บท
ตั้งค่า

๗ คำหวาน (๒)

“สวัสดีนะครับน้องจอมขวัญ พี่ชื่อพีรยศนะหรือจะเรียกพี่พีร์ก็ได้ เป็นเพื่อนที่แสนสนิทของไอ้วีร์มันและเป็นว่าที่น้องเขยของมันด้วย” แนะนำตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเพื่อนสนิททำให้เขายิ่งหมั่นไส้มันขึ้นไปอีก

จอมขวัญยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

“สวัสดีค่ะ จอมขวัญค่ะ”

..ท่าทางอ่อนหวานขนาดนี้เพื่อนเขาคงพบความสุขจริงๆ เสียที

“ครับหวังว่าจะได้เจอกันอีกนะน้องขวัญ พี่ไปแล้ว เจอกันที่กรุงเทพฯ นะไอ้วีร์เดี๋ยวเข้าไปหา” คนหล่อหน้านิ่งเพียงแค่พยักหน้าทันทีที่เพื่อนเดินไป

ทั้งสองเลยได้เวลาขึ้นรถตู้เพื่อกลับไปยังสนามบินเสียทีโดยที่เลขาทรงคุณภาพของชนวีร์จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว

กว่าจะกลับมาถึงเมืองศิวิไลซ์ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดีเพราะว่าเครื่องบินดีเลย์ต้องรออยู่ที่สนามบินเสียนาน

ชนวีร์ขับรถมาส่งจอมขวัญที่หอพักแม้จะมีแววกังวลเพราะเป็นห่วงเธอแต่ร่างบางก็ยืนกรานที่จะกลับหอให้ได้จนเขาต้องยอม

“ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นห่วง” ก่อนลงจากรถเขาก็กำชับเธออีกรอบ ใบหน้าหวานยิ้มให้เขาอย่างเขินอาย

“ค่ะ ขวัญจะดูแลตัวเอง คุณวีร์ไม่ต้องเป็นห่วง”

“พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้า”

เธอเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นก่อนจะลงไปตอนนี้ใบหน้าเธอแดงและร้อนไปหมดถ้าอยู่นานกว่านี้กลัวว่าเขาอาจจะล้อเธอได้

รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปก่อนที่เธอจะเดินขึ้นห้อง แม้ว่าจะไม่สบายใจและหวาดกลัวแต่เธอก็ต้องสู้กับมันให้ได้

จอมขวัญเข้ามาในห้องอีกครั้งข้าวของยังเหมือนเดิมทุกอย่างเว้นเสียก็แต่

“อย่ายุ่งกับคนของฉัน”

การ์ดสีแดงที่มีข้อความอยู่และเป็นข้อความที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วยเลือด!

จอมขวัญใจเต้นแรงด้วยความกลัวเธอไม่กล้าทิ้งและคิดว่าถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นมากกว่านี้เธอจะแจ้งตำรวจ การ์ดใบนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่สามารถช่วยเธอได้

“แม่พ่อ ขวัญกลัว” ตอนนี้คิดถึงบุพการีจับหัวใจ ความกลัวเกาะกินใจเธอแต่จอมขวัญก็ตัดใจเปิดทีวีและแสงไฟจนทั่วห้องสว่าง เธอรีบอาบน้ำและเข้านอนทันทีโดยไม่ปิดไฟและเสียงทีวีที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเสียค่าไฟแพงเธอก็ยอม

เช้าวันจันทร์ที่การจราจรแออัดเพราะเป็นการเริ่มต้นวันทำงานมีแต่คนที่เร่งรีบไม่เว้นแม้แต่จอมขวัญ เธอขึ้นรถเมล์ทันพอดีแม้ว่าจะต้องวิ่งจนเหงื่อไหลมากแค่ไหนก็ตาม ขึ้นมาบนรถคนก็เบียดเสียดกันแม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งก็ตาม ใช้เวลากว่าสามสิบนาทีเธอจึงเดินทางมาถึงบริษัท

“สวัสดีค่ะลุงยาม” หญิงสาวก็ยังเป็นคนเดิมที่ทักทายคุณลุงก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ สักครู่จึงเดินเข้าไปในตัวอาคาร จอมขวัญยิ้มให้แม่บ้านแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์โดยที่ไม่รู้เลยว่าสองสาวนักประชาสัมพันธ์มองเธอด้วยความหมั่นไส้

“ฉันได้ยินมาเต็มสองหูได้เลยนะว่ายายจอมขวัญไปเที่ยวกับกับคุณ ชนวีร์ที่แม่ฮ่องสอน” ลับหลังเธอก็เม้าธ์ทันที

“จริงเหรอ! คงกะจะเอาให้ได้ละสิ” หล่อนเบ้ปากด้วยความไม่ชอบใจในการกระทำของผู้หญิงที่เธอแทบไม่รู้จักตัวตนจริงๆ เลยด้วยซ้ำ

“โอ๋ ติ๊ก เม้าธ์อะไรกันขอฟังด้วยคนสิ”

และการเล่าเรื่องอย่างดุเดือดก็เริ่มขึ้นโดยที่มีการใส่สีตีไข่เพื่อเพิ่มรสชาติให้เรื่องน่าฟัง คนฟังก็คล้อยตามและนำไปเล่าต่อจนกระทั่งรู้ทั้งบริษัทว่าจอมขวัญไปเที่ยวกับชนวีร์เพื่อหวังขึ้นแท่นเป็นคุณนายของตระกูลกิจขจรไพศาล

ปนิธิเดินเข้ามาในบริษัทและแน่นอนว่าเรื่องที่เขาเล่ากันนั้นปนิธิรู้ ร่างสูงเดินขึ้นไปยังแผนกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ของตนเอง เขารู้ว่าจอมขวัญรักผู้ชายคนนั้นมากแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะลดค่าตัวเองลงมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ยอมแม้กระทั่งเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดชนวีร์

“สวัสดีค่ะคุณปัน”

ภายในแผนกบัญชี สี่สาวมาครบและนั่งอยู่ประจำโต๊ะของตัวเอง พอปนิธิเข้ามาอพิญญาก็ทักทาย ซึ่งชายหนุ่มก็เพียงพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าห้องไปไม่ได้มองหรือทักทายใคร จนทั้งสี่คนต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องที่เขาเม้าธ์กัน คุณปันแกเลยหึง” อพิญญากระซิบกับวานิสา ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงกระแอมของพี่ใหญ่ สองสาวเลยรีบกลับมาทำงาน

จอมขวัญมองเข้าไปที่ห้องทำงานของปนิธิด้วยความสงสัยว่าพี่ชายคนสนิทเป็นอะไรแต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้รับข้อความจากโทรศัพท์ก่อนเธอจึงเปิดดูพบว่าเป็นข้อความจากชนวีร์บอกให้เธอขึ้นมา ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันและเขาสั่งข้าวให้เธอแล้ว ร่างบางยิ้มหวานให้โทรศัพท์ก่อนจะตอบรับแล้วกดส่ง ใบหน้าหวานอมยิ้มด้วยความสุขแล้วเริ่มทำงานโดยที่ลืมเรื่องของปนิธิทันที

ตอนเที่ยงจอมขวัญปฏิเสธที่จะไปกินข้าวกับเพื่อนในแผนก เธอขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหารโดยมีสายตาของคนทั้งบริษัทมองและซุบซิบ ร่างบางหันไปมองแล้วเริ่มไม่สบายใจแต่เธอก็ตัดใจไม่คิดอะไรให้มาก เดินไปยังห้องของท่านประธาน คุณวิไลส่งยิ้มให้เธอก่อนจะเดินไปกินข้าวเที่ยงบ้าง จอมขวัญเคาะประตูสามครั้งแล้วเปิดเข้าไปก็พบว่าชนวีร์กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่

“มาแล้วหรือ กินข้าวกันเลยไหม เธอหิวหรือเปล่า” ปิดแฟ้มพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาจอมขวัญเท่านั้นไม่พอร่างสูงยังตรงเข้ามาหอมแก้มนิ่มด้วยความเร็วที่ร่างบางยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ “หอมจังเลย อยากกอดอยากหอมทั้งวัน” ว่าแล้วก็กอดร่างบางก่อนหอมแก้มทั้งสองข้าง จอมขวัญที่โดนรุกยังคงนิ่งอึ้งก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนแข็งแรง

“เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะคะ” แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก

“ไม่หรอก ในนี้มีแค่ฉันกับเธอ” ว่าจบแล้วร่างสูงก็จัดการปิดปากอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของตัวเอง ราวกับว่าเขาเจอบ่อน้ำทิพย์แสนหวานเพราะชายหนุ่มจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่มจนร่างบางหายใจแทบไม่ทัน รสชาติของเธอช่างหวานจนเขาอดใจไม่ไหวแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากและชิมความหวานละเลียดจนพอใจจึงผละออกไป

“หวาน”

ร่างบางยืนหอบหายใจหน้าแดงรีบผลักเขาแล้วเดินห่างออกไปเพราะกลัวเสียเปรียบอีก พอชนวีร์เดินมาเธอก็เดินหนีจนเขาต้องบอกว่าไม่ทำอะไรแล้วอีกฝ่ายจึงเดินมานั่งลงที่โต๊ะซึ่งมีจานข้าววางไว้สองจานเป็นอาหารตามสั่งปกติที่หาซื้อได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว

“กินเถอะ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”

ดูเหมือนว่าจอมขวัญจะยังกลัว เขาเลยบอกสำทับอีกครั้ง ร่างบางมองอย่างระวังราวกับกวางระวังภัยแล้ว ทั้งสองกินข้าวไปอย่างเงียบๆ แต่หัวใจกลับพองโตเมื่อรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของตนกับผู้ชายคนนี้พัฒนาไปแล้วอีกขั้น โดยไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่ามันก็เป็นแค่แผนของเขาเท่านั้นเอง

รับประทานอาหารเสร็จชนวีร์ก็กำชับให้ร่างบางมาหาตอนเย็นเพราะจะพาไปกินข้าวและไปส่งที่หอพักด้วย จอมขวัญตอบรับแล้วเดินออกมาไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และแววตามาดร้าย มันก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเป็นละครที่ใกล้มาถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่องแล้วละ

ช่วงเวลาเลิกงานมาถึง จอมขวัญรอให้ทุกคนกลับไปหมดเธอจึงเดินขึ้นไปยังห้องของท่านประธาน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งมองอยู่ด้วยความเจ็บปวด

..เขาอยู่ข้างเธอมาตลอดแต่ทำไมเธอไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย

ปนิธิคิดอย่างไม่เข้าใจ เขากำหมัดแน่นถ้าเป็นไปได้อยากจะลักพาตัวเธอไปอยู่ด้วยกันบนเกาะ กักขังเธอไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่นั่นมันก็แค่คิดเพราะถ้าเธอเกลียดเขาขึ้นมาเขาคงอยู่ไม่ได้แน่

“สวัสดีค่ะคุณวิไล” ร่างบางทักทาย

เลขาหน้าของเขาอีกฝ่ายก็ยิ้มรับพร้อมกับบอกว่าท่านประธานรออยู่

จอมขวัญจึงเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปก็ต้องแปลกใจเพราะไม่พบชนวีร์ที่โต๊ะทำงาน ดวงตากลมโตมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะสะดุดตาที่โซฟาขนาดยาว

ร่างสูงนอนเหยียดตัวหลับสนิทอยู่บนโซฟา เป็นอีกครั้งที่เธอได้เห็นเขาขณะที่ยังหลับ ใบหน้าคมเข้มที่ติดตาตรึงใจเธอ ดวงตาเรียวรีที่ตอนนี้ปิดสนิท จมูกคมยามที่หอมแก้มเธอ ริมฝีปากหนาได้รูปยามพรมจูบไปทั่วใบหน้า เคราของเขาที่สัมผัสกับผิวของเธอ ทุกอย่างทุกการกระทำของเขาทำให้เธอจดจำได้ขึ้นใจ เขากำลังทำให้เธอตกลงไปในวังวนของเขาและดูท่าว่าครั้งนี้มันจะลึกเสียด้วย

“อืม มาแล้วเหรอ” มองนานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว จอมขวัญก้มหน้างุดเพราะกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าแอบมองจนหน้าแดงไปหมด “ขอโทษนะพอดีฉันเพลียมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณเพลียมากก็นอนพักก่อนก็ได้” เธอบอกด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เห็นหน้าตาเขาเหนื่อย

“พี่วีร์ ต่อไปนี้เรียกพี่วีร์นะครับ น้องขวัญ”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้เธอยิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ อยู่กับเขาทีไรเป็นต้องหน้าแดงตัวแดงเสียร่ำไป

“แต่ว่า”

“ไม่มีแต่ ต่อไปนี้พี่จะให้ขวัญเรียกพี่ว่าพี่วีร์ โอเคไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มกับรอยยิ้มที่เธอไม่เคยได้รับกำลังทำให้ร่างบางลอยตัวขึ้นไป แต่ดีที่ร่างสูงเดินมาจับเธอเข้าไปกอดเสียก่อนไม่อย่างนั้นหล่อนคิดว่าคงได้ลอยไปบนอวกาศแน่นอน “กลับกันเถอะ” ว่าแล้วร่างสูงก็โอบเอวบางไปเก็บของที่โต๊ะก่อนจะเดินออกมานอกห้องลาคุณวิไลแล้วเดินขึ้นลิฟต์ลงไปข้างล่าง

ทั้งสองจับมือกันไว้แทนแม้ตอนแรกชนวีร์จะบอกว่าอยากโอบเอวแต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงไม่ยอมจึงทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

ชนวีร์บอกจอมขวัญว่าจะพาไปรับประทานอาหารก่อนถึงจะไปส่งเธอที่ที่พักแต่เพราะรถติดทำให้กว่าจะฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดมาได้ห้องอาหารก็เต็มเสียแล้วและเขาก็ไม่ได้จองไว้เสียด้วยทำให้ฝ่ายชายจะหัวเสียไม่เบากับเรื่องนี้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วีร์ เราไปกินร้านอื่นก็ได้” พยายามจะเกลี้ยกล่อมจนในที่สุดเขาก็ยอมและให้เธอเป็นคนเลือกร้านที่จะกิน จอมขวัญคิดอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมาแล้วบอกทางที่จะไปร้านทันที

“จะกินร้านนี้แน่เหรอ” เมื่อจอดรถเสร็จและลงมาที่ร้านอาหารเพิงข้างทางเขาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว ในชีวิตของเขาไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้เลยนอกจากห้างหรือโรงแรมหรูเท่านั้นที่เขาไปกิน

“แน่สิคะ ไปกันเถอะค่ะพี่วีร์” ร่างสูงเดินตามแรงดึงของคนตัวเล็กเข้าไปแม้ในใจจะคิดว่าเขาไม่ควรจะทุ่มทุนถึงขนาดเข้ามากินร้านอาหารแบบนี้กับเธอเลย

จอมขวัญเลือกที่นั่งและสั่งอาหารไปสองชุด ร้านที่จอมขวัญเลือกวันนี้เป็นร้านแจ่วฮ้อนข้างทางต้นตำรับจากอีสานขนานแท้ ทั้งโต๊ะมีเตาไฟที่เพิ่งตั้งไฟและมีหม้อดินซึ่งข้างในใส่น้ำซุปเรียบร้อยแล้ว ไม่นานเครื่องที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟมีทั้งเนื้อหมู เนื้อน่องวัว ตับ ผ้าขี้ริ้ว ไส้ ผักกะหล่ำปลี ผักบุ้ง ใบโหระพาและวุ้นเส้น

“เดี๋ยวขวัญทำให้นะคะ” หญิงสาวจัดการนำเครื่องประกอบทั้งหมดลงไปในหม้อและใส่น้ำจิ้มลงไปเล็กน้อยก่อนจะปิดฝา ชนวีร์มองดูอย่างไม่แน่ใจว่ามันจะกินได้แล้วจิบน้ำทันที “อร่อยแน่นอนค่ะ” หล่อนบอกเขาและจัดการตักน้ำเสิร์ฟพร้อมทั้งตักน้ำจิ้มให้เขาด้วย

รอไม่นานแจ่วฮ้อนก็สุกจอมขวัญตักให้ชนวีร์ชิมก่อนซึ่งเขาก็ดูกลัวเพราะไม่เคยกินแต่พอได้ลองไปแล้วหนึ่งคำก็หยุดแทบไม่ได้เลยทีเดียวเพราะว่ามันอร่อยมาก รสชาติที่กลมกล่อมทั้งเข้ม เผ็ด ไม่ขมมากจนเกินไป

ทั้งสองใช้เวลาในการกินนานพอสมควรเพราะชนวีร์ขอสั่งเพิ่มบ่อยมากอิ่มจนขับรถแทบไม่ไหว ราคาที่ย่อมเยาทำเอาเขาตาโตด้วยความตกใจเพราะไม่เคยกินอาหารอร่อยที่ถูกมากมาก่อน ถึงขอซื้อกลับไปกินที่บ้านอีกด้วย

“คราวหน้าขวัญพาพี่ไปกินร้านอื่นบ้างนะ” ขับรถมาได้สักพักเขาก็พูดขึ้นซึ่งจอมขวัญก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

ทั้งสองคุยกันไปจนถึงหอพักของหญิงสาว

“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ เจอกันพรุ่งนี้” ว่าจบแล้วเธอก็กำลังจะเปิดประตูลงไปจากรถแต่เขาก็คว้าแขนเล็กเอาไว้เสียก่อนแล้วดึงเข้ามาหาตัวเองพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

“กู๊ดไนต์นะครับ” ใบหน้าคมยิ้มให้เล็กน้อยแต่แค่นั้นก็ทำเอาเธอเขินจนทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว

จอมขวัญหยักหน้าแล้วรีบลงจากรถไปทันที มือสองข้างกุมแก้มไว้ด้วยความรู้สึกหัวใจพองโตโดยไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในรถมีรอยยิ้มสมใจเพียงใดที่แผนการเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว

“อีกไม่นาน เธอรอรับความเสียใจได้เลย จอมขวัญ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel