๓ คำหวานและอดีต (๒)
จอมขวัญในอดีตไม่ได้เป็นแบบนี้สักนิด หญิงสาวผอมจนแทบจะปลิวลมได้ ผิวก็เป็นสีแทนไม่ได้ขาวอย่างเช่นปัจจุบัน ผมก็เสียและชี้ฟูแถมฟันเธอก็เหยินออกมาอีกต่างหาก หญิงสาวไม่มีส่วนไหนที่น่าพิสมัยเลยสักนิด โดนล้อบ่อยด้วยซ้ำไปว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ไม่สวย จนกระทั่งเมื่อตอนเธออยู่มัธยมศึกษาชั้นที่หก หญิงสาวไปเรียนพิเศษที่ในตัวเมืองกลับบ้านค่ำ ระหว่างทางนั้นเองมีโจรมากระชากกระเป๋าขณะที่เธอรอรถเมล์อยู่
“ช่วยด้วยค่ะ โจรกระชากกระเป๋าค่ะ ช่วยด้วย!” เพราะคนโดยรอบไม่ค่อยมีหญิงสาวจึงส่งเสียงตะโกนออกไปก่อนจะวิ่งตามโจรไปไม่คิดชีวิต กระเป๋าใบนั้นมีโทรศัพท์ที่พ่อเพิ่งซื้อให้และเธอก็หวงมันมากเสียด้วย
โจรเร็วจนเธอตามไม่ทัน หญิงสาวหอบหายใจเหนื่อยเพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอมองไปข้างหน้าไม่เห็นโจรแล้ว มันวิ่งหายลับไปพร้อมกับกระเป๋าของเธอ
..ไม่นะ เธอเพิ่งได้มือถือมาใหม่โดยแท้ ถ้าเธอเอาไปโรงเรียนเพื่อนต้องเข้ามาขอดูและเล่นกับเธอแน่นอน ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้นะ
“ฮึก จะทำยังไง” ตอนนี้ทั้งตัวเธอมีเงินแค่ยี่สิบบาทค่ารถเท่านั้น ของสำคัญทั้งหมดอยู่ในกระเป๋า
จอมขวัญนั่งร้องไห้ก่อนจะพยายามลุกขึ้นทั้งที่ใจอ่อนแรงเหลือเกิน
“ร้องไห้ทำไม พี่เอากระเป๋ามาให้แล้วนะ” เสียงอันอ่อนโยนและอบอุ่นปลุกให้จอมขวัญตื่นจากฝันร้าย เธอมองผู้ชายตรงหน้าอย่างอึ้งๆ หล่อราวกับเทพบุตรยิ่งตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวสำหรับเธอ ร่างบางนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกยิ่งชนวีร์ยิ้มให้เธอก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกราวกับต้องมนต์สะกดของเทวดาตนนี้เสียแล้ว
“เอากระเป๋าไปสิครับ” เขาบอกพร้อมกับยัดกระเป๋าใส่มือเธอเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงยังไม่หายจากอาการตกใจ
“อย่าร้องไห้อีกนะคนเก่ง ร้องไห้แล้วจะไม่สวยนะ พี่ไปแล้ว” ก่อนไปเขายีผมเธออย่างเอ็นดู
ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของเขาที่เดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม จอมขวัญมองเขานิ่งอยู่นานจนรถคันนั้นเคลื่อนออกไป ความอบอุ่นยังติดอยู่ เธอเอามือจับที่ศีรษะทันที ความอบอุ่นนี้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ ใบหน้าหล่อที่เธอจำได้แม่นยำ เขาคือรักแรกของเธอ
“เอ๊ะ! นั่น” กระดุมเม็ดสีดำตกอยู่บนพื้นและถ้าเธอเดาไม่ผิดมันคงเป็นของเขาอย่างแน่นอน ร่างบางก้มลงไปเก็บกระดุมนั้นทันที เธอยิ้มออกมาเมื่อมองพิจารณามัน
“พี่กระดุมจ๋า ไปอยู่กับขวัญดีกว่านะ” สาวน้อยนำกระดุมติดตัวกลับไปด้วย เธอโบกรถกลับบ้าน
หลังจากนั้นเป็นต้นมาจอมขวัญก็ปฏิวัติตัวเองใหม่จากคนขี้เหร่ของห้องกลายเป็นสาวสวยที่ผู้ชายต่างมาขายขนมจีบกันและแน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจพวกเขาสักนิด
วันประกาศผลสอบมาถึง จอมขวัญนั่งลุ้นเพราะเธอส่งคะแนนไปที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ และลงคณะที่มีคนลงสมัครเป็นจำนวนมากแถมคะแนนยังสูงมากอีกด้วย จอมขวัญนั่งลุ้นผลและเมื่อเปิดมาดู เธอก็ต้องกระโดดไปกอดแม่อย่างดีใจเพราะเธอติดตามที่หวัง หญิงสาววิ่งไปหาตากับยายแล้วไปกอดพร้อมทั้งผละมากอดพ่อและน้องชาย ใบหน้าหวานยิ้มออกมาอย่างยินดี
..ในที่สุดเธอก็ทำได้ แล้วตอนไหนนะจะได้เจอกับเขาอีก พี่ชายใจดีคนนั้น
ในรั้วมหาวิทยาลัย จอมขวัญถือเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งมีผู้ชายมาจีบเธอไม่ซ้ำหน้าแต่สาวสวยก็เพียรปฏิเสธไปทุกคน จอมขวัญได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดดาวมหาลัยแต่เธอไม่ได้ตำแหน่ง จอมขวัญได้ตำแหน่งขวัญใจมหาชนมาแทน ซึ่งทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยมากและควรจะได้มากกว่าอีกคนเสียด้วยซ้ำไปแต่เพราะเธอไม่มีเส้นสายจึงมาไกลได้เพียงเท่านี้
“ขวัญสวยที่สุดเลยรู้ไหม” ทรายทิพย์เพื่อนสนิทของจอมขวัญเอ่ยอย่างร่าเริงในขณะที่ช่วยเพื่อนรักหอบดอกไม้ลงมาจากเวทีการประกวด
“ไม่หรอก คนอื่นสวยกว่าขวัญตั้งเยอะ”
“ไม่ ในความรู้สึกของทรายนะ ขวัญสวยมากกว่าอีก เสียดายอะ”
สองสาวช่วยกันถือดอกไม้ออกมายังลานกว้างที่คนไม่ค่อยมี
“ขวัญ ทรายโทรบอกพี่ชายของทรายมารับแล้วนะ” เพื่อนสนิทบอกแถมยังหน้าแดงอีกด้วย
จอมขวัญมองอย่างรู้ทันแล้วอดแซ็วไม่ได้
“พี่ชายที่ทรายคิดไม่ซื่อด้วยใช่ไหมล่ะ”
ทรายทิพย์ตีไหล่เพื่อนไปหนึ่งทีเบาๆ
“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย” บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะยิ้มร่าดีใจเมื่อพี่ชายเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
จอมขวัญหันหลังไปมองก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าพี่ชายของทรายทิพย์คือคุณกระดุม ผู้ชายที่ช่วยเธอคนนั้น! หญิงสาวนิ่งอึ้งไปและเมื่อเห็นเขาเดินมาหาเพื่อนรักของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
..ทรายทิพย์ชอบผู้ชายคนนี้ และดูเหมือนว่าเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากทรายทิพย์สักเท่าไหร่
“พี่วีร์คะ นี่จอมขวัญเพื่อนของทรายเองค่ะ” ทรายทิพย์เอ่ยแนะนำให้พี่ชายรู้จักกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
ชนวีร์มองก่อนจะยิ้มให้เพียงน้อยนิดเพราะด้วยนิสัยของเขาแล้วชายหนุ่มมักไม่ชอบยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อเท่าไหร่
“ขวัญ นี่พี่วีร์พี่ชายของทรายเอง”
แนะนำกันเสร็จทรายทิพย์ก็ให้พี่ชายช่วยขนของ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือตุ๊กตาที่จอมขวัญได้รับเอาไปไว้หอของพวกเธอสองคน ทรายทิพย์อาศัยอยู่กับจอมขวัญที่หอพักในมหาวิทยาลัย เพราะอยากสัมผัสชีวิตเด็กหอตลอดระยะเวลาสี่ปีในการเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ชนวีร์ขับรถไปส่งสองสาวก่อนจะชวนทรายทิพย์ออกไปกินข้าวด้วยกันสองคน หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบจะสองปีแล้วเพราะเขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ชายหนุ่มพาน้องสาวที่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคิดกับเธอมากกว่าน้องมาที่ร้านอาหารหรูบนดาดฟ้าของโรงแรมชื่อดัง
“พี่วีร์คะ ทำไมพาทรายมาที่นี่ล่ะ”
“ทำไมครับ ทรายไม่ชอบเหรอ” ถามกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ชอบค่ะ แต่มันแพงนะ”
“แพงแค่ไหนสำหรับทรายพี่เงินจ่ายเสมอ”
คำหวานนั้นทำเอาสาวเจ้าอายม้วน เธอหันไปสั่งเมนูที่ต้องการทันทีพร้อมกับสั่งให้ชนวีร์ด้วย
บรรยากาศโรแมนติกจนทรายทิพย์อดเขินไม่ได้ สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารใต้แสงจันทร์และแสงเทียนที่ส่องสว่าง
“ทราย พี่มีของจะให้ด้วย” กล่องกำมะหยี่ถูกยื่นมาตรงหน้าทรายทิพย์
หญิงสาวหยิบมาก่อนจะเปิดดูก็พบแหวนเงินเรียบที่มีตัวอักษรสลักข้างในว่า CS เป็นชื่อย่อที่ชนวีร์มักจะใช้บ่อยจนเธอสงสัย
“ชนวีร์กับทรายทิพย์ไงครับ ชื่อของพี่กับของทราย พี่รักทรายนะ เป็นแฟนกับพี่ได้ไหม”
คำเอ่ยขอตรงๆ ทำให้น้องน้อยถึงกับพูดไม่ออก มันตื้นตันเพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไม่ใช่แค่รักข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว
..เขาขอเธอเป็นแฟน เขารักเธอเหมือนกัน
“ค่ะ” ทรายทิพย์ตอบกลับไปทันที
ชนวีร์เดินมากอดเธอแน่นในที่สุด หัวใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยผู้หญิงคนนี้ เขาสาบานว่าจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิต
หลังจากกลับมา ทรายทิพย์ก็พูดให้จอมขวัญฟังทุกเรื่องและนั่นทำให้หญิงสาวจุกจนพูดไม่ออก
..คนที่เธอแอบรัก รักแรกของเธอเป็นแฟนกับเพื่อนรักของเธอ แล้วแบบนี้เธอจะทำอะไรได้อีกละนอกจากอยู่เฉยๆ และให้เขารักกัน
คืนนั้นจอมขวัญนอนร้องไห้จนตอนเช้าตื่นมาตาบวม เธอไม่ไปเรียนบอกกับทรายทิพย์ว่าไม่สบายแล้วนอนคลุมโปง หัวใจดวงน้อยรวดร้าวเพราะทุกสิ่งที่เธอทำมาเพื่อเขาแต่เหมือนว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
..เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอกลายไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่เธอรักมากที่สุดนั่นเอง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จอมขวัญใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับทรายทิพย์และก็ต้องเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อชนวีร์มาหาคนรัก ทั้งสองแสดงถึงความรักที่มีต่อกันจนจอมขวัญอิจฉา บางครั้งเธอก็อยากเดินแทรกกลางระหว่างทั้งคู่แต่ก็ไม่กล้า เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะทรายทิพย์คือเพื่อนของเธอ เพื่อนรักที่หาได้ยาก
เวลาไปกินข้าวกันสามคนแม้จะมีทรายทิพย์อยู่ด้วยแต่ก็ดูเหมือนเธอเป็นส่วนเกิน จนเดี๋ยวนี้เธอไม่ไปกับทรายทิพย์ถ้ามีชนวีร์อยู่ด้วย และอีกอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวดคือชนวีร์แทบจะไม่คุยอะไรกับเธอเลย เขาหวานใส่แฟนสาวแต่กับจอมขวัญแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขา เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนเขาก็เงียบหรือไม่ก็ถามไถ่เธอนิดหน่อยก่อนจะทำอย่างอื่นไป ใจของเธอเจ็บจนอยากจะร้องไห้แต่เพราะร้องมันเสียทุกคืนจนน้ำตาจะไม่เหลือแล้ว
ในคืนหนึ่งที่จอมขวัญไม่สบาย หญิงสาวมานอนที่ห้องของทรายทิพย์เพราะเพื่อนสนิทบังคับว่าจะได้ดูแลกันสะดวกก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้องไปซื้อยาให้เธอ ระหว่างที่หลับนั้นเองจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอดก่อนจะจูบที่แก้มนวลเบาๆ เธอพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาช่างแข็งแรงเหลือเกิน
“พี่เอง คนดี” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เธอหยุดดิ้นนั่นทำให้ชนวีร์โจมตีด้วยการจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเธอ เขากอดเธอไว้แน่นและรู้สึกว่าคนใต้ร่างกำลังไม่สบายเพราะอุณหภูมิตัวที่ร้อนมากนั่นเองแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะแตะต้องร่างกายของเธอเพราะคิดว่าคือทรายทิพย์
ชนวีร์จูบเธออย่างดูดดื่มราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่างกายสาว เขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอและยิ่งลุ่มหลงเพราะมันช่างยั่วยวนยิ่งนัก เขาสอดมือเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางลูบหน้าท้องเนียนที่แบนราบไม่มีไขมันและขึ้นสูงไปยังดอกบัวคู่งามและก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียก่อน
“ขวัญ! ทรายมาแล้วนะ เดี๋ยวเอาโจ๊กใส่ถ้วยเข้าไปให้นะ” และนั่นทำให้ชนวีร์รีบดีดตัวออกมาทันที
ชายหนุ่มเดินไปเปิดไฟมองจอมขวัญที่นอนหน้าแดงด้วยแววตาวาวโรจน์ ผู้หญิงคนนี้คิดจะอ่อยเขาและปลอมตัวเป็นทรายทิพย์อย่างนั้นหรือ
“ไม่” จอมขวัญพูดไม่ออกเพราะเจ็บคอและร่างกายอ่อนเพลียด้วย
ชนวีร์เปิดประตูห้องออกไปเจอกับแฟนสาวทรายทิพย์ก็ตกใจ
“พี่มาหาเราแต่เห็นเพื่อนเราไม่สบายเลยอยู่ดูรอเรา” ยังไม่ทันที่ทรายทิพย์จะได้พูดอะไรร่างสูงก็พูดโดยไม่ฟังอะไรแล้วเดินไปนั่งรอข้างนอกทันที
“เขาเป็นอะไรของเขา”
เพราะไม่ได้คิดอะไรมากทรายทิพย์จึงเดินเอาโจ๊กไปให้เพื่อนพร้อมกับยาและน้ำก่อนจะเดินไปหาชนวีร์ที่นั่งรออยู่
จอมขวัญกินโจ๊กไปแล้วก็รู้สึกผิดที่เธอรู้สึกดีกับจูบของเขาเมื่อครู่ มันรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง ไม่อยากให้เขาหยุดแต่เมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์ก็เจ็บจนอยากร้องไห้ มือบางปาดน้ำตาออกอีกครั้งเมื่อน้ำตาไหลลงมาอย่างคนอ่อนแอ
“ไม่ร้องนะขวัญ” เธอปลอบตัวเองแล้วกินโจ๊กจนหมดแล้วตามด้วยยาก่อนจะนอนหลับไปในเวลาค่ำ
ในความฝันเธอฝันว่าเขาเดินมากอดเธอไว้ด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น เช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูของเธอว่ารักมากมาย
ใช่..นั่นมันก็แค่ฝันเพราะเมื่อตื่นมาพบกับความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
“เธอมันเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจและขยะแขยงที่สุด!” เมื่อเขาอยู่กับเธอสองคนเขาก็พูดขึ้น
จอมขวัญไม่ได้โต้ตอบอะไรไปเธอนิ่งเงียบ
“ขอโทษค่ะ” จอมขวัญเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินหนีออกไประหว่างที่รอเพื่อนไปสั่งอาหารอยู่ เธอเดินร้องไห้ออกมาแล้วหลบมานั่งอยู่ริมสระน้ำที่ไม่ค่อยมีคน ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนใจยิ่งเจ็บเมื่อเขาเกลียดเธอเข้าไปเสียแล้ว
“ขวัญไปไหนคะ” ทรายทิพย์มาถึงโต๊ะก็ถามหาเพื่อน
“เขาว่ามีธุระเลยให้เรากินข้าวกันสองคน ทรายซื้ออะไรมาให้พี่กินครับ” ชนวีร์ตัดบทหวานใส่แฟนสาว
เขานั่งเล่นอยู่คณะของทรายทิพย์จนค่ำถึงกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาอาลัยอาวรณ์มองอยู่
จอมขวัญมองเขาอย่างตัดพ้อเพราะตอนนั้นเขาคือเทพบุตรสำหรับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทพบุตรจะกลายร่างเป็นซาตานเสียแล้ว