บท
ตั้งค่า

๔ รุก (๑)

รุก

เช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอน

ใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ

“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง

“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง

“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”

ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป

“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขา

ชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า

“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ

บนรถตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งชนวีร์เลี้ยวรถไปที่ร้านอาหารเรียบหรูที่เปิดอยู่ในซอยตรงข้ามบริษัท

“คุณวีร์จะไปไหนคะ ไม่เข้าบริษัทเหรอ”

“บริษัทเข้าตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ท้องฉันถ้าไม่ได้กินข้าวมันต้องประท้วงแน่เลย”

ดูแล้วสายตาเขาออกจะเว้าวอนจนเธอปฏิเสธไม่ลง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยเสียหน่อย ถ้าเธอคว้าเอาไว้คงไม่เสียหาย

“ก็ได้ค่ะ” จอมขวัญตอบรับ

ชนวีร์จึงจอดรถแล้วพาเธอลงไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานบางคนที่มากินข้าวที่นี่เลยแม้แต่น้อย เป็นจอมขวัญเองที่ดูจะเกร็งเมื่อพบว่ามีคนในบริษัทอยู่ด้วย

“คุณวีร์คะ มากินแบบนี้มันจะดีหรือ คนอื่นจะไม่เอาคุณวีร์ไปนินทาแย่หรือคะ”

“ฉันไม่กลัวนะ” ได้โต๊ะนั่งชนวีร์ก็บอกจอมขวัญอย่างไม่ยี่หระกับเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มจัดแจงสั่งอาหารของตนก่อนจะถามจอมขวัญ เธอเอาเพียงแค่ข้าวต้มเท่านั้นเพราะก่อนออกมาดื่มโอวัลตินไปแล้วหนึ่งแก้ว

รอไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ ทั้งสองนั่งกินโดยที่ชนวีร์ไม่ได้ใส่ใจต่อคนรอบข้าง

เมื่อเห็นข้าวผัดที่ยื่นมาตรงหน้าจอมขวัญก็เลิกคิ้วสงสัยก่อนส่งเสียงออกไป

“คะ”

“ทำไมชอบสงสัย ยื่นให้ขนาดนี้ก็ให้กิน อ้าปากแล้วกิน” คนพูดก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ชายหนุ่มเอาข้าวจ่อที่ปากของจอมขวัญทำเอาร่างบางถึงกับเขินแต่ก็กินข้าวที่เขาป้อนให้

“อร่อยไหม” เคี้ยวเสร็จหญิงสาวจึงพยักหน้าให้ ชนวีร์ก้มลงกินข้าวต่อแล้วตักข้าวผัดใส่กุนเชียงที่เขาสั่งป้อนเธออีกจนจอมขวัญแสนจะอาย ใบหน้าหวานแดงก่ำ

“พอแล้วมั้งคะ”

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับ เขายื่นช้อนมาใกล้เธออีกจอมขวัญจึงต้องกินอีกคำอย่างเสียไม่ได้

“อร่อยก็กินเยอะๆ สิ แค่ข้าวต้มมันไม่อิ่มหรอก”

“แต่ว่าคุณวีร์จะอิ่มหรือคะ”

“ก็ถ้าเธออิ่มฉันก็อิ่มแล้วละ”

ไม่รู้ว่านั้นคือประโยคจีบหรือเปล่าแต่มันก็ทำเอาเธอเขินได้เหมือนกัน แม้ดวงตาของเขาจะไร้แววหวานอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม จอมขวัญก้มหน้ากินข้าวต้มโดยพยายามไม่สนใจคนรอบข้างและคนตรงหน้าที่เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังจ้องเธออยู่

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จชนวีร์จึงพาจอมขวัญไปทำงาน เขาขับรถเข้าไปจอดแล้วเดินเข้าบริษัทพร้อมกับพนักงานใหม่ที่กำลังถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก

จอมขวัญกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้ เธอเดินเข้าบริษัทพร้อมประธานหนุ่มที่หล่อเหลาทำเอาสาวหลายคนต้องอิจฉาตาร้อนก่อนจะนำเอาเรื่องของเธอไปพูดต่อๆ กันไปโดยไม่สนใจว่าเรื่องราวก่อนหน้ามันจะเป็นอย่างไรและจริงเท็จแค่ไหนก็ตาม

“สวัสดีค่ะทุกคน” ถึงที่ทำงานจอมขวัญก็กล่าวทักทายเพื่อนร่วมงานทันที

ดาหวันยิ้มให้เธอแล้วก้มลงดูรายละเอียดงานต่อ ส่วนสองสาวก็นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเพราะเมื่อวานเธอกลับก่อนทำให้งานที่ได้รับยังไม่เสร็จและกองพะเนินจนหายใจแทบไม่ออก

“คุณจอมขวัญ เข้ามาพบผมด้วย” ปนิธิเดินออกมาจากห้องเรียกน้องสาวร่วมสถาบันเสียงขรึม ใบหน้าหล่อที่มักจะยิ้มแย้มเรียบสนิท จนสามคนที่ทำงานอยู่ต้องเงยขึ้นมามองแล้วก็ขนลุกไปตามๆ กันไม่เว้นแม้แต่จอมขวัญ

โหมดโหดของเจ้านายยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งและคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเต็มตาว่าปนิธิก็มีบทโหดกับเขาเหมือนกัน

“ค่ะ” ร่างบางเก็บของไว้ที่โต๊ะ เดินตามหัวหน้างานเข้าไปในห้องของเขาทันที

ห้องของหัวหน้าแผนกขนาดพอดีไม่ใหญ่เกินไปแต่มีมุมให้นั่งพักหรือคุยงานไว้อย่างน่ารักทางด้านขวาของห้อง

“ทำไมวันนี้มาสาย”

วันนี้แม้จอมขวัญจะไม่ได้เข้าเลตแต่ก็ช้ากว่าเวลาที่เธอมักมาปกติมากนัก ยิ่งเมื่อเช้าที่เขามาถึงบริษัทก็ได้ยินเรื่องของเธอกับท่านประธานยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนใจ

“ขวัญขอโทษนะคะที่มาสาย ถ้าจะบอกว่าตื่นสายมันก็ดูจะเป็นการแก้ตัวแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ คือขวัญตื่นสาย ขวัญขอโทษนะคะ คราวหน้าขวัญจะไม่มาสายอีกแล้ว”

สิ่งที่จอมขวัญบอกไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้สักนิด อันที่จริงปนิธิอยากถามใจจะขาดว่าทำไมถึงไปกินข้าวกับประธานบริษัทอย่างชนวีร์ได้

“เอาเถอะ พี่ก็แค่ห่วง ขวัญกลับไปทำงานได้แล้ว” มีเรื่องอยากจะถามมากมายแต่ถ้าเขาถามไปมากกว่านี้มันจะก้าวล้ำคำว่าพี่ชายหรือเปล่านั่นคือสิ่งที่ปนิธิคิด

..เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงเธอในเมื่อเธอให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายร่วมสถาบันเท่านั้น

จอมขวัญยิ้มให้ปนิธิแล้วเดินออกจากห้องไป วานิสาและอพิญญาที่เอาหูแนบประตูถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดออกมาเร็วขนาดนี้ สองสาวรีบกลับไปนั่งโต๊ะทำงานของตนเองทันที

จอมขวัญมองทั้งสอง โดยไม่ได้ว่าอะไรแล้วเริ่มทำหน้าที่ของตนเองไปเรื่อยๆ งานใหม่เริ่มมา ดีที่เธอทำงานเก่าเสร็จแล้วจึงไม่มีงานค้างต้องให้สะสาง เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีงานที่เธอทำก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

“พี่ดาคะ ขวัญทำงบประมาณปีนี้ให้เสร็จแล้วนะคะ”

ดาหวันที่กำลังตรวจเอกสารต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเรียกตรวจเอกสาร

“พี่เกือบลืมไปเลย เมื่อกี้พี่วิไลโทรมาหาพี่บอกว่าท่านประธานอยากดูงบประมาณปีนี้ ขวัญทำเสร็จแล้วก็เอาขึ้นไปให้ท่านดูเลยนะ” เธอยื่นเอกสารส่งกลับให้รุ่นน้องแล้วทำงานต่อ

จอมขวัญที่ได้รับคำสั่งก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาบ่อยขนาดนี้ หญิงสาวถือแฟ้มเอกสารออกไปจากแผนกและเมื่อลับหลังร่างบางวานิสาและอพิญญาก็เลื่อนเก้าอี้หากันโดยอัตโนมัติ

“ฉันว่าท่านประธานต้องแอบชอบขวัญอยู่แน่เลย”

“ใช่ ฉันเห็นด้วย และฉันว่าน้องขวัญของเราก็ต้องแอบมีใจให้ท่านประธานชัวร์” สองเสียงต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

“ทำงานได้แล้ว กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่เที่ยงนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้วมั้ง” แม้ว่าตาจะจ้องเอกสารแต่ดาหวันก็พูดขึ้นเสียงดัง ทำให้สองสาวสปริงตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาทำงานตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป

ดาหวันเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารพลางคิดในใจ

‘หวังว่าเรื่องที่ได้ยินคงเป็นแค่ข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเถอะนะ’

มาถึงหน้าห้องท่านประธานอย่างชนวีร์ เธอก็เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงเขาอนุญาตก็เปิดเข้าไป ตอนนี้ร่างสูงก็ยังคร่ำเคร่งกับเอกสารตรงหน้าอยู่โดยไม่ได้มองยังคนมาใหม่เลยด้วยซ้ำ

จอมขวัญเดินไปยื่นเอกสารก่อนจะนั่งลงเมื่อเขาผายมือเชิญนั่งแล้วเปิดดูเอกสาร

“เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตรวจสอบถูก” ดวงตาเรียวไล่มองตามตัวอักษร บนกระดาษอย่างละเอียด

“ค่ะ”

ชนวีร์พยักหน้าแล้วเปิดเอกสารดู พร้อมกับดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของเขาด้วย ชายหนุ่มเจอข้อสงสัยบางอย่างก็ให้จอมขวัญช่วยดูพร้อมกับให้เธอแก้ไขส่วนที่ผิด หญิงสาวจะลงไปแก้ไขที่โต๊ะทำงานของเธอแต่ชนวีร์บอกให้ทำในห้องเขาแทนเธอจึงขัดคำสั่งไม่ได้

ทั้งสองต่างเคร่งกับการทำงานของตนเองจนเมื่องานเสร็จสมบูรณ์จอมขวัญจึงเก็บเอกสารเตรียมกลับแผนกทันที

“เดี๋ยวก่อน” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอชะงัก

ชนวีร์จัดการปิดคอมพิวเตอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาเธอ

“เที่ยงครึ่งแล้วไม่หิวหรือ ไปกินข้าวกัน”

ไม่ใช่ประโยคคำถามหรือขอร้องแต่ดูแล้วจะเป็นประโยคคำสั่งเสียมากกว่าและเธอก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยเมื่อเขาคว้าแฟ้มหนาไปวางบนโต๊ะแล้วจูงมือเธอออกมาจากห้องทำงานพอดีกับที่คุณวิไลกลับมาจากรับประทานอาหารเที่ยง

“คุณวิไลผมอาจจะเข้าบริษัทช้านะ จะไปกินข้าว” สั่งเสร็จชายหนุ่มก็พาเธอเดินไปยังลิฟต์กดไปชั้นหนึ่ง

เมื่อออกมาทั้งคู่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งบริษัทและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อด้วยเพราะความสวยหล่อและเหมาะสมกันนั่นเอง พนักงานบริษัทผู้หญิงหลายคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

“คุณวีร์ ขวัญไม่ได้เอากระเป๋าลงมาด้วย”

“ช่างมัน ไม่หายหรอก”

เขาเดินมายังลานจอดรถแล้วบังคับให้เธอขึ้นไปก่อนจะขับพาเธอไปรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงแรมซึ่งห่างจากบริษัทไม่มากนัก จอดรถเสร็จชนวีร์ก็พาเธอเข้ารับประทานอาหาร ซึ่งเขาได้โทรจองโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“จะกินอะไร”

นั่งดูเมนูอาหารที่ละลานตาทำเอาจอมขวัญเลือกไม่ถูก

“เอาสเต็กปลาแซลมอนแล้วกันค่ะ” เธอสั่งเสร็จชนวีร์ก็หันไปสั่งบ้าง

พนักงานเก็บเมนูแล้วเสิร์ฟไวน์สำหรับคุณผู้ชายและน้ำส้มของคุณผู้หญิง

“คุณวีร์ไม่น่าลำบากพาขวัญมาเลยนะคะ”

“ก็ไม่ได้ลำบากตรงไหน ฉันจะมาอยู่แล้ว และการที่เธอมาด้วยมันก็ดีมากกว่าที่ฉันจะมาคนเดียว นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีกต่างหาก” มาอีกแล้วกับมุกหน้านิ่งของเขา

จอมขวัญเสมองไปทางอื่นพลางกัดริมฝีปากแก้เขิน เธอพยายามที่จะกลั้นยิ้มไว้อย่างสุดความสามารถ

“หน้าแดงนี่ไม่สบายหรือเขิน”

คำถามที่เถรตรงจนจอมขวัญต้องค้อนใส่เขาไปหนึ่งที

“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ” รอยยิ้มของเขาผุดขึ้นทำเอาใจสาวกระตุก

..นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้หัวเราะให้เธอ มันนานมากเธอแทบจะจำรอยยิ้มของเขาไม่ได้แล้ว รอยยิ้มที่เขามอบให้เพียงเธอเท่านั้น

“อาหารมาแล้ว กินเถอะ” เมื่ออาหารมาเสิร์ฟชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะชวนเธอกิน ราวกับโลกทั้งสองมีเพียงเธอและเขาเท่านั้น

จอมขวัญมองไปยังเทพบุตรตรงหน้าของเธอ ผู้ชายขี่ม้าขาวที่เธอรู้จักเมื่อเจ็ดปีก่อน แม้ต่อมาเขาจะกลายเป็นซาตาน ที่เขากำลังจะกลายร่างเป็นเทพบุตรของเธออีกครั้ง อาจจะยังไม่สมบูรณ์และเธอก็ยังไม่เชื่อสนิทใจว่าเขาจะดีกับเธอจริงหรือเปล่า

..แต่ว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel