๘ แค่ละครหรือความรู้สึกจริง (๑)
๘
แค่ละครหรือความรู้สึกจริง
สองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด
“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจ
จอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกที
บริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้
ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสีย
สองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญจะเพียรพยายามเข้าไปหามากเพียงใดอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยราวกับโกรธเธอมาสิบชาติก็ไม่ปาน
ร่างบางเดินออกไปรอรถเมล์ที่ตอนนี้มีพนักงานหลายคนยืนรออยู่เช่นกัน เมื่อรถเมล์มาถึงผู้คนต่างเบียดกันทั้งคนจะขึ้นและคนจะลง กว่าจะฝ่าผู้คนมาได้ร่างบางก็แทบหมดแรง
เมื่ออยู่บนรถเมล์เธอก็นั่งมองวิวข้างทางด้วยความเหนื่อยล้า ชีวิตแบบนี้เธอชินกับมันเสียแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถ้าตอนนี้มีทรายทิพย์อยู่ด้วยคงดี คิดถึงทรายทิพย์เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ชนวีร์จะลืมเพื่อนสาวของเธอหรือยัง
..แล้วเขารักเธอจริงหรือเปล่านะ
แต่เมื่อคิดดังนั้นก็พานทำให้นึกถึงช่วงเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาช่างดูแลเอาใจใส่เธอดีจนไม่คิดว่าจะได้รับนั่นทำให้เธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าตอนนี้เขาอาจจะเก็บเพื่อนของเธอไว้เป็นความทรงจำที่ดีและเธออาจจะเป็นคนที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยตามประสาหญิงสาวช่างฝันที่ชอบอ่านนิยายรักแสนหวานโดยไม่รู้เลยว่าโลกแห่งความจริงมันเลวร้ายกว่านั้น
กว่าจะผ่านการจราจรที่ติดขัดมาได้ก็ทำให้ตอนนี้ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำเสียแล้ว ไฟถูกเปิดจนถนนสว่าง บนฟ้าไร้ดวงดาวมีเพียงดวงจันทร์ที่มองดูแล้วมีแต่ความอ้างว้าง ถ้าตอนนี้เธออยู่บ้านดวงจันทร์ก็จะมีเพื่อนเป็นดาวดวงเล็กอยู่โดยรอบ
“คิดถึงพี่ไหมครับ”
ไม่ทันได้มองทำให้ตอนนี้ร่างบางชนเข้ากับคนตัวสูงเข้าให้แถมอีกฝ่ายยังประคองเอวเธอไว้หลวมๆ อีก แต่นั้นก็ไม่เท่ากับน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“พี่วีร์”
เป็นชนวีร์นั้นเองที่ยืนส่งยิ้มละมุนมาให้เธอในตอนนี้ ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเต็มยศเสื้อเชิ้ตผูกเน็กไทและกางเกงสแล็กเนื้อดี
“มาตอนไหนคะ” ถามขณะที่ขืนตัวออกเล็กน้อยเพราะคงเป็นการไม่เหมาะสมที่จะมากอดกันข้างถนนที่มีรถและผู้คนสัญจรไปมาแบบนี้เป็นแน่
ชนวีร์ปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน
“มาถึงช่วงบ่ายเลยต้องเข้าบริษัทก่อน พอออกมาก็มาหาขวัญเลยคิดถึงจะแย่” น้ำเสียงที่ติดจะอ้อนทำให้ใจเธออ่อนระทวย ยิ่งแววตาที่เขาส่งยิ้มทำให้เลือดสูบฉีดไปที่หน้าเสียจนแดงเหมือนกับมะเขือเทศสุก
“แล้วมาหาขวัญทำไมคะ น่าจะพักก่อนพึ่งมาถึงแท้ๆ ”
“ก็บอกไปแล้วไง ว่าคิดถึง” ยิ่งย้ำหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ่งเขินอายจนเขาต้องจับมือเธอพาเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
วันนี้ชนวีร์ไม่ได้ขับรถมาเองเขามีสารถีส่วนตัวมาด้วยเพราะผู้เป็นบิดาห่วงความปลอดภัยของลูกชายจึงจ้างคนมาดูแล
“จะพาขวัญไปไหนคะ” แม้จะขัดขืนแต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชายได้
ตอนนี้เธอจึงต้องมานั่งบนรถคันหรูซึ่งไม่เคยเห็นเขาขับเลยสักครั้ง
“พานางซินไปแปลงโฉม” พูดเพียงเท่านั้นก็สั่งคนรถให้ออกรถทันที
และแม้ว่าจอมขวัญจะถามอีกกี่ครั้งก็ไม่ได้คำตอบจากคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ รถแล่นไปยังห้างสรรพสินค้าหรูที่ตระกูลของพีรยศเป็นเจ้าของ
เมื่อถึงยังที่หมายชนวีร์ก็จับมือจอมขวัญเข้ามาภายในห้างทันที เขาเดินไปยังร้านเมรีย่าซึ่งเป็นร้านชุดชื่อดังที่บรรดาไฮโซและดาราดังเข้ามาอุดหนุนเสมอและชายหนุ่มก็เป็นอีกคนที่เป็นลูกค้าประจำเนื่องจากร้านชื่อดังมีทั้งชุดสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายนั้นเอง
“สวัสดีค่ะคุณชนวีร์”
“เลือกชุดให้คุณผู้หญิงคนนี้ด้วยครับ”
พนักงานที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีมองมายังจอมขวัญที่ส่งยิ้มแหยให้ อันที่จริงเธอไม่ชอบที่จะใส่ชุดราตรีเท่าไหร่นักเพราะมันโชว์เนื้อหนังมังสามากเกินไป อีกเหตุผลก็คงเพราะราคามันแพงเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะมีปัญญาซื้อและเธอก็ไม่ได้ใส่มันบ่อยด้วย
“ได้ค่ะ เชิญคุณชนวีร์นั่งรอสักครู่นะคะ”
ร่างสูงพยักหน้า ดันตัวจอมขวัญให้ตามพนักงานไป ส่วนตนเองก็นั่งเปิดโทรศัพท์เพื่อดูตลาดหุ้นของวันนี้ไปพลาง
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เขาทั้งเดินดูของรอก่อนจะมานั่งกอดอกหลับตาเพื่อพักสายตารอกว่าที่ร่างบางจะออกมา
“เสร็จแล้วค่ะคุณชนวีร์” ราวกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาก็ต้องอึ้งเมื่อพบกับผู้หญิงตรงหน้า
ร่างบางที่สูงพอประมาณอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีขาวแนบลำตัว เน้นทรวดทรงองค์เอวและกระโปรงที่บานฟูฟ่องยาวกรอมเท้า ตอนนี้เธอเหมือนกับนางฟ้าที่บินลงมาเยือนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน แม้จะยังไม่ได้แต่งหน้าก็ตาม
“สวย” พูดราวกับละเมอก่อนที่เขาจะได้สติก่นด่าตัวเองในใจว่า
..สวยแค่ภายนอกเท่านั้น
ชนวีร์เดินไปหาจอมขวัญที่ยืนเขินอายและพยายามเอามือปิดบังช่วงเนินอกที่บราช่วยดันให้เป็นร่องสวย
“ช่วยแต่งหน้าและทำผมให้เธอด้วยนะครับ เลือกรองเท้าให้ด้วย”
พนักงานสาวรับคำแล้วพาจอมขวัญไปแต่งหน้าทำผมทันที ชนวีร์นั่งรอคิดในใจว่าเขาไม่ควรหลงไปกับรูปภายนอกของเธอ ไม่ควรที่จะใจเต้นเพราะเธอแต่ทำไมเมื่อสักครู่ถึงเกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับเขาได้ ยิ่งคิดไปว่าเขาได้ครอบครองร่างสวยงามคนแรกก็ยิ่งทำให้ชนวีร์รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นไปอีก
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนฆ่าน้องทราย เกลียด แกต้องเกลียด”
เขาคิดถึงวันที่ทรายทิพย์จากไปก็ยิ่งปลุกความเกลียดชังต่อจอมขวัญให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แผนการของเขาใกล้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว ตอนนี้เธอจะต้องประทับใจที่สุด วันนี้เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดก่อนที่อนาคตเธอจะต้องตกนรกทั้งเป็น!
ชนวีร์คิดคำนวณโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า เรื่องของหัวใจมันใช้สมองคิดไม่ได้และคนที่จะต้องเจ็บปวดไม่ได้มีแค่จอมขวัญเพียงคนเดียว
ร่างสูงนั่งรอจนเมื่อยจึงยืนขึ้นมองออกไปข้างนอกที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มหนาตา
“มาแล้วค่ะ”
เสียงพนักงานทำให้เขาต้องหันกลับมามองคนตรงหน้าและก็ตะลึงค้างทันทีเพราะร่างบางในชุดราตรียาวสีขาวช่างสวยจับใจเหมือนนางฟ้าที่ลงมาเดินเล่นยังโลกมนุษย์ก็มิปาน ผมยาวสีดำขลับถูกเกล้าขึ้นด้านบนแล้วถักเปียรอบปักมงกุฎเล็กไว้ตรงหน้าศีรษะ ใบหน้าถูกแต่งด้วยสีหวานทำให้น่ามองมากยิ่งขึ้นลำคอระหงมีมุกประดับ ทุกอย่างที่เป็นเธอวันนี้เขาเชื่อว่าคนที่เห็นต้องมองตาค้างอย่างแน่นอน
“สวยมากเลย” ชนวีร์เดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วเอ่ยชมจนเธอเขินหลบสายตาไม่กล้าสบแววตาคมที่มองอย่างชื่นชม
“ไปกันหรือยังคะ” ด้วยความอายจากสายตาพนักงานที่มองมาและยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อสบตาเขาจึงถามขึ้นด้วยความอยากออกไปจากร้านเสียที
“ไปสิ เดี๋ยวผมจะให้คนมาจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ นะ” บอกจอมขวัญก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานที่ดูแล เธอน้อมรับแล้วพากันชื่นชมเมื่อเห็นชนวีร์ ยกแขนขึ้นเพื่อให้จอมขวัญคล้องแขนหญิงสาวแม้จะเขินอายแต่ก็ยอมคล้องแขนเขาไว้แล้วเดินออกไปด้วยกัน
ผู้คนต่างมองทั้งสองอย่างชื่นชมก่อนที่ร่างสูงจะพาเธอเดินไปยังรถคันหรูที่มีบอดี้การ์ดเปิดประตูรออยู่แล้ว
ขึ้นไปบนรถชนวีร์ก็กอดเอวบางไม่ยอมห่างพร้อมกับคลอเคลียแถวซอกคอขาวที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกจนอยากจะจับเธอกดลงตรงนี้เสียเลย
“ทำไมหอมขนาดนี้”
ร่างบางพยายามขืนตัวออกห่างเพราะอายบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้า
“พี่วีร์คะ อย่าค่ะ”
แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่เป็นผลเพราะเขาไม่ได้ออกห่างจากตัวเธอเลยตรงกันข้ามกลับแทบจะอุ้มเธอนั่งบนตักเสียด้วยซ้ำไป
รถแล่นไปเรื่อยๆ โดยที่ชนวีร์พยายามลวนลามหญิงสาวที่นั่งข้างกายเต็มที่ จอมขวัญก็พยายามที่จะขัดขืนเช่นเดียวกันดูเหมือนจะทำได้ยากใช้เวลาพอสมควร กว่าที่รถยนต์คันหรูจะมาจอดยังหน้าโรงแรมห้าดาวชื่อดังที่เป็นสถานที่จัดงานภายในวันนี้
รถมาจอดยังหน้าประตูก่อนที่ชนวีร์จะลงมาแล้วยื่นมือไปรับจอมขวัญที่ส่งยิ้มหวานให้เขา
“จะไม่บอกอะไรขวัญเลยหรือคะว่าพามางานอะไร” ถามมาตลอดทางแต่เขาก็ไม่ปริปากบอกข้อมูลอะไรแก่เธอเลยสักอย่าง
“รอให้ถึงก่อนแล้วพี่จะบอก” ราวกับเรื่องวันนี้เป็นความลับ เขายิ้มให้พาเธอเดินเข้ามาภายในโรงแรมที่มีผู้คนบางตาสงสัยคงเป็นเพราะเข้างานกันไปหมดแล้ว
“พี่วีร์ พี่ขวัญ!”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทั้งสองหยุดเดินหันมามองก็พบบุษบามินตราที่เดินควงคู่มากับพีรยศนั่นเอง