ้านอยู่ในห้องนอนกันตามลำพังสองต่อสอง แม่เอินเคยเตือนแล้วว่ามันดูไม่ดีเป็นผู้หญิงแต่ให้ผู้ชายเข้าห้องแต่อัยวาก็ไม่สนใจค่ะยังด่าแม่เอินเลยว่าอย่าเสือกอย่ามายุ่ง ตั้งแต่นั้นแม่เอินก็ไม่กลัายุ่งอะไรกับอัยวาอีก แต่อัยวาก็จะบอกกับทุกคนนะคะว่าบอมน่ะเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นแต่ทุกคนรู้ค่ะว่าไม่ใช่แค่เพื่อนแต่เป็นมากกว่านั้นอย่างแน่นอน แม่เอินเป็นห่วงอัยวามากก็เลยขอร้องให้คุณลุงช่วยเตือนแต่ก็นั่นแล่ะค่ะอัยวาก็ไม่ฟังใครเลยเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง เห้อออ เอินเองก็เคยเตือนนะคเรื่องผู้ชายแต่ก็ถูกด่ากลับมาจนร้องไห้เลยค่ะพี่ภู"
"จริงอ่ะ" ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่เอินพูดมามันน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เรื่องบ้านนั้นผมรู้มาตลอดแล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ผมก็ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมมีแต่แม่ของผมเท่านั้นแล่ะที่ชอบไปยุ่งไปคอยโอ๋คอยปลอบเวลาที่อัยวาร้องไห้มาหาที่บ้าน ตอนแรกผมก็สงสารหรอกนะที่พอแม่ตายไม่ทันไรพ่อตัวเองก็พาเมียใหม่เข้าบ้านแต่นั่นมันก็ไม่ใช่สาเหตุที่อัยวาต้องมาทำตัวทำนิสัยแย่ๆ ใส่ใครแบบนี้จนทุกคนเอือมระอาคงมีแต่แม่ผมผมเท่านั้นที่เอ็นดูยัยนั่นจนออกนอกหน้านอกตา
"จริงค่ะเรื่องนี้แม่ของเอินเป็นพยานได้ ทั้งแม่ทั้งเอินต่างก็เป็นห่วงเพราะเห็นว่าอัยวาไม่มีแม่แม่ของเอินรักอัยวาเหมือนลูกสาวแท้ๆ แต่อัยวาไม่เคยรับรู้ความความห่วงใยที่เอินกับแม่มีให้เลย"
"อื้มมมม" ผมพยักหน้าแต่ถามว่ามันเป็นเรื่องที่ผมต้องสนใจไหมก็ไม่นะ
"ทุกวันนี้อัยวาคิดว่าเอินกับแม่จะมาหลอกเอาสมบัติคุณลุงทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลยค่ะแม่ของเอินไม่เคยต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรเลยแม่ของเอินรักคุณลุงด้วยใจจริงแต่อัยวาก็ไม่ยอมเชื่อ คอยแต่จะด่าจะว่าเอินกับแม่ตลอด เอินเสียใจมากๆ เลยค่ะที่ความหวังดีของแม่กับเอินอัยวาไม่เคยรับรู้" ผมนั่งมองหน้าเอินที่มีน้ำตาไหลออกมาผมก็เลยหยิบทิชชู่ยื่นให้
"ขอบคุณนะคะพี่ภู"
"ไม่เป็นไร"
"พี่ภูเข้าใจความหวังดีของเอินกับแม่ใช่มั้ยคะ"
"อื้มพี่เข้าใจ"
"แต่ทำไมอัยวาถึงไม่เข้าใจล่ะคะ"
"ช่างเขาเถอะเขาจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจมันก็เป็นเรื่องของเขาในเมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว"
อัยวา.....
หลังจากร้องไห้กับป้าพิมพ์จนพอใจแล้วฉันก็กลับมาที่บ้านอาบน้ำเปลี่ยนชุดนักศึกษาเพื่อไปมหาลัยวันนี้ฉันมีรายงานที่ต้องส่งอาจารย์ซึ่งฉันก็นัดกับไอ้บอมเพื่อนสนิทของฉันเอาไว้ด้วย
ครืดดดด ครืดดดด ไม่ทันขาดคำไอ้บอมมันก็โทรมาหาฉันพอดี
"ว่าไงบอม"
"เธออยู่ไหนแล้วออกมายัง"
"ยังเลยกำลังจะอาบน้ำ"
"เออเดี๋ยวฉันขับรถไปรับที่บ้านนะ"
"อื้มมมขอบใจนะแกวันนี้ฉันไม่อยากขับรถเองด้วย" คือตอนนี้ฉันไม่อยากทำอะไรเลยมากกว่าจิตใจมันห่อเหี่ยวไปหมดแทนที่วันนี้ฉันจะมีความสุขที่ได้เจอพี่ภูแต่เปล่าเลยสักนิด
"ว่าแต่เธอเจอว่าที่คู่หมั้นเธอแล้วใช่ไหม"
"อื้มมมเจอแล้ว"
"ทำไมทำเสียงไม่สดใสเลยล่ะ ไม่ดีใจหรือไงที่พี่ภูกลับมา"
"ดีใจสิทำไมจะไม่ดีใจล่ะ"
"ดีใจแต่เสียงเธอไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ"
"แกอย่ามารู้ดีนักเลย"
"ฉันเป็นเพื่อนเธอมาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้ เอาเป็นว่าเธอไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวอีกสิบห้านาทีฉันจะไปรับ"
"อื้มมม"
หลังจากวางสายจากบอมฉันก็รีบอาบน้ำแต่งชุดนักศึกษาแล้วรีบลงไปรอบอมข้างล่างแต่พอเดินลงมาเจอนังแม่เลี้ยงใจร้ายนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ห้องรับแขกฉันทำเป็นไม่สนใจเดินผ่านหน้าไปเหมือนยัยนั่นเป็นธาตุอากาศ
"นังอัยวาแกคงเห็นแล้วสินะว่าตาภูเค้าสนใจใครมากกว่ากันระหว่างแกกับลูกสาวของฉันเพราะฉะนั้นแกเลิกหวังได้เลยว่าตาภูจะหมั้นกับแก"
"เห้อออ หมาที่ไหนมาเห่าแถวนี้นะ" ฉันพูดขึ้นลอยๆ แต่ก็ทำให้นังแม่เลี้ยงใจยักษ์มันหัวร้อน
"แกว่าใครเป็นหมาห๊ะ"
"ก็ว่าผู้ใหญ่ที่ปากเหมือนหมายังไงล่ะ ถ้าเธอคิดว่าเป็นตัวเองก็รับไปสิ"
"กรี๊ดดด นังเด็กเมื่อวันซืนฉันจะฟ้องพ่อแกว่าแกด่าฉันเป็นหมา"
"เชิญคิดว่าฉันกลัวหรือไงถ้าฉันกลัวแกฉันไม่อยู่บ้านหลังนี้มาจนถึงทุกวันนี้หรอกนะ"
"ฉันจะทำให้แกไม่มีที่ซุกหัวนอนเลยไม่เชื่อก็คอยดู"
....................................