๖ เมารัก (๑)
๖
เมารัก
ร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดัง
ระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะแม่”
“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”
ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา
“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้
“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”
หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น
“ฝากบอกตาด้วยนะคะว่าขวัญคิดถึงมาก แม่คะรถมาแล้ว ขวัญต้องไปแล้ว รักแม่นะคะ” เมื่อได้ยินเสียงมารดาตอบรับก่อนจะกดตัดสายไป รถก็มาจอดเทียบพอดี คนลงมามากพอสมควรทำให้บนรถมีที่นั่งว่าง
จอมขวัญเดินไปนั่งที่นั่งเดียวทันทีก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้จะมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ เธอก็ไม่ชอบบรรยากาศของที่นี่เอาเสียเลย มีทั้งฝุ่นทั้งควัน มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกไม่เหมือนที่บ้านของเธอที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่นาก็มีหนองน้ำใสสะอาดให้เล่น มีผลไม้ปลูกเองเก็บกินได้ทุกเมื่อ เธอชอบการใช้ชีวิตที่สุขสบายแบบนั้นมากกว่าแต่ก็ต้องเลือกมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะเงินเดือนที่ได้นั้นก็ไม่ใช่น้อย
นั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยรถก็มาถึงที่หมายแต่เธอก็ต้องต่อรถไปอีกจนถึงจุดหมายก่อนเวลานัดสิบห้านาที
จอมขวัญเดินดูของไปเรื่อยเพื่อรอให้ถึงเวลานัด จนเมื่อมองนาฬิกาอีกครั้งเข็มยาวก็ชี้ที่เลขห้า เธอจึงใช้เวลาเดินไปหาบุษบามินตราภายในเวลาห้านาทีก็ถึงยังที่นัดพบ พอดีกับที่รุ่นน้องคนสนิทเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
“มาตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะพี่ขวัญ” รุ่นน้องเอ่ยชมก่อนเชิญให้จอมขวัญเข้าไปภายในร้านอาหารที่นัดกัน เป็นร้านอิตาเลี่ยนชื่อดัง
บุษบามินตรายื่นเมนูให้จอมขวัญเลือกก่อนจะจัดการเลือกของตนเองหลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็พูดคุยกัน
“พี่ขวัญทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ก็ดีค่ะ ถึงแม้งานจะเยอะแต่ก็สนุกดีทำงานตรงกับสายที่เรียนมา” หล่อนบอกตามที่คิดไว้เพราะมีหลายคนชอบพูดว่าเรียนจบออกมาแล้วทำงานไม่ตรงกับสายที่ตนเองเรียนก็เยอะ
“แล้วเรื่องอื่นละคะ”
“คะ” คำถามแบบอ้อมๆ ของบุษบามินตราทำให้จอมขวัญงงจนต้องเลิกคิ้วแล้วถามออกมาอีกครั้ง “น้องมินหมายถึงอะไรหรือคะ”
“เอ่อ งั้นมินไม่อ้อมค้อมแล้วนะคะ เรื่องของพี่ขวัญกับพี่วีร์พี่ชายสุดหล่อของมินนี่เป็นอย่างไรคะ ตกลงพี่สองคนคบกันจริงๆ ใช่ไหม”
แววตาซุกซนที่จอมขวัญมองเห็นนั้นทำให้เธอหน้าแดงเมื่อคนตรงหน้าล้อเลียน
“เปล่าค่ะ พี่ไม่ได้คบกับคุณวีร์ เรื่องที่น้องมินได้ยินมาไม่จริงหรอกค่ะ” ปฏิเสธไปอย่างเขินอาย
แต่บุษบามินตราก็ดูออกว่าพี่สาวตรงหน้าคิดกับพี่ชายเธอมากกว่าเจ้านายทั่วไปแน่ แค่มองตาเธอก็รู้แล้ว
“แต่มินว่า”
“อาหารมาพอดีเลยค่ะน้องมิน” โชคเข้าข้างเธอพอดีที่อาหารมาเสิร์ฟ
ทั้งสองจึงเริ่มรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้พูดกันสักเท่าไหร่ เมื่อกินอิ่มแล้วบุษบามินตราก็ไม่พลาดที่จะสนทนาที่ค้างไว้ทันทีราวกับงูจ้องเหยื่อเพื่อรอโอกาส
“พี่ขวัญชอบพี่ชายมินใช่ไหมคะ”
คำถามแบบไม่อ้อมค้อมแทบจะทำให้จอมขวัญสำลักน้ำดีที่ตั้งสติทัน จึงรีบส่ายหน้าทันที
“เปล่านะคะ พี่คิดว่าน้องมินคงเข้าใจผิด” แน่นอนว่าเธอโกหกและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เพราะดวงตากลมโตจ้องตาเธออย่างค้นหา จอมขวัญจึงเสหลบตามองไปทางอื่น
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นมินคงเข้าใจผิดเอง พี่ขวัญคะ กินเสร็จแล้วช่วยมินไปเลือกซื้อของให้ลูกสาวเพื่อนมินได้ไหมคะ” คำถามแกมขอร้องนั้นทำให้จอมขวัญปฏิเสธไม่ลงเธอตอบรับ
ทั้งสองสาวจึงเดินออกไปด้วยกันทำเอาผู้ชายมองตามแทบเหลียวหลังเพราะบุษบามินตราก็สวยเปรี้ยว ดวงตาเหมือนกับยิ้มตลอดเวลานั้นทำเอาชายหนุ่มหลายคนเพ้อไปเป็นวันทีเดียว หุ่นสูงราวกับนางแบบไม่ดูผอมเกินไปทุกอย่างสมส่วนอย่างลงตัว ส่วนจอมขวัญนั้นก็สวยหวาน ทรวดทรงองค์เอวราวกับสวรรค์ปั้นมา ใบหน้าก็หวานซึ้งตรึงใจทำเอาผู้ชายหลายคนถึงกับเลือกไม่ถูกว่าจะมองใครดี
“เด็กเพิ่งคลอดหรือคะ”
ของในร้านน่ารักทั้งนั้นจนเธอชักอยากจะมีลูกเอง
“ใช่ค่ะ สัปดาห์หนึ่งได้มั้งคะ” บุษบามินตราเลือกถุงมือสีหวานให้หลานได้หลายคู่
“เอ่อ”
บุษบามินตราเลือกซื้อของให้เด็กน้อยได้เสื้อและกางเกงและหมวกไหมพรมถักสีอ่อนแสนน่ารัก ถ้าเธอมีลูกสาวคงได้หมดเงินเป็นกระบุงแน่เพราะเธออาจจะมาเหมาเอาจนหมดร้านก็เป็นได้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วบุษบามินตราก็ชวนพี่สาวเดินดูของทั่วห้างจนได้ของเยอะเต็มไปหมด
“ดีจังเลย มินไม่ได้เดินแบบนี้มานานมากแล้ว ปกติทำแต่งาน” ทั้งสองมานั่งอยู่ร้านขนมหวาน สั่งน้ำหวานมาคนละแก้วดื่มแก้กระหายก่อนที่บุษบามินตราจะยื่นเสื้อผ้าที่แอบซื้อให้จอมขวัญ
“อะไรคะ”
“เสื้อกับกระโปรงค่ะ มินว่าถ้าพี่ขวัญใส่ต้องสวยมากแน่ๆ เลย”
ด้วยความเกรงใจจอมขวัญว่าจะไม่รับแต่รุ่นน้องก็คะยั้นคะยอเธอจนต้องรับไว้ในที่สุด
“พี่คงต้องกลับแล้ว ขอบคุณน้องมินที่ชวนพี่มาเดินเล่นนะคะ สนุกมากเลย” ลุกขึ้นได้จอมขวัญก็เอ่ยลากับบุษบามินตรา
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ขวัญกลับอย่างไรคะ”
“พี่ว่าจะขึ้นรถเมล์กลับ”
คำตอบของพี่สาวทำให้บุษบามินตราสงสารเธอจึงบอกว่าจะไปส่งเองแต่พี่สาวคนนี้ก็ขี้เกรงใจจนอีกฝ่ายต้องยอมแต่บอกว่าจะเดินไปส่งที่ข้างล่างซึ่งจอมขวัญก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะถึงจะบอกไปอย่างไรน้องคนนี้ก็ไม่ทำตามอยู่ดี
เดินลงมายังที่รอรถหน้าห้างสรรพสินค้าที่ตอนนี้รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วและมีเป็นจำนวนมากบนท้องถนน ผู้คนที่รอรถต่างก็มีกิจกรรมเป็นของตัวเอง บุษบามินตราจึงหันมาคุยกับพี่สาวคนสนิทเพื่อเป็นการรอไฟสัญญาณข้ามถนน
“ครั้งหน้ามาเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ” ระหว่างรอข้ามถนนนั่นเองบุษบา มินตราก็บอก
จอมขวัญก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มกลับไปพร้อมพยักหน้าอย่างยินดี ทั้งสองรอสัญญาณไฟด้วยกันแต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนกระชากกระเป๋าหญิงแก่ที่อยู่ด้านหลังของบุษบามินตราก่อนจะผลักเธอให้พ้นทาง ทำให้ร่างบางเซไปชนกับจอมขวัญที่อยู่ติดริมถนนจนอีกฝ่ายเสียการทรงตัวตกจากฟุตปาธมาพอดีกับที่รถยนต์สี่ประตูวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“พี่ขวัญ!!” บุษบามินตรามองอย่างตกใจ
จอมขวัญเบิกตากว้างเมื่อรถเข้าใกล้เธอมากขึ้นก่อนจะหลับตาลงภาวนาให้เธอรอดพ้นจากความตาย ร่างบางรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่ได้รับก่อนจะนิ่งไป ใบหน้าหวานหลับตาแน่นแล้วเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่เจ็บจึงลืมตาขึ้นเห็นว่ามีคนมาช่วยเธอไว้ได้เสียก่อน
“คุณ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มวัยกลางคนนั่นเองที่มาช่วยเธอเอาไว้
หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่าตัวเองผ่านพ้นวินาทีชีวิตมา
“ไม่ค่ะ คุณล่ะคะ” มองสำรวจก็ไม่พบว่าเขาเป็นอะไร จอมขวัญเอ่ยขอบคุณชายคนนั้นยิ้มให้แล้วเดินจากไปก่อนที่บุษบามินตราจะเข้ามาดูอาการพร้อมกับไทยมุงที่เริ่มกระจายตัวออกไป
“พี่ขวัญเจ็บหรือเปล่าคะ” ใบหน้าหวานของน้องสาวคนสวยมีน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง
“น้องมินร้องไห้ทำไมคะ”
“มินกลัวพี่ขวัญเป็นอะไรไป มินขอโทษนะคะ มินไม่ได้ตั้งใจ มินขอโทษ มินผิดเอง” ยิ่งพูดบุษบามินตราก็ยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด
จอมขวัญลุกขึ้นกอดน้องสาวแล้วปลอบ
“พี่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” บอกไปอย่างนั้นแต่เมื่อกี้ก็อดกลัวไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นช่วยไว้เธอคงไม่ได้มายืนหายใจอยู่แบบนี้เป็นแน่
“เดี๋ยวมินให้คนรถไปส่งพี่ขวัญนะคะ นะ ให้มินไปส่งนะคะ มินเป็นห่วง”
เห็นอีกฝ่ายกังวลแบบนั้นเธอก็ไม่ขัดเพราะตัวเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน ทั้งสองเดินขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าก่อนที่บุษบามินตราจะสั่งให้คนขับรถของเธอไปส่งจอมขวัญที่หอพักของหญิงสาว
“พี่ขวัญถ้าถึงบ้านแล้วโทรหามินนะคะ มินจะได้สบายใจ”
ร่างบางพยักหน้าตอบรับแล้วขึ้นรถไปโดยมีน้องสาวคนสวยยืนมองตามจนรถขับออกไปไกล เธอจึงเดินเช็ดน้ำตาขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าอย่างสบายใจขึ้นมากกว่าเมื่อกี้
มาถึงห้องของตนเองจอมขวัญก็ยังไม่หายขวัญเสียจากเรื่องเมื่อไม่ กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เธอยังคงกลัวเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ้าไม่มีใครมาช่วย ชีวิตของเธอในชาตินี้คงจบแต่เพียงเท่านี้
ร่างบางนอนลงที่เตียงจากความเหนื่อยทั้งกายและใจ ถ้าตอนนี้อยู่บ้านคงมีแม่ให้กอดแต่เธออยู่คนเดียวก็คงต้องกอดตัวเอง ใบหน้าหวานหลับพริ้มก่อนที่ลมหายใจจะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เธอได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
บานประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เสียงฝีเท้าที่แทบจะไร้น้ำหนักทำให้คนเพิ่งหลับไม่รู้สึกตัว ช่วงบ่ายของวันเสาร์ไม่ค่อยมีคนอยู่หอพักเท่าไรเพราะไปทำงานกันเป็นส่วนมากแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม อันตรายคืบคลานเข้ามาใกล้แต่ดูทีท่าว่าหล่อนจะไม่รู้สึกตัวสักนิด
ดวงตาแข็งกระด้างมองไปที่ร่างซึ่งนอนหลับใหลด้วยแววตามาดร้าย มือหยิบมีดขึ้นมาระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้คนที่อยู่บนเตียง
ริมฝีปากแสยะยิ้มในระหว่างที่เงื้อมีดขึ้นสูงเหนือศีรษะเตรียมที่จะแทงคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราแต่แล้วกลับมีแรงมายื้อไว้เสียก่อน หันกลับไปก็พบชายหนุ่มร่างสูงที่มาจับมีดไว้แล้วพยายามบิดข้อมือของคนร้ายเพื่อให้มีดหลุด
“ปล่อย” เสียงที่เปล่งออกมาทำให้ข้อสงสัยของชนวีร์ชัดเจนว่าคนในชุดสีดำเป็นผู้หญิงและดูเหมือนว่าจะมีทักษะในทางด้านการต่อสู้ดีเสียด้วยเพราะหลังจากที่เขาทำมีดหล่นลง อีกฝ่ายก็โต้กลับด้วยการจับแขนเขาแล้วขัดขาไปด้านหลังเกือบเสียหลักล้มเหมือนกัน ดีที่แก้ได้เขาผลักอีกฝ่ายบ้างแต่ดูเหมือนจะโต้กลับได้ดีเกินคาดและนั้นทำให้เขาพลาดปล่อยมันลงไปทางระเบียงได้อย่างเฉียดฉิว
“บ้าฉิบ!” มองตามไปไม่เห็นแม้แต่เงาของคนร้ายเขาหัวเสียพอสมควรที่เรื่องราวเป็นแบบนี้ อันที่จริงวันนี้คิดว่าจะพาคนที่นอนบนเตียงไปเดินดูของด้วยกัน เผอิญเห็นคนปีนเข้ามาที่ระเบียงเขาเลยรีบมาช่วยได้ทันท่วงทีไม่เช่นนั้นแล้วป่านนี้คนที่นอนหลับคงได้กลายเป็นศพ