บท
ตั้งค่า

๑ จุดเริ่มต้น (๒)

“ขวัญจะโทรหาบ่อยๆ นะคะ”

“จ้ะ หนูอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เธอพยักหน้าตอบรับแล้วกอดผู้เป็นมารดา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดถึงบุพการีแต่เพราะไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอออกมาต่างหาก ยิ่งครั้งนี้เธอต้องอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนรู้ใจอย่างทรายทิพย์อยู่ด้วยทำให้ยิ่งเขวไปใหญ่

“ไม่กอดพ่อหน่อยเหรอ”

จอมขวัญผละออกจากแม่แล้วเข้ากอดพ่อทันทีโดยที่คุณพ่อก็ลูบผมลูกสาวและผลักลูกออก มองใบหน้าที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ

“มีอะไรบอกพ่อได้ตลอดนะ ถ้าใครมารังแกรีบโทรหาพ่อจะเอาปืนมายิงมันถึงนี่เลย”

คำพูดนั้นทำให้เธอหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง สามพ่อแม่ลูกหัวเราะด้วยกัน

หลังจากนั้นบิดามารดาของจอมขวัญก็ขึ้นรถขับออกไปโดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของลูกสาวมองตามไปจนรถกระบะคันใหญ่ลับสายตาเธอจึงเดินขึ้นหอพักขนาดกลางที่มีห้องไม่เยอะ

ห้องของจอมขวัญไม่กว้างเท่าไหร่นักมีโซนเตียงนอนและห้องน้ำขนาดพอดี มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทีวีเท่านั้น แต่แม่ของเธอเอาเครื่องครัวที่ขนมาจากบ้านนิดหน่อยทำให้หญิงสาวมีโซนครัวขนาดเล็กอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ดูแล้วก็ไม่เล็กมากนัก

จอมขวัญจัดห้องให้ดูดีด้วยการประดับตกแต่งที่ประตูด้วยลูกปัดที่เธอทำมา แล้วติดรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เธอชอบไว้ข้างผนัง มีมุมทำงานขนาดพอดีอยู่ข้างหัวเตียง มีของอีกนิดหน่อยแต่พอหญิงสาวทำไปเรื่อยก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานพอสมควรแล้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายออกมานอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะต้องเข้าบริษัทเพื่อไปรายงานตัวแล้ว

เช้าวันต่อมาจอมขวัญตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาวิ่งกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้หอตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอไปรำไทเก็กกับคนแก่แถวนั้นจนสนิทสนมกับคุณตาคุณยายได้รับความเอ็นดู เธอเดินกลับหอพักไม่ลืมแวะซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้กลับมากินอีกด้วย

หลังจากเสร็จภารกิจจอมขวัญก็มองความเรียบร้อยตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอใส่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีครีมทับด้วยเสื้อสูทสำหรับผู้หญิงสีขาวดำแล้วสวมรองเท้าส้นสูงขนาดพอดี กระเป๋าสะพายเรียบร้อยก่อนจะรวบผมยาวสลวยสีดำแบบหางม้าแล้วจึงออกมาจากห้อง

เวลาเช้าตรู่แบบนี้แต่รถภายในเมืองหลวงก็ยังแออัด จอมขวัญขึ้นรถโดยสารเพียงต่อเดียวก็ถึงที่บริษัท เธอลงจากรถแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหารุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน

ปนิธิเป็นปู่รหัสของเธอเพราะเมื่อเธอขึ้นปีหนึ่งเขาก็อยู่ปีสี่แล้วแต่ก็ยังคงติดต่อกันตลอดมาแม้เขาจะจบไปนานแล้วก็ตาม

“พี่ปัน ขวัญอยู่หน้าบริษัทนะคะ” หญิงสาวบอกทันทีและดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรีบอยู่จึงพูดเพียงแค่ให้รออยู่ก่อนแล้วตัดสายไป

จอมขวัญเดินเข้าไปภายในแล้วนั่งรออยู่ที่โซนพักผ่อนด้านหน้า ไม่นานก็เห็นรุ่นพี่ที่คุ้นเคยเดินมาหาด้วยความเร่งรีบ แน่นอนว่าชายหนุ่มพึ่งมาถึงบริษัท

“ทำไมมาเช้าจังเลย ดีนะพี่รีบออกมาไม่อย่างนั้นเราได้รอนานแน่”

“ก็ขวัญตื่นเต้นนี่คะ ตั้งแต่จบมาขวัญเพิ่งมาบริษัทนี้เป็นที่แรก” แม้จะจบมาแล้วสี่ปีแต่เธอก็ไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนนอกจากไปทำงานที่บ้าน

จอมขวัญจบปริญญามาสองใบคือคณะบัญชีของมหาลัยชื่อดังและอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษของมหาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนไว้ หลังเรียนจบจึงกลับบ้านแล้วรับงานแปลมาทำที่บ้าน แต่เมื่อเริ่มเบื่อเธอจึงมาสมัครงานที่นี่ตามคำแนะนำของรุ่นพี่

“พี่เข้าใจ เข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคลก่อนแล้วกันนะ”

แม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแต่ก็มีพนักงานมาบ้างแล้วบางส่วน ระหว่างทางเดินไปขึ้นลิฟต์ทำให้มีคนมองตลอดทาง เมื่อหนุ่มหล่อหัวหน้าแผนกเดินคู่มากับสาวหน้าหวานที่ไม่คุ้นหน้า

“ใครหรือพี่” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยกระซิบเบาๆ ถามเพื่อนทำงานคู่ใจในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าล็อบบีเพื่อไปยังชั้นทำงานด้านบน

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าอาจจะเป็นพนักงานใหม่ แล้วทำไมคุณปันสุดหล่อถึงต้องยิ้มให้ขนาดนั้นแถมยังมารับด้วยตัวเองอีก ไม่นะ สุดหล่อของพี่” สองสาวพร่ำเพ้อถึงหนุ่มหล่อของบริษัทก่อนจะอ้าปากค้างทันทีเมื่อเจอของจริงเข้าให้

ชนวีร์เดินเข้ามาภายในบริษัทในเวลาเช้าตรู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสาวแถวนั้นละลายไปตามๆ กัน

“พี่ หนูว่านะถ้าคุณปันหล่ออบอุ่น เจ้านายคนใหม่ของเราก็หล่อแบดบอยสุดๆ เลยละ”

“ใช่ แล้วเธอชอบแบบไหนมากกว่ากันล่ะ”

“ถ้าให้หนูเลือกนะ หนูชอบแบบคุณชนวีร์มากกว่า คนอะไรไม่รู้หล่อแบดบอยสุดๆ เห็นแล้วอยากถวายชีวิตให้เลย ยอมอยู่ใต้บัญชาตลอดไป” ทำท่าเพ้อจนคนเป็นพี่ต้องห้ามปรามแล้วเริ่มทำงานทันที

ปนิธิพารุ่นน้องมารายงานตัวที่แผนกบุคคลแล้วจึงขึ้นไปยังแผนกบัญชีด้วยกัน เขาแนะนำให้คนในแผนกรู้จักกับจอมขวัญแล้วให้ดาหวันเป็นพี่เลี้ยงดูแลหญิงสาวในการทำงาน ซึ่งดาหวันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้

การทำงานเริ่มต้นขึ้น โต๊ะของจอมขวัญอยู่ข้างๆ ดาหวัน โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะเป็นโต๊ะติดกันขนาดสี่โต๊ะโดยมีผนังขนาดบางกั้นไว้และแซมด้วยกระจกใส ภายในโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารหรือของจิปาถะแล้วแต่เจ้าของโต๊ะจะจัดหามาตกแต่ง

“ทำงานดีใช้ได้เลยนะ” ดาหวันเปิดเอกสารดูผลสรุปงบประมาณกลางปีที่แล้วที่จอมขวัญทำแล้วเอ่ยปากชม หญิงสาวยิ้มรับจนตาปิด

“ขอบคุณค่ะ”

เวลาพักพนักงานทุกคนก็หยุดงานที่ตัวเองทำแล้วต่างชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงที่แคนทีน ชั้นสามของบริษัท

ปนิธิเดินออกจากห้องทำงานตรงมายังสาวสวยที่เก็บของเพื่อเตรียมไปกินข้าวกับดาหวัน พร้อมด้วยวานิสาและอพิญญา

“ไปกินข้าวกันเถอะ”

จอมขวัญหันมายิ้มให้พี่ชายคนสนิทแล้วเดินไปพร้อมกันทั้งห้าคน โดยมีสามสาวรั้งท้ายปล่อยให้จอมขวัญเดินเคียงข้างไปกับปนิธิ

“พี่ดา กิ๊ฟว่านะสองคนนั้นต้องมีซัมติงกันแน่นอน” หญิงสาวช่างเม้าธ์เอ่ยขึ้นและแน่นอนว่าเพื่อนก็เห็นด้วย

“ว่านเห็นด้วย แล้วน้องขวัญก็แสนจะสวย สวยกว่ายายนิต้าอะไรนั่นด้วย นิสัยก็ดีนะถ้าได้กับคุณปันก็เหมาะสมกันที่สุดเลยละ” คำชื่นชมที่เอ่ยมาจากใจจริงของวานิสาทำให้อพิญญาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอชอบจอมขวัญค่อนข้าง มากทีเดียวกับนิสัยนอบน้อมและยิ้มง่ายนั้น

เดินมาถึงยังแคนทีน ปนิธิก็พาจอมขวัญไปซื้อข้าวแล้วมานั่งรอสามสาวที่โต๊ะ เมื่อครบแล้วจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข โดยมีสองสาวช่างพูดอย่างวานิสาและอพิญญาเป็นผู้กุมการสนทนาทั้งหมดไปโดยปริยาย พร้อมทั้งถามเรื่องราวตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยที่ปนิธิเป็นตัวแทนเดือนคณะแต่พลาดวันประกวดเดือนมหาวิทยาลัย เพราะชายหนุ่มท้องเสียอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ทำให้พลาดตำแหน่งนั้นไปอย่างน่าเสียดาย ว่ากันว่าเขาเป็นตัวเก็งของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

“คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว ขอนิต้าคุยด้วยได้ไหมคะ” แขกไม่ได้รับเชิญพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่จอมขวัญ

“อ้าว! นิต้าก็ว่าคุ้นๆ ที่แท้ก็ขวัญนี่เอง มาทำงานที่นี่หรือจ้ะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาสองสาวช่างพูดต้องหันมามองหน้ากันแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายทันที

“ใช่ เราไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนิต้าที่นี่”

“อ่อ แน่นอนสิจ้ะ ก็พอจบมาบริษัทก็เรียกตัวนิต้ามาทำงานเลยไม่เหมือนขวัญได้ข่าวว่าไม่มีงานทำไปอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงหรือเปล่านะ” แม้สีหน้าที่พูดจะออกตลกแต่แววตาและน้ำเสียงพ่วงด้วยคำพูดเต็มไปด้วยการจิกกัดเต็มที่ทำให้บรรยากาศโต๊ะเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ขวัญอิ่มแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” ปนิธิกล่าวเสียงเข้มแล้วลุกขึ้นนำจานข้าวของตนเองและจอมขวัญเดินไปเก็บโดยที่รุ่นน้องคนสวยทำเพียงเดินตามมาเงียบๆ เท่านั้น

จอมขวัญไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เธอเลยไม่คิดที่จะโต้แย้งอะไร ถ้าทรายทิพย์อยู่ด้วยก็คงดีเพราะอีกฝ่ายคงแก้ต่างให้เธอไปแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนของเธอไม่อยู่แล้ว

“ขวัญอย่าไปใส่ใจเลยนะ”

“ไม่หรอกพี่ปัน ขวัญไม่คิดมากอยู่แล้วค่ะ ก็ขวัญไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย”

ทำไมปนิธิจะไม่รู้ว่าแม้รุ่นน้องจะบอกไม่คิดมากแต่เธอก็ยังเก็บเอาไปคิดอยู่ดี เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พาเธอมาซื้อของที่ช็อปของบริษัทด้านปีกซ้ายของชั้นเดียวกันกับแคนทีน

“ขวัญ ท่านประธานเรียกพบตอนบ่ายนะ” ดาหวันเดินมาบอกรุ่นน้องหลังจากได้รับสายจากเลขาหน้าห้องของท่านประธาน

จอมขวัญแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเลือกซื้อขนมปังและนมไว้กินตอนหิวในช่วงบ่ายเท่านั้น

กลับไปยังห้องที่ทำงานจอมขวัญก็วางสัมภาระของตนเองไว้ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของอาคาร เพื่อที่จะเข้าพบท่านประธาน เธอมาถึงก็เจอเลขาหน้าห้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารที่ได้รับมอบหมายอยู่

“ขอโทษนะคะ มาหาท่านประธานค่ะ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเลขาที่อายุกลางคนก็ขยับแว่นสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำเอาจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีครูปกครองมาตรวจเครื่องแต่งกายสมัยมัธยม

“คุณจอมขวัญใช่ไหมคะ”

“ค่ะ”

“เชิญในห้องเลยค่ะ”

จอมขวัญก้มหัวให้แล้วเคาะประตูสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปภายในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในแบบฉบับของผู้ชาย ผนังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้ท่านประธานก็กำลังยืนมองดูตึกไล่ระดับต่ำสูงภายนอกอยู่ เขาสวมสูทสีเทากับกางเกงสแล็กเนื้อดี รองเท้าถูกขัดเงาวับ

“เชิญนั่ง”

น้ำเสียงที่ทรงพลังทำให้จอมขวัญเริ่มเกร็ง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของประธานบริษัท

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จอมขวัญ”

สิ้นเสียงคนพูด ใบหน้าหวานก็ตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มหันมาใบหน้าที่คุ้นเคยมานานนับหลายปีก็ปรากฏขึ้น

“คุณวีร์” เธอเอ่ยแผ่วเบา

เขามองมาที่จอมขวัญหน้านิ่งจนไม่อาจจะคาดเดาความรู้สึกได้ ชายหนุ่มยังจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอทำอะไรไว้กับคนรักของเขาบ้าง

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ”

แววตาของเขานิ่งจนจอมขวัญอดรู้สึกกลัวไม่ได้ ถ้าเขาแสดงอารมณ์ออกมาอีกสักนิดเธอคงจะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งราวกับยอมจำนนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ค่ะ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอคุณที่นี่” เพราะเธอจำได้ว่าธุรกิจของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสินค้าการส่งออกทางการเกษตรเลยแม้แต่น้อย

“ฉันเป็นประธานบริษัทและหวังว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเจริญ รุ่งเรืองขึ้น”

“ค่ะ”

การพบกันครั้งนี้ไม่มีประโยคสนทนาอะไรต่อ ชนวีร์นั่งลงที่เก้าอี้ของตำแหน่งประธานบริษัท ชายหนุ่มมองผู้หญิงหน้าสวยที่ใจเหี้ยมตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเพียงน้อยนิด

“ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน เธอคงไม่โกงบริษัทฉันแน่ใช่ไหม”

“แน่นอนค่ะ”

เมื่อหญิงสาวรับคำด้วยท่าทางแข็งขันเขาก็พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะบอกให้เธอกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

จอมขวัญค้อมตัวก่อนจะเดินออกไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันผสมกันไปหมดจนแยกแทบไม่ออก ทั้งกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งกังวล มันเป็นไปด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน

ต่างจากอีกคนที่นั่งในห้องเขามีความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่มีต่อเธอตอนนี้

“แล้วเธอจะได้เจอนรกที่แท้จริง จอมขวัญ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel