บทที่ 1 กลร้ายทรายเสน่หา...การเดินทางของมิลิน...
มิลิน หรือ มิลินทรา คงไม่เป็นจุดสนใจของผู้คนพลุกพล่านในสนามบินมากนัก หากการแต่งกายของเธอจะไม่ใช่กางเกงยีนส์สกินนี่โชว์เรียวขายาวสวมรองเท้าบู้ทสั้นแค่ข้อเท้าสีส้มอมน้ำตาลเข้ากับเสื้อลายดอกไม้จุ๋มจิ๋มตัวยาวคลุมสะโพกคล้ายกระโปรงแต่งระบายชายด้วยผ้าลูกไม้เหมือนรอบคอและปลายแขนสีโอโรสอ่อนหวานแบบที่เจ้าตัวชื่นชอบ โดยมีเสื้อแจ๊กเกตแขนยาวสีเข้มเฉดเดียวกันสวมทับเพื่อให้เกียรติ แก่วัฒนธรรมของถิ่นประเทศที่ไม่นิยมให้สตรีสวมใส่เสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อตัวจนเกินงาม และเธอก็ชอบสวมแว่นตาดำแฟชั่นอันโตที่เลือกสรรมาอย่างดีที่ช่วยอำพรางใบหน้าแทนการใช้ผ้าโปร่งบางปิดคลุมขึ้นมาจนถึงดวงตาที่ไม่คุ้นชินอย่างหญิงสาวตามประเทศแถบนี้ทำกัน
“คุณมิลินทรา คณินทร ใช่ไหมคะ”
มิลินหันมาตามเสียงเรียกทางขวามือ มองสาวสวยนัยน์ตาโต แต่งเครื่องแบบพนักงานประจำสนามบินสีดำขลิบทองที่มิได้ปิดหน้าตาแต่ยังมีผ้าคลุมศีรษะสีดำดูเรียบร้อย
“ใช่ค่ะ” ตอบเป็นภาษาอังกฤษที่คนทั่วโลกใช้เป็นภาษากลางอย่างที่หญิงสาวพนักงานพูดกับตน
มิลินมองคนที่กำลังเดินตรงมาหาผ่านแว่นกันแดดอันโตและยิ้มให้อย่างมีไมตรี เมื่อหญิงสาวผู้นั้นได้รับคำตอบก็ผายมือเชื้อเชิญมาแนะนำให้รู้จักกับสตรีกลางคนแต่งชุดพื้นเมืองสีดำปักลวดลายสีทองคล้ายกันสองคนแล้วเดินตามมาส่งถึงรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำคันยาวเลิศหรูราคาหลายล้านที่เข้ามาจอดรอรับด้านหนึ่งที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านเหมือนด้านหน้าสนามบิน
เมื่อมิลินเข้านั่งประจำที่ตามคำเชื้อเชิญเรียบร้อย รถได้เคลื่อนตัววิ่งออกจากสนามบินเลี้ยวเข้าถนนเส้นใหญ่ที่สองข้างทางสวยงามด้วยตึกรามรูปทรงหลากหลายปลูกเรียงสลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อย บางตึกสูงมีหลังคาโดมทรงกลมปูแผ่นโมเสกสีสันสดใสสวยตระการตาพลางคิดว่าหลายเดือนก่อนที่มากับคณะโขนนางรำของมหาวิทยาลัยไม่ทันได้สังเกตเห็นมาก่อน
รถเบนซ์สีดำคันหรูวิ่งมาได้ครู่หนึ่งสตรีชุดดำที่แนะนำว่านางชื่อซานาได้แจ้งว่าขอจอดทำธุระที่สำนักงานใหญ่ของโรงแรมในเมืองหลวงสักครู่ โดย มิลินถูกเชื้อเชิญให้ลงจากรถมารอในห้องรับรอง พร้อมบริการอาหารคาวหวานจานโตราวกับกินเป็นมื้อหลักพร้อมเครื่องดื่มเสร็จสรรพ
อาหารตกถึงท้องได้ไม่นานมิลินก็รู้สึกง่วงงุนจนผล็อยหลับไป มาตื่นอีกครั้งตอนเวลาใกล้ค่ำทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้า เมื่อกล่าวขอโทษขอโพยพวกนางกลับยิ้มแย้มบอกว่าเป็นเรื่องปกติและมิได้รีบร้อนอะไร จะออกเดินทางเมื่อไรก็ได้ รถวิ่งมาได้ไม่นานแสงตะวันริมขอบฟ้าก็คล้อยต่ำนำความมืดเยี่ยมกรายเข้ามาแทนอย่างรวดเร็วตามสภาพภูมิประเทศที่สว่างเร็วค่ำเร็วของประเทศแถบถิ่นนี้
มิลินมองฝ่าความมืดสลัวผ่านความเวิ้งว้างท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งจึงสังเกตเห็นดวงดาวกะพริบพราวราวเพชรจรัสแสงที่ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่กว่าดวงดาวจากบ้านย่านชานเมืองหลวงของประเทศถิ่นเกิดที่ทำให้เธอคิดถึงครอบครัวที่เหลือเพียงแม่วัยใกล้ห้าสิบกับหลานชายกำพร้าอายุขวบเศษเพิ่งหัดพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้างที่กำลังน่ารักน่าชัง
บรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงกลางทะเลทรายกว้างไกลช่างชวนหมองเศร้า ความลึกลับบนเงาคลื่นทรายทอดยาวสุดสายตาในความมืดของคืนเดือนดับมองดูน่าหวาดหวั่นระคนอ้างว้างดึงความว้าเหว่เข้ามาในความรู้สึกนึกคิด แล้วภาพกลุ่มคนบนหลังอูฐเดินเรียงรายตามลอนทรายก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดคำนึงของมิลิน คงไม่แปลกที่บางทีจะมีนักเดินทางกำลังนั่งหลังอูฐเดินท่องทะเลทรายอยู่ที่ไหนสักแห่งบนแผ่นดินนี้
...ไม่แน่นะ บางทีอาจจะมีโจรทะเลทรายพวกใดพวกหนึ่งกำลังเดินทางเพื่อหาเหยื่อปล้นจี้อยู่ก็ได้...จิตสำนึกของเธอกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงลึกลับ
มิลินอมยิ้มกับความคิดเพ้อฝันในจินตนาการก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองถนนข้างหน้าที่ยาวทาบเป็นเส้นสีดำโดยไม่มีเสาไฟส่องให้ความสว่างเหมือนอย่างแถบชานเมืองที่รถวิ่งผ่านเมื่อสี่สิบห้านาทีมาแล้ว ถนนมืดดำคดเคี้ยวข้างหน้ายาวไกลจนกลืนหายไปกับความมืดและผืนทรายเสมือนไม่มีที่สิ้นสุด แต่ระยะทางที่วิ่งตรงจากนครหลวงถึงไลย์วาโอเอซิสไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร อีกไม่เกินชั่วโมงเศษข้างหน้าเธอจะถึงจุดหมายปลายทางแล้วนี่นา
“อ้าว!...รถหยุดทำไมคะ” มิลินเอ่ยขึ้นเมื่อรถที่กำลังวิ่งมาหยุดลงอย่างกะทันหัน นึกสงสัยว่าทำไมรถคันหรูใหม่เอี่ยมถึงได้มาดับอยู่กลางทางเปลี่ยวอย่างนี้
“เอ...ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
นางซานาตอบด้วยสีหน้าสงบเรียบเฉยไม่มีอาการตื่นเต้นตกใจ คนขับเปิดประตูออกไปเปิดกระโปรงรถทำท่าดูอะไรอยู่สองสามอึดใจก็เดินมาเคาะกระจกด้านข้างฟากที่หญิงสูงวัยสองคนนั่งอยู่ แล้วพูดภาษาพื้นเมืองรัวเร็วแผ่วเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ก่อนจะเดินกลับไป
“เขาว่าอะไรนะ” มิลินเป็นกังวล ไม่เข้าใจในคำพูดที่จับใจความไม่ถนัดกับภาษาถิ่นรัวลิ้นที่พูดเร็วของพวกเขา
“เขาว่าเครื่องยนต์มีปัญหานิดหน่อยค่ะ เครื่องยนต์ร้อนจัดจนดับ คงต้องจอดรอสักครู่”
นางซานาตอบโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา นางรู้ว่าหญิงสาวสวยตรงหน้าไม่ใช่คนโง่ที่จะโกหกได้ง่าย แต่นางก็ต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด
มิลินมองหน้าผู้ตอบเหมือนเห็นตัวประหลาด...ปัญหานิดหน่อยหรือ...นี่หมายความว่ารถหรูราคาหลายล้านคันนี้กำลังมีปัญหาทางเครื่องยนต์จนไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไป...โอ...เป็นไปได้หรือที่รถสภาพใหม่เอี่ยมอ่อง ราวกับเพิ่งขับออกมาจากบริษัทขายในต่างประเทศจะเกิดอาการเครื่องร้อนดับเอาง่ายๆ
ขณะที่มิลินกำลังคิดสงสัยอยู่นั้น ทันใดประตูรถทางที่นั่งก็ถูกเปิดออกด้วยแรงกระชากจากด้านนอกที่เธอไม่คาดคิดว่าคนขับจะเลินเล่อลืมปิดล็อก และต้องตื่นตระหนกกับกลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญที่มาปรากฏตัวท่ามกลางความมืดคืนแรมยืนทะมึนเหมือนปีศาจราตรีสี่ตนที่น่าหวั่นกลัว
“อะ...อะไรกัน” เธอถามเสียงสั่น ใจเต้นระทึก ความกลัวแล่นเข้าจับใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถคันหรูราคามากกว่าล้านมาหยุดกลางทาง แล้วชายนิรนามสี่นายแต่งกายคลุมหน้าคลุมตาเหล่านี้เป็นใคร