๗ คำหวาน (๑)
๗
คำหวาน
แสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด
..เธอหายไปไหน
ชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก
“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดี
ร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย
“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมา
นายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง
“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่าเลยตื่นไม่ทันเมีย เป็นไงจัดไปหลายยกไหม” พูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ชนวีร์ไม่กล้าที่จะตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้นก่อนจะนั่งกินข้าวกับแม่ลูกสองคนจนอิ่ม ร่างบางที่คุ้นตาก็เดินมากับเมียของนายฮุง
“มาแล้วคุณ” สองคนเดินยิ้มมาแต่ไกลพร้อมกับถือดอกรักเร่สีม่วงที่ปลูกไว้ในสวน
จอมขวัญเดินขึ้นมาบนเรือนก็สบตากับชนวีร์เธออายจนต้องหลบตาเขาใบหน้าหวานตอนนี้แดงระเรื่อดูแล้วน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน
“ทำไมไม่ปลุกฉัน” เมื่อนั่งลงชายหนุ่มก็เอ่ยถามทันที
“ก็ขวัญไม่อยากกวนคุณนี่คะ เห็นนอนหลับสบาย” ตอบไปอย่างนั้นก่อนจะช่วยนางชนก ภรรยาของนายฮุงเก็บดอกรักเร่ไปใส่แจกัน
“เมียคุณนี่สวยและก็ดูเป็นคนดีนะ”
“ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้นายฮุงมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ตัดไปเมื่อแม่ของตนให้พูดเรื่องที่ดินเสียที
ทั้งสามจึงตกลงกันเรื่องที่ ซึ่งชนวีร์จะซื้อในราคาห้าล้านถือเป็นราคาที่ถูกสุดแล้วเพราะเคยมีคนมาขอซื้อในราคาสิบล้านแต่นายฮุงไม่ขายเพราะดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเอาที่ของเขาไปทำเป็นโรงแรมซึ่งจะยิ่งทำให้ชุมชนของเขามีคนต่างชาติเข้ามาเยอะไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป
เมื่อตกลงเรื่องต่างๆ ได้จึงกำหนดวันโอนที่ดินเรียบร้อยโดยชนวีร์บอกจะให้เลขามาทำธุระแทนซึ่งฝ่ายนี้ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใดเพราะรู้แล้วว่าชนวีร์จะไม่เอาที่ดินไปทำธุรกิจของตนเองแน่นอน
จอมขวัญเดินออกมากับนางชนก
“ถ้าอย่างนั้นผมกับแฟนขอลากลับเลยแล้วกันนะครับ พอดีต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ” ทั้งสองเอ่ยลาก่อนที่ชนวีร์จะพาจอมขวัญไปเก็บกระเป๋าที่บ้านพัก
เมื่ออยู่กันสองคนจอมขวัญก็ยิ่งเขิน เธอเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปรอเขาด้านนอกแต่ว่าร่างสูงจับข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“เรื่องเมื่อคืนฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดและฉันยินดีจะรับผิดชอบเธอ”
ดวงตากลมโตสบแววตาเรียวนิ่งอย่างต้องการจะค้นคว้าก็พบเพียงแค่ความมั่นคงที่เธอคงไม่มีวันรู้ว่าเขาสร้างมันขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน
“คุณเมาไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าขวัญจะเสียใจแต่มันไม่ได้เกิดจากความรัก” เธอได้คิดไว้แล้วว่าเขาต้องขอรับผิดชอบแต่ในเมื่อระหว่างเธอกับเขายังไม่มีอะไรคืบหน้าทำให้จอมขวัญคิดว่ามันไม่จำเป็น เขาอยากที่จะรับผิดชอบเธอเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเขารักเธอคิดแล้วก็แอบน้อยใจไม่ได้
“ฉันผิดฉันรู้ตัวที่เอาเปรียบเธอทั้งๆ ที่เมา ขอโทษนะจอมขวัญ ยกโทษให้ฉันนะ” ร่างสูงก้าวเข้ามาจับมือบางไว้ก่อนที่จะมองตาเธอนิ่ง
“ขวัญ ไม่ได้โกรธค่ะ” ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตเสหลบอย่างขวยเขินเพราะแววตาพราวระยับที่เขาส่งมาทำเอาแก้มทั้งสองข้างร้อนและเธอคิดว่าตอนนี้มันคงแดงปลั่งราวกับลูกมะเขือเทศแน่
“ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็ยังจะทำแบบนั้น ที่ฉันทำไปมันไม่ใช่แค่เซ็กส์นะ ที่ฉันทำเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอ” มือหนาจับที่คางมนก่อนจะเชยขึ้นให้มาสบตากับเขา
จอมขวัญหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าของชนวีร์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่ริมฝีปากทั้งสองจะประกบเข้าหากัน ชายหนุ่มไม่รอช้าชิมความหวานปานน้ำผึ้งนั้นทันที เธอทำได้เพียงเงยหน้าเพื่อรับรสชาติแสนหวานที่เขาก็มอบให้เธอเช่นกัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรก่อนที่ชนวีร์จะผละออกมองจอมขวัญที่หายใจหอบ
“วันหลังคงต้องทำบ่อยๆ เสียแล้ว เธอจะได้ชิน” คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอขวยเขินตัวแดงไปหมด ชนวีร์จูงมือเธอแล้วหยิบกระเป๋ามาถือให้เพราะดูท่าว่าฝ่ายหญิงจะไร้เรี่ยวแรงเสียแล้ว
ทั้งสองลานายฮุงนางชนกและยายซุยที่ให้ที่พักและขอบคุณเรื่องที่ดิน ชนวีร์พาจอมขวัญขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปยังที่เช่ารถเมื่อวาน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์และเขาไม่มีงานที่จะต้องดูแลจึงชวนเธอไปเที่ยวต่อเมื่อส่งรถเสร็จแล้ว
“ไปเที่ยวอย่างนั้นหรือคะ”
“ใช่ ที่นี่สวยดี” บอกพร้อมกับยกกล้องที่เขาเอามาด้วยไม่ใช่กล้องโปรเฟสชั่นแนลเหมือนอย่างคนอื่นแต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้เหมือนกัน
จอมขวัญยิ้มออกมาก่อนที่ชนวีร์จะพาเธอไปติดต่อรถตู้ซึ่งจะพาไปยังสถานที่ต่างๆ ตามต้องการได้เป็นอย่างดี
การเดินทางของวันนี้ชนวีร์จะพาจอมขวัญเที่ยวที่ปายซึ่งถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์มากจนผู้คนหลั่งไหลเข้ามา
สถานที่แรกที่ทั้งสองไปด้วยกันคือร้านคอฟฟี่อินเลิฟถือเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวไม่ว่าใครที่มาปายเป็นต้องแวะเข้าไปชิมรสชาติกาแฟที่หอมกรุ่นและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
บ้านปูนสีเหลืองเข้มเด่นชัดตัดกับเส้นขอบฟ้าและพื้นหญ้าสีเขียว ยิ่งเข้าไปบริเวณหลังร้านยิ่งเห็นได้ถึงความสวยงามเพราะท้องฟ้าสีสดใสและต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวสดทำเอาใบหน้าหวานมองบรรยากาศรอบๆ ด้วยความสดชื่น หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
แชะ..
เสียงจากกล้องที่ชนวีร์ถือมาเรียกความสนใจจากร่างบางได้มากทีเดียว วันนี้จอมขวัญสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายการ์ตูนน่ารัก เธอสวมเสื้อแขนยาวทับและกางเกงยีนขายาวแนบขาที่เรียวสวย ผมสีดำสลวยถูกมัดรวบตึงเผยใบหน้าใสที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางเพียงน้อยนิดเท่านั้น พร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบเพิ่มความทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น
“คุณวีร์ถ่ายรูปหรือคะ”
ร่างสูงไม่ตอบนอกจากกดถ่ายรูปไปเรื่อยโดยที่ส่วนมากก็เป็นภาพเธอทั้งนั้น
“วันนี้ฉันขอจองตัวเธอเป็นนางแบบจำเป็นแล้วกันนะ” ช่างภาพหนุ่มหล่อบอก ทำให้นางแบบจำเป็นที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาทำท่าจะแย้งขึ้นแต่ดูเหมือนว่าคงเปลี่ยนความตั้งใจของเขาไม่ได้
ชนวีร์พาเธอมานั่งดื่มด่ำบรรยากาศโดยการที่เขาสั่งกาแฟดำสำหรับตนเองและนมปั่นให้กับจอมขวัญ
“ทำตัวตามสบายเลยนะ” ตากล้องหนุ่มหล่อบอกพร้อมกับถ่ายภาพไปเรื่อย
ส่วนร่างบางที่ต้องเป็นนางแบบก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เลยถือนมปั่นขึ้นมาดื่มแทน รสชาติหวานละมุนของเครื่องดื่มและบรรยากาศโดยรอบทำให้เธอต้องมนต์แห่งคอฟฟี่อินเลิฟทันที
ชายหนุ่มคอยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก่อนจะลดกล้องมองภาพตรงหน้า ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์โดยที่ด้านหลังมีท้องฟ้าสีสดและพื้นหญ้าสีเขียวทำให้ดูราวกับเธอเป็นนางไม้ที่เดินเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
ไม่! มันก็เป็นแค่ภาพมายาเท่านั้น!
เขาพยายามสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความคิดนี้ออกทันที ไม่ว่าอย่างไรสำหรับเขา เธอก็คือนางมารที่พรากคนที่เขารักไป แม่มดที่คร่าชีวิตผู้หญิงที่เขารักไป
ถ้าตอนนี้คนตรงหน้าเป็นทรายทิพย์ก็คงจะดีเพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเขาอยู่ชมรมถ่ายภาพและนางแบบประจำของเขาคือทรายทิพย์นั่นเอง ผู้หญิงที่ยิ้มทีก็ทำให้โลกสดใสขึ้นมา
“ไปกันเถอะ” เพราะกลัวว่าจะไม่อาจควบคุมสีหน้าได้ เขาเลยชวนเธอออกจากร้านโดยที่อีกฝ่ายยังคงอินกับบรรยากาศอยู่ แต่เมื่อเขาเดินออกไปแล้วต้องรีบตามไป ร่างสูงก้าวขายาวจนคนที่มาทีหลังเดินตามแทบไม่ทันต้องวิ่งไปหาเขาแทนเพื่อยืนเคียงข้าง
“เดี๋ยวเราจะไปสะพานประวัติศาสตร์กันต่อ” บอกจุดหมายแล้วทั้งสองก็เดินไปที่รถตู้
การเดินทางไม่นานก็ถึงสะพานประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลก ครั้งที่สองขณะที่ญี่ปุ่นเรืองอำนาจอยู่ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและอาวุธสู่พม่าเช่นเดียวกันกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ในอดีตสะพานนี้เคยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินทางของประชาชนทั่วไป จนกระทั่งปัจจุบันก็มีการสร้างสะพานคอนกรีตมาตรฐานแทนที่
ถึงยังจุดหมายแล้วหนุ่มสาวก็ชื่นชมกับสะพานที่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวประปรายยืนถ่ายรูปกันอยู่ จอมขวัญปล่อยให้ชนวีร์ถ่ายรูป ส่วนเธอก็เดินมาดูซุ้มนิทรรศการที่บอกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสะพาน
“ไปถ่ายรูปกันเถอะ” เมื่อไม่เห็นเธออยู่ข้างกายเขาก็มองหาและมาสะดุดตาตรงที่ร่างบางยืนอยู่จึงเดินเข้ามาเรียกพร้อมกับสั่งเสียงเข้มเพราะข้างกายเธอนั้นเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งมองเธอพลางส่งยิ้มให้ด้วยดวงตาวาวพราวระยับ
“คะ เอ่อค่ะ” จอมขวัญเดินไปพร้อมกับชนวีร์โดยไม่ได้สังเกตรอบกายเธอปล่อยให้คนมาเรียกเดินหน้านิ่งไปที่สะพานพร้อมกับสั่งเธอให้โพสต์ท่าทางต่างๆ ราวกับว่าตนเองเป็นช่างถ่ายภาพมืออาชีพ
ผู้คนเริ่มเยอะเขาจึงชวนเธอกลับแต่ระหว่างที่เดินไปยังรถตู้ก็พบกับคนรู้จักที่แสนสนิทเข้าให้เสียก่อน
“ไอ้วีร์!”
หันไปตามเสียงเรียกก็พบกับเพื่อนสนิทที่ตนคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
“ไอ้พีร์” เพื่อนสนิทหน้าหล่อเดินยิ้มมาแต่ไกลก่อนจะส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังผู้หญิงที่ยืนข้างกายของเขาด้วยและเธอก็ยิ้มตอบกลับมา
“มาได้ไง” ชนวีร์ถาม
“ฉันก็พาเพื่อนจากอังกฤษมาเที่ยวสิวะ ว่าแต่แกเถอะ มาได้ยังไงแล้วมากับใคร” คำถามและแววตาที่ล้อเลียนไม่ได้ทำให้ชนวีร์เขินแต่กลับเป็นอีกคนที่หน้าแดงก่ำขึ้นทันที
“พอดีมาติดต่อขอซื้อที่ ส่วนนี่จอมขวัญเป็น...น้องสาว” เพราะสถานะของทั้งสองไม่ชัดเจนชนวีร์จึงบอกเพื่อนไปว่าตอนนี้เธอเป็นน้องสาวของเขาแต่ดูท่าแล้วเพื่อนตัวดีจะไม่เชื่อเสียเท่าไหร่
หนุ่มหล่อตบบ่าเพื่อนรักก่อนจะกระซิบข้างหู
“น้องสาวหรือน้องนางกลางใจวะเพื่อน”
..ดูท่าทางแล้วเพื่อนของเขาคนนี้คงจะหายจากความเศร้าเรื่องน้องทรายแล้วกระมังเพราะหลังจากที่คนรักเสียไปเขาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนควงผู้หญิงคนไหนอีกเลยจนกระทั่งคนนี้
“ก็แล้วแต่จะคิด”
ไม่ได้ขยายความอะไรต่อยิ่งทำให้พีรยศเข้าใจผิดไปกันใหญ่