๓ คำหวานและอดีต (๑)
๓
คำหวานและอดีต
แม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียที
หลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น
“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”
ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น
“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”
“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิด
ปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด
“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้น
จอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น
“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”
“พอดีว่าป้าข้างบ้านพี่แกตกบันได ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลพี่เลยต้องรีบกลับ ขวัญอย่ากลับดึกนะพี่คงต้องไปแล้ว” พูดจบเขาก็วิ่งจากไปทันทีโดยถือร่มไปด้วยทั้งๆ ที่ในใจคิดว่าจะเอาให้จอมขวัญแท้ๆ
แต่เมื่อมาถึงชั้นล่างเขาจึงเพิ่งคิดออก แม้ใจจะอยากเอาขึ้นไปให้แต่ก็ห่วงคนทางบ้านจึงฝากยามแถวนั้นเอาไว้ให้จอมขวัญแทน
ล่วงเลยเวลางานมาแล้วสามชั่วโมง ในที่สุดงานของเธอก็เสร็จเสียที จอมขวัญบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เธอเก็บสัมภาระแล้วลงมาข้างล่างก็พบว่าตอนนี้ฝนตกแรงมากพอสมควรและดูท่าว่า จะตกหนักมากอีกด้วย
“คุณขวัญครับ คุณปันฝากร่มไว้ให้ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่สนิทกันเดินมาพร้อมกับร่ม
จอมขวัญยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะคิดไปถึงรุ่นพี่ที่สนิท
..ขนาดตัวไม่อยู่ก็ยังคงห่วงใยเธอเสมอ แต่ว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาถึงเธอกางร่มไปก็คงไม่แคล้วเปียกฝนอยู่ดี
ร่างบางจึงติดสินใจว่าจะรอให้ฝนซาลงกว่านี้เสียก่อนถึงจะออกไป
“ลุงยามคะ ขวัญขอรอด้วยได้ไหมคะ ให้ฝนซาก่อน ถ้าออกไปตอนนี้มีหวังได้เปียกหมดตัวแน่”
ลุงยามใจดีพยักหน้า ร่างบางจึงเดินไปนั่งรอฝนหยุดที่โซฟาสำหรับแขกทั่วไปที่มาติดต่องานยังชั้นล่าง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดปิดเพราะได้ยินเสียงฟ้าร้อง
..บรรยากาศเย็นสบายแบบนี้ถ้าอยู่บ้านเธอคงกินข้าวกับครอบครัวแล้วนอนอย่างสบายอารมณ์
เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ตอนนี้ลุงยามไปดูท่อน้ำที่ดูเหมือนจะตันจากการที่น้ำพัดเอาขยะมาด้วยปิดทางเดินน้ำจึงต้องไปเอา ขยะที่ติดรูออก น้ำก็เพิ่มระดับสูงขึ้นเพราะฝนตกหนักและไม่มีที่ระบายมากเท่าที่ควร
“ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
เสียงขรึมทรงพลังทำให้จอมขวัญที่เหม่อลอยสะดุ้งทันที เธอเงยหน้ามอง ก็พบกับท่านประธานของบริษัทที่ยืนหน้านิ่งมองเธออยู่
“คือว่าฝนตกค่ะ ฉันเลยจะรอให้ฝนหยุดก่อน” กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้เธอก็อึ้งไปหลายวินาที จนเขาต้องมองเธอราวกับจะย้ำให้ตอบโดยเร็ว จอมขวัญจึงมีสติตอบเขาได้
ชนวีร์มองเธอแล้วดูบรรยากาศข้างนอกที่ฝนยังคงตกหนัก อันที่จริงเขาก็รีบกลับบ้านเพราะน้องสาวบอกให้กลับไปกินข้าวด้วยแต่เพราะงานที่ยังไม่เสร็จเลยต้องเคลียร์ให้เสร็จเสียก่อนจึงล่วงเลยเวลาไปมากโข
“ตามมา”
“คะ” ดูเหมือนว่าจอมขวัญจะงงกับคำพูดของชนวีร์เพราะเขาไม่ได้เติมคำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ขึ้น
ชายหนุ่มมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แล้วโน้มตัวลงไปจับข้อมือของเธอ ใช้แรงเพียงนิดเดียวก็สามารถดึงร่างบางให้ลุกขึ้นได้
“ฉันจะไปส่ง ตามมา”
นั่นยิ่งทำให้เธองงเป็นไก่ตาแตกเพราะชนวีร์ต่างจากอดีตเป็นอย่างมาก แม้จะมีแววว่าเขาไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่ระรานกลับดูเหมือนจะมีน้ำใจมากกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำไป ใจสาวน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะและเมื่อมองไปที่ข้อมือเธอก็ยิ่งหน้าแดงมากยิ่งขึ้น
ชนวีร์เดินออกมานอกบริษัทคุยกับยามสักครู่ก็พาจอมขวัญเดินไปที่จอดรถซึ่งอยู่ด้านข้างทันที เขาพาเธอเดินหลบฝนโดยที่ยังจับข้อมือเล็กไว้แน่น ทำเอาร่างบางถึงกับต้องแอบมองอยู่หลายครั้งด้วยความเขินอาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกไปให้ดูน่าเกลียด
เมื่อถึงรถจอมขวัญก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที ชนวีร์ออกรถด้วยความเร็วที่พอเหมาะ พ้นจากบริษัทรถก็ติดยาวเป็นหางว่าวเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั่นเอง
ชนวีร์สบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามหาช่องทางลัด เขาหันไปถามที่อยู่ของจอมขวัญแล้วก็พาเธอซิกแซ็กออกมาจากการจราจรที่ติดขัดมาได้
“คงติดไฟแดงอีกนาน” เมื่อมาถึงอีกทางแยกเขาก็เอ่ยขึ้นมา
จอมขวัญมองดูทางข้างหน้าก็เห็นจะจริงเพราะรถยาวมากแถมไฟเขียวก็ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“เอ่อ อันที่จริงฉันกลับเองก็ได้นะคะ” จอมขวัญบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรฉันไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้ว” เขาบอกแบบสบายๆ
จอมขวัญนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศในรถเงียบพอสมควรเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะพูด
“คิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่” คำถามที่ดูสบายๆ และชนวีร์เองก็ถามเหมือนชวนคุย
“ว่างงานมานานค่ะ เลยอยากหางานทำ” เขาพยักหน้าเข้าใจ
“เอ่อ คุณวีร์คะ” เมื่อบรรยากาศเงียบจอมขวัญก็ทนไม่ไหวเรื่องที่เธอยังคงค้างคาใจ เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะถามเขาแล้ว
“มีอะไรเหรอ”
“เรื่องเมื่อสามปีก่อนนั้น คุณหายโกรธฉันแล้วหรือคะ” เกริ่นเรื่องขึ้น
ชนวีร์ก็หน้านิ่งทันทีถึงแม้ว่าจะนิ่งอยู่แล้วก็ตาม มือที่ปล่อยสบายกำแน่นโดยที่จอมขวัญไม่ทันเห็น หญิงสาวมองเขาอย่างรอคำตอบแต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเงียบอยู่นาน
จอมขวัญจึงก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก พยายามสะกดกลั้นความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นมาเงียบๆ
“ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่...”
“โกรธ ฉันยังโกรธเธออยู่”
จบคำพูดของร่างสูง จอมขวัญก็นิ่งไปราวกับถูกน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือสาดซัดมาที่ร่าง ความเสียใจพุ่งขึ้นมาจนจุกอกและมันกำลังจะกลั่นออกมาทางตา จอมขวัญหันไปมองข้างนอกแล้วแอบปาดน้ำตาออก
“แต่กำลังพยายาม...พยายามที่จะลืมเรื่องทั้งหมด ในเมื่อทรายไปสบายแล้ว” เงียบอยู่นานชนวีร์จึงพูดขึ้น และคำพูดนั้นดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากจอมขวัญได้เป็นอย่างดี
เธอหันหน้ามาทางเขาทั้งๆ ที่ขอบตายังคงแดง ดีที่ตอนนี้ค่ำพอควรจึงมองไม่เห็นเท่าไหร่
“ฉันไม่อยากยึดติด เธอช่วยฉันให้ลืมได้ไหม”
ดวงตาเรียวทรงเสน่ห์มองมาที่เธอนิ่ง จนจอมขวัญต้องเสมองไปทางอื่นแก้เขิน ดวงตาของเขามีเสน่ห์เกินกว่าที่เธอจะมองนานได้ ยิ่งแววตานั้นดูเหมือนจะแฝงคำเว้าวอนเอาไว้ด้วย ร่างบางยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่
“ไฟเขียวแล้วค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกรถเธอเลยบอก
ชนวีร์ขับตามคันข้างหน้าไปทันทีแล้วก็ติดอีกเหมือนเดิม เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้พูดอะไรกันอีก กว่าจะผ่านการจราจรที่แน่นของเมืองหลวงมาได้ก็ร่วมสองชั่วโมงเลยทีเดียว
ชนวีร์มาจอดยังหน้าที่พักตามคำบอกของคนข้างกายบนรถในตอนนี้ รถของเขาไม่ใช่ยี่ห้อหรูแต่ทำไมในความรู้สึกของจอมขวัญมันช่างนิ่มและอบอุ่นเหลือเกิน เธอลงจากรถเพราะฝนหยุดตกไปนานแล้ว ชนวีร์เดินลงจากรถมาเช่นกัน
“คำตอบของฉันล่ะ” เขาทวงถามคำตอบจากเธอหลังจากที่ใช้เวลาคิดเสียนาน
“คะ”
“ก็ที่ฉันถามว่าให้เธอช่วยทำให้ฉันลืมเรื่องราวเมื่อสามปีก่อนได้ไหม เธอยังไม่ให้คำตอบเลยว่าได้หรือเปล่า”
ไม่พูดเปล่าร่างสูงก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของจอมขวัญด้วยระยะที่ใกล้พอสมควรในความคิดของร่างบาง เธอก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นสบตาเขาเพราะมันดูทรงพลังและพานจะทำให้เธออ่อนระทวยไปเสียทุกที
“ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกันหน่อยหรือ”
..น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นมันคืออะไร จอมขวัญคิดว่าเธอคงจะไม่มีโอกาสได้ยินเขาพูดแบบนั้นกับเธอเป็นแน่
“ฉัน” เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่ทำเอาแข้งขาอ่อนไปในทันที ระยะที่ห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่นอนเธอมั่นใจ
“ขวัญ”
“คะ”
ชนวีร์รุกหนักมาจนจอมขวัญไปไม่เป็น
“เมื่อก่อนยังแทนตัวเองว่าขวัญอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” คำเฉลยของชนวีร์ยิ่งทำให้จอมขวัญหน้าแดงเข้าไปใหญ่
เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกและใบหน้าก็แดงก่ำเสียจนเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งที่อากาศเย็นสบายแท้ๆ แต่จอมขวัญกลับร้อนที่ใบหน้า ยิ่งจ้องดวงตาเรียวของเขาด้วยแล้วยิ่งทำให้แข้งขาพานจะอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ
“เอาละ พรุ่งนี้มาให้คำตอบฉันด้วยนะ แล้วเจอกัน”
ดูท่าว่าจอมขวัญจะยังไม่ได้สติเพราะเมื่อชนวีร์เดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน เธอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย
จอมขวัญใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“ขวัญอย่างนั้นหรือ” ให้เธอแทนตัวเองว่าขวัญได้ใช่ไหม
ยิ่งคิดแก้มใสก็ยิ่งแดงเข้าไปอีกก่อนที่เธอจะเอามือมาจับสร้อยที่ห้อยคออยู่ เป็นสร้อยที่เธอเก็บไว้อย่างดีเพราะมันมีความหมายสำหรับเธอมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ดีในสายตาของใครคนหนึ่ง