บท
ตั้งค่า

๔ รุก (๒)

หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จชนวีร์ก็พาจอมขวัญกลับมายังบริษัทและตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบสามนาฬิกายี่สิบนาทีแล้ว จอมขวัญวิ่งขึ้นไปยังแผนกแล้วก็ต้องพบว่าเธอลืมเอาเอกสารมาด้วย มันอยู่ที่ห้องของชนวีร์นั้นเอง เธอเดินขึ้นมาเอาเอกสาร

“ขอโทษนะคะ ขวัญลืมเอกสารไว้”

ชนวีร์พยักหน้าให้แล้วก้มลงทำงานต่อ และก่อนออกจากห้องไปร่างสูงก็พูดกับเธอ

“ทำงานเสร็จ ขึ้นมาหาฉันก่อนนะ จะไปส่ง”

ประโยคสุดท้ายทำให้เธอก้าวขาแทบไม่ออกยิ่งเมื่อมองดวงตาเขาเธอก็ทำอะไรไม่ถูก จอมขวัญก้มศีรษะลงโค้งให้ก่อนจะออกจากห้องไป หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง เข้าลิฟต์มาได้จอมขวัญก็เอามือทาบหัวใจ

“ทำไมเต้นแรงจังนะ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหมดหรอกว่าเราตื่นเต้นแค่ไหนน่ะจอมขวัญ” พร่ำบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ยิ่งทำให้ใจเต้นเร็วเข้าไปอีก

..เขารุกเธอหนักเกินไปแล้วและดูท่าว่าครั้งนี้เธอจะเต็มใจให้เขารุกเสียด้วย

“ถ้าขวัญจะทำตามคำสัญญาตอนนี้จะทันไหมทราย ถ้าขวัญจะขอพี่วีร์ ทรายจะอนุญาตไหม” ถามแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดแต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์เปิดจอมขวัญจึงออกมา ต่อจากนี้ไปให้เวลาและหัวใจเป็นตัวกำหนดทุกอย่างก็แล้วกัน

ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง บุษบามินตรากำลังตรวจร้านอยู่เพราะได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่ร้านสาขาใหญ่กำลังมีปัญหาเรื่องมีเพชรปลอมเข้าปะปนจนลูกค้าไม่ไว้ใจและไม่มาซื้อเพชรกับทางร้านอีก ปัญหานี้ทำให้ร่างบางต้องลงมาดูแลเองอย่างใกล้ชิด เธอตรวจสอบเพชรน้ำงามแทบทุกเม็ดและก็ตอนนี้กำลังตรวจดูกล้องวงจรปิดอยู่

“มอง มองเธอมาแสนนาน” หลังจากไม่ได้ความคืบหน้าเธอจึงเดินออกมาหน้าร้านแล้วก็เห็นชายหนุ่มเพื่อนสนิทของพี่ชายยืนถือดอกกุหลาบสีขาวเพียงดอกเดียว ส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับเดินตรงมายังเธอ

“ไม่ได้เจอนาน น้องมินคิดถึงพี่พีร์ไหมครับ”

ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่ได้ทำให้บุษบามินตราหลงเลยสักนิด หญิงสาวยิ้มให้เขาแต่ไม่ได้ตอบคำถาม

“พี่พีร์ไม่ทำงานหรือคะ” เมื่อเขายื่นดอกไม้ให้เธอก็รับเอาไว้แล้วถามกลับทันที

พีรยศ อมรกุล หนุ่มหล่อที่ปีนี้ถูกยกให้เป็นขวัญใจสาวๆ ของวงการไฮโซชื่อดังกลับทำหน้างอเมื่อคนที่ตนหลงรักตอกกลับมาหน้าแทบหงาย

“พี่ทำงานเสร็จแล้ว งานไม่มี ว่างพอจะเป็นคนรู้ใจข้างกายน้องมินตลอดวันและตลอดไป” ตามสเต็ปเดิมของเขาหยอดคำหวานลงไปอีกด้วย

สาวน้อยไม่ได้เขินเธอกลับแสยะยิ้มให้เขา

“ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปดื่มน้ำก่อนไหมคะ”

“ดีเลย พี่คอแห้งมากเลยครับ” แน่นอนว่าไม่มีทางที่หนุ่มหล่อจะปฏิเสธ เขาเดินเข้าไปภายในที่รับรองแขกกับเธอ

พีรยศเป็นเพื่อนสนิทของชนวีร์และเจอกับบุษบามินตราเมื่อไปทำงานที่อังกฤษ ซึ่งตอนนั้นเธอไปเรียนที่นั่น ชนวีร์พาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับน้องสาวของตนเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาก็กลายเป็นทาสรักของเธอ

ร่างสูงนั่งคุยกับเจ้าของหัวใจได้สักครู่ก็ต้องกลับเพราะได้รับโทรศัพท์จากเลขาว่าลูกค้าที่ญี่ปุ่นมาคุยงาน เขาเลยต้องล่ำลาจากสาวน้อยหน้าหวาน อดเสียดายไม่ได้แต่ก็คิดว่าไม่นานก็ได้มาหาอีก ในเมื่อห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นของเขา

“เฮ้อ” เมื่อลับร่างสูง บุษบามินตราก็แอบถอนหายใจเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปมากกว่าเพื่อนของพี่ชายเลยสักนิดแต่ก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์ไปจึงทำเพียงแค่แบ่งรับแบ่งสู้เท่านั้นและเธอก็บอกเขาไปแล้วว่าให้ได้แค่สถานะเพื่อนของพี่ชายเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย

ปนิธิเดินถือกระเป๋าออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว เมื่อตอนเที่ยงวันเขาตั้งใจที่จะชวนจอมขวัญไปกินข้าวด้วยกันแต่ปรากฏว่าเธอไม่อยู่และบ่ายนั้นเองเขาก็ได้เห็นกับตาว่าเธอเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกับท่านประธานหรือก็คือชนวีร์นั่นเอง

..ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจอมขวัญแอบหลงรักชนวีร์ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว

วันนั้นที่เขาตั้งใจจะสารภาพรักกับจอมขวัญก่อนที่เขาจะเรียนจบ ทำให้ได้รู้ว่าคนที่อยู่ในใจของเธอคือชนวีร์ เพราะไดอารี่ที่หญิงสาวเขียนถึงแฟนหนุ่มของเพื่อนได้ตกที่พื้นหลังจากที่เธอชนกับเขา จอมขวัญคงรีบเกินไปจนไม่รู้ตัวว่าของสำคัญหายไปและเขาเองก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะคืนเธอไป

..เขาคิดว่าในเมื่อสิ่งที่เรียกว่าบันทึกความทรงจำของเธอหายไป เธออาจจะลืมผู้ชายคนนั้น แต่ไม่เลย เธอไม่เคยลืม

“กลับนะครับทุกคน” ปนิธิบอกลาแล้วยิ้มให้อย่างทั่วถึง จอมขวัญยิ้มให้เขาก็ยิ้มกลับแต่เป็นรอยยิ้มที่มีความเจ็บปวดเคลือบแฝงอยู่

หลังจากนั้นไม่นานผู้คนต่างก็ทยอยกลับทั้งแผนก จึงเหลือเพียงจอมขวัญคนเดียว หญิงสาวทำงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์เก็บของเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึกมายังห้องประธานหนุ่มสุดหล่อ

คุณวิไลยิ้มให้เธอก่อนที่หญิงสาวจะเข้าไปในห้อง ชนวีร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับเอกสารกองโตที่ต้องดู

“นั่งรอก่อนนะ ฉันขอทำงานแป๊บเดียว” พูดแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ

จอมขวัญจึงไปนั่งโซฟารับรองแขกภายในห้องแทน เธอนั่งอ่านนิตยสารรอเป็นการฆ่าเวลา ในขณะที่เงยหน้ามองเขาทำงานเป็นระยะ ร่างบางอดชื่นชมเขาในใจไม่ได้เพราะรูปร่างสูงใหญ่นั้นช่างสง่างามยิ่งนัก ใบหน้าคมเข้มที่มีไรนวดขึ้นพอประมาณปรับลุกให้ดูเป็นเพลย์บอยยิ่งชวนให้หลงใหล ตาเรียวราวกับเหยี่ยวมองทีไรพานทำให้แข้งขาอ่อนร่ำไป จมูกโด่ง ริมฝีปากที่ไม่หนารับกับจมูกโด่งทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเครื่องหน้าที่ชวนหลงใหล

“มองขนาดนี้เอาฉันห่อกลับบ้านด้วยเลยดีไหม” พูดจบประโยคเขาก็เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาที่แม้ไม่หวานแต่ก็มีความรู้สึกละมุนจนเธอต้องรีบก้มหน้าลงอ่านนิตยสารโดยไม่ได้ตอบคำถามนั้น จึงไม่เห็นแววตาเขาที่มองเธออย่างสมเพช

..ใช่ ทุกอย่างมันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง

ผ่านไปสามสิบนาทีร่างบางนั่งปิดปากหาวมาตลอดจนชนวีร์ปิดแฟ้มงานลุกขึ้นเดินมาหาเธอ ชายหนุ่มจับข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้ง

“กลับกันเถอะ”

สองคนเดินออกมาจากบริษัทในเวลาหกโมงกว่า ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มฟ้าร้องเสียงดังจนจอมขวัญรู้สึกราวกับว่าแผ่นดินสะเทือนไปตามเสียง

ชนวีร์เปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ช่วงเวลานี้รถมักจะติดเสมอและเขาก็ยังไม่ชินเสียที

“คุณวีร์คะ ขวัญขอเปิดเพลงได้ไหม” เพราะรู้สึกว่าบนรถเงียบเกินไปเธอจึงคิดว่าเพลงน่าจะช่วยได้

“เอาสิ” เขาจัดการเปิดวิทยุให้ก็เจอกับเพลงสากลที่ความหมายช่างหวานเสียเหลือเกินจนคนฟังต้องเสมองออกไปนอกหน้าต่างทันที

“คุณวีร์ชอบเพลงแนวนี้หรือคะ”

“ก็ไม่เชิง แค่ฟังได้”

แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงชอบเพราะว่าคนรักชอบฟังเพลงสากล แนวเพลงอาร์แอนด์บี ทรายทิพย์ชอบยิ่งนักเขาจำได้ เธอชอบเพลงอะไรมักจะชวนเขาฟังเสมอและซื้ออัลบั้มเพลงเก็บไว้ ตอนนี้ในห้องของเธอเขายังคงเก็บไว้ให้อยู่

“เธอล่ะ ชอบไหม”

“ก็ไม่เชิงเหมือนกันค่ะ ขวัญฟังได้” ร่างสูงมองหน้าหวานก่อนจะพยักหน้าถามต่อ

“แล้วเธอชอบเพลงแนวไหนล่ะ”

“ขวัญไม่มีแนวหรอกค่ะ แค่ฟังแล้วรู้สึกว่าเพราะขวัญก็ชอบแล้ว”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนความชอบเรื่องเพลงกันไปเรื่อยก่อนที่ชายหนุ่มจะฝ่าด่านรถติดมาส่งเธอถึงหอพักได้

จอมขวัญส่งยิ้มให้เขาจนตาหยีแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”

“เต็มใจ” เขาพูดแค่นั้นแต่ทำเอาใบหน้าหวานซับสีเลือดทันที

..ช่วงนี้ทำไมเขาขยันพูดให้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกินนะ

ซ่า!

“โอ๊ะ! ฝนตกแล้ว” เพียงไม่นานเม็ดฝนก็หล่นลงมาเม็ดใหญ่

ชนวีร์มองหาร่มทันทีแต่ไม่มีเลย ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่ามันอยู่ที่บ้านเพราะเขาเพิ่งเอาลงเมื่อวานนี้เอง

“ฉันไม่มีร่มด้วย เอาอย่างนี้เดี๋ยวฉันเดินลงไปส่ง”

“คุณจะลงไปได้อย่างไรคะ ฝนตกขนาดนี้เดี๋ยวก็เปียกหรอก” เธอค้านอย่างไม่เห็นด้วยสักนิดด้วยความเป็นห่วงเขา

“เอาเถอะน่า ฉันไปได้แล้วกัน รอก่อนนะ” ชนวีร์หยิบเสื้อสูทของตัวเองแล้วเปิดประตูรถลงมา ชายหนุ่มยกเสื้อสูทขึ้นมาบังเม็ดฝนวิ่งตรงไปหาจอมขวัญเปิดประตูให้เธอลงมา

“มาเร็ว ฉันจะไปส่งข้างใน”

ร่างบางอึ้งสักพักก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วลงไปอยู่ภายใต้เสื้อสูทตัวหนาของเขาทันที ชนวีร์กดรีโมตล็อกรถแล้ววิ่งไปส่งหญิงสาวที่หน้าหอพัก ระหว่างทางจอมขวัญใจเต้นแรงไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับเขาถึงเพียงนี้

“ฉันเข้าไปไม่ได้ใช่ไหม มันเป็นหอหญิง” จอมขวัญพยักหน้าให้เขา ชายหนุ่มตอนนี้เปียกไปหมดทั้งตัวจนเธออดสงสารเขาไม่ได้

“ขอบคุณนะคะคุณวีร์ แล้วคุณจะกลับสภาพแบบนี้หรือคะ” และคำตอบของเขาก็คือการพยักหน้า แต่ดีที่มีชุดลำลองอยู่ภายในรถอยู่เขาคิดว่าคงจะไปจอดเปลี่ยนชุดที่ปั๊มน้ำมันเสียก่อน

“คงเป็นอย่างนั้น เธอขึ้นห้องได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบร่างสูงก็วิ่งกลับไปที่รถโดยมีเสื้อสูทเป็นร่มชั้นดีให้ตนเอง

จอมขวัญมองตามเขาไปด้วยดวงตาที่ทอประกายแห่งรักอย่างเต็มเปี่ยม

..เธอตกหลุมรักเขาอีกแล้วละ และดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะเป็นไปได้ด้วยดี

เมื่อเห็นรถคันหรูหายไปลับตาจอมขวัญจึงเดินขึ้นไปบนห้องตนเอง

..ความรักครั้งนี้เหมือนกับที่เธออ่านในนิยายเลย พระเอกโกรธนางเอกแต่เมื่อเวลาผ่านไปความโกรธจางหายความรักก็ปรากฏ เธอหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น หวังว่าเธอจะเป็นนางเอกที่โชคดีคนนั้น

ร่างบางคิดอย่างยิ้มๆ ไขกุญแจเข้าห้องอย่างมีความสุข

เมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขายาวเสร็จแล้วจอมขวัญก็ชงโอวัลตินดื่ม เธอไม่ชอบกินข้าวเย็นเสียเท่าไหร่เพราะมันจะแน่นท้องทำให้นอนไม่ค่อยหลับจึงกินอะไรที่มันเบาท้องแทน ผมที่ยังไม่แห้งเธอก็ไปนั่งผึ่งพัดลมเป็นการเป่าผมไปในตัว ใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มบางเมื่อคิดถึงเรื่องราวของเธอและชนวีร์ ก่อนจะสลดลงเมื่อคิดถึงทรายทิพย์เพื่อนรักของเธอ ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิดต่อเพื่อนแต่ตอนนี้เธอขอดื่มด่ำไปกับความรักครั้งนี้ได้หรือไม่

กุกกัก ตุ้บ!

เสียงที่ระเบียงห้องทำให้จอมขวัญชะงัก ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเงาตะคุ่มที่ระเบียงนั้น ใบหน้าหวานมองรอบห้องเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวก่อนจะเจอโคมไฟขนาดพอดีที่ข้างหัวเตียง ร่างบางเดินไปหยิบโคมไฟมาถือไว้แล้วย่องไปที่ระเบียงห้อง เธอระมัดระวังตลอดและมองไปที่เงาของคนข้างนอก จอมขวัญค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดและยกโคมไฟขึ้นสูงเตรียมจะทุบไปที่ศีรษะของโจรร้ายแต่กลับต้องอึ้งเมื่อพบว่าเงานั้นล้มเข้ามาในห้องเธอ

“ขะ คนใช่ไหม” เอ่ยเสียงสั่นก่อนจะจิ้มไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายก็ต้องโล่งอกเมื่อพบว่าเป็นคนแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่ เธอค่อยๆ พลิกเขากลับมาก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ

“คุณวีร์!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel