[2] ศัตรูหมายเลข1
ในช่วงสายของวัน คริสเตียนมาเฟียหนุ่มสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์บนคฤหาสน์หลังงามภายในประเทศไทย เป็นบ้านของบิดาและมารดา ที่เมื่อเช้าผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดอย่างลูกเอ๋ยโทรเรียกให้เข้ามาพบบิดา เรื่องที่คู่อริของเขาเองมันเริ่มแผลงฤทธิ์ไปเมื่อคืนนี้
"มันเผาเฮลิคอปเตอร์ของเราไป20ลำที่ภูเก็ต"
คาเรนมาเฟียผู้เป็นบิดาเอ่ยบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้ายังคงหล่อเหลาเป็นอมตะดังเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เวลานี้กำลังจ้องมองไปที่ลูกชายคนโต ให้คิดหาทางประสานรอยร้าวกับศัตรูที่ไม่ใช่ศัตรู หากลดทิฐิลงบ้างแล้วกลับกลายมาเป็นมิตรนั้น มันย่อมดีเป็นไหนๆ ไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย
แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อรู้ทุกอย่าง อ่านเกมส์ออก รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ทำไมคริสเตียนถึงไม่รีบจัดการอะไรสักอย่าง หากรวบรวมหลักฐานให้ดีก็เล่นงานมันได้ในทันที
แฮลิคอปเตอร์นับว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเป็นของมาเฟียเป็นอย่างมาก ผลาญเงินไปไม่น้อย ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งหลุดเลยสักเส้น แต่กว่าจะสั่งเข้ามาใหม่ก็ต้องใช้เวลา และผ่านขั้นตอนมากมาย เมื่อถึงยามคับขันจะทำอย่างไร...มันก็เป็นแผนการตัดแข้งตัดขาในเรเว่ลแรกของศัตรูนั่นเอง
และนี่เป็นการเริ่มต้นของศัตรู จะมีผลกระทบตามมาภายหลังหากไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร หากเราถูกใส่ร้ายป้ายสี ก็ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นศัตรูและฆ่าแกงกันให้เหนื่อย
คาเรนรู้ว่าศัตรูของตนเองมีใครบ้าง และก็จัดการปรองดอง หรือถ้าไม่ ก็แค่ตลบแผนการให้อีกฝ่ายน้อมรับจนได้
แล้วศัตรูของคริสเตียนหล่ะ...บุตรชายจะเลือกใช้วิธีใด และทำอย่างไร
นี่เป็นความคิดของผู้เป็นพ่อซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อน ทว่าตอนที่เป็นวัยรุ่นก็เลือดร้อนไม่แพ้กัน
"ผมขอโทษครับพ่อที่ทำงานไม่ละเอียดรอบคอบจนมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น"
"..."ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าให้กับความเหย่อหยิ่งของลูกชาย
"ไอ่เด็กนี่มันเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยนะ ไม่รู้ว่าใครโยนขี้ให้เราจนทำให้มันเข้าใจผิดว่าเราหักหน้าและปาดหน้ามันทุกอย่าง!"
"ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเด็กดีเด็กชั่ว ถ้ามันโง่ขนาดนี้ผมก็ไม่เอาไว้และขี้เกียจจะอธิบาย"
คริสเตียนมีอะไรอยู่ในใจและไม่ยอมง่ายๆ ผู้เป็นพ่อจึงจะขอดูลูกจัดการอยู่ห่างๆ ตำแหน่งมาเฟียที่ยกให้ มีเกียรติและยิ่งใหญ่ ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของคริสเตียนในเวลานี้
"พ่อแค่จะบอกลูกว่า ถ้าเราเป็นมิตรได้ก็เป็นเท่านั้น ผลที่ตามมาตอนนี้มันยังไม่มาก แต่ถ้าลูกมีครอบครัว คนที่จะลำบากคือคนที่อยู่ข้างหลัง หากมีศัตรูแล้วมันแว้งกัดเราได้ตลอด ชีวิตจะไม่สงบสุข เราพลาดได้ถึงแม้จะเป็นมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ก็ตามคริสเตียน ลองเอาที่พ่อบอกไปคิดดู"
"ครับพ่อ!!!"
คริสเตียนขอตัวกลับเพนส์เฮ้าท์สุดหรูในเวลาต่อมา มาเฟียที่มีศัตรูไปทั่วจนชินชาและไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใครคิดไม่ตกที่บิดาจะปรองดองกับศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขา
จากนั้นก็ไม่รีรอที่จะเก็บกระเป๋าและไปที่ภูเก็ตด้วยตนเอง บางทีอาจจะหลงเหลือร่องรอยให้ตามคนร้ายได้อย่างแม่นยำ เวลานี้เราไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดมัน แต่ต้องมีแน่ในไม่ช้า...
Hrrrrr!!!!!
ทว่าก็มีสายเรียกเข้าและเบอร์ที่โชว์ก็คือเบอร์ของลูกเอ๋ย มือหนากัดรับพร้อมกับเปิดสปีกเกอร์ลำโพงและเก็บของต่อไปด้วย
"ว่าไงตัวแสบ!"ผู้เป็นพี่มักจะเรียกน้องสาวฝาแฝดแบบนั้น
"คืนนี้ฉายเขาชวนพี่คริสไปเที่ยวหน่ะค่ะ ไปไหมคะ?"ลูกเอ๋ยพูดถึงเพื่อนรัก หล่อนคนนั้นชอบยุ่งวุ่นวายกับคริสเตียนอยู่บ่อยๆ เธอชื่อตะวันฉาย เป็นลูกสาวนักการเมืองชื่อดังซึ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา ทว่าน้องสาวก็จุ้นจ้านไม่เขาเรื่องจะจับคู่ให้ยิ่งกว่าแม่
"ไม่ครับ พี่จะขึ้นเครื่องไปภูเก็ตแล้ว"
เอ่ยเสียงเรียบ พลิกข้อมือดูเวลาก็พบว่าเป็นเวลา3ทุ่ม เขาจะไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่จอดอยู่แถบปริมณฑลนี้เอง เมื่อครู่ก็บอกให้ลูกน้องเข้าไปเช็คความปลอดภัยและความพร้อมของเครื่องบิน
"ไปทำไมคะ?"
คนซอกแซกก็เอ่ยถามทันควัน ทว่าคริสเตียนไม่เคยจะลำคานน้องสาวเลยสักนิด
"ทำงานครับ!"
"ตอนนี้เหรอคะ?"
ลูกเอ๋ยว่าต่อด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็น หากไม่ตัดบทก็คงจะต้องตอบคำถามอยู่นานแน่
"ใช่ ถ้าลูกเอ๋ยไม่มีอะไรแล้วงั้นแค่นี้นะ!"
"ค่ะๆ"