๑ จุดเริ่มต้น (๑)
๑
จุดเริ่มต้น
ภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์
วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อน
เมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บุษบามินตรา กิจขจรไพศาล
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงสาวช่างเม้าธ์ก็รวมตัวกันทันทีเพราะจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน วานิสาเริ่มเปิดประเด็นระหว่างเก็บของเพื่อไปกินข้าวกลางวัน
“พี่ดา ได้ยินข่าวไหมว่าผู้บริหารใหม่หล่อมากกกก”
“ไม่รู้สิ ไม่เห็นได้ยิน” ดาหวันเป็นรองหัวหน้าแผนกบัญชี เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่ร่างท้วมเพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาเป็นครั้งที่สองเมื่อหกเดือนที่แล้ว
“งั้นกิ๊ฟจะเล่าให้ฟัง เขาว่ากันว่าคนนี้ชื่อคุณชนวีร์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกงจีน สุขุม เยือกเย็น ตางี้ดุ๊ดุแต่ว่านั่นแหละเสน่ห์ของผู้ชายที่แท้จริง” สาวช่างฝันอย่างกิ๊ฟพูดพร้อมกับเอามือแนบแก้มอย่างเพ้อหาเจ้าชายรูปหล่อในนิยาย
“อืมมม แล้วหัวหน้าเราล่ะ ไม่หล่อแล้วเหรอ” สองสาวส่ายหน้าพร้อมกันทันที
“หล่อสิ ยังหล่ออยู่แต่ว่าหัวหน้าเราเจอบ่อยแล้ว ตอนนี้ของใหม่เพิ่งมาเราก็ต้องเห่อของใหม่เป็นธรรมดา” สองสาวเล่าอย่างสนุกสนานก่อนจะถึงแคนทีน
ดาหวันเพียงแค่รับฟังแต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรต่อ เธอเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องคนอื่นหรือนินทาอยู่แล้วนอกจากจะเป็นเรื่องที่เธอทนไม่ไหวจริงๆ ซึ่งก็ยากมากเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความอดทนสูงพอตัว
สั่งข้าวเสร็จสามสาวก็มานั่งกินข้าวกัน สักพักก็มีหนุ่มหล่อเดินถือข้าวยิ้มออร่ามาแต่ไกลขอนั่งด้วย
“ขอนั่งกินข้าวด้วยนะครับสาวๆ ”
และแน่นอนว่าสองสาวนั้นรีบพยักหน้ายิ้มอย่างยินดีทันที
“หัวหน้าไม่ไปกินกับพี่เสกหรือคะ” กิ๊ฟหรืออพิญญาถามขึ้น
ปนิธิ ถนอมศักดิ์ หรือหัวหน้าแผนกบัญชีส่ายหน้า
“พี่เสกไปกินข้าวกับแฟนของเขาน่ะ ผมไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”
คำพูดคำจาช่างน่ารักจนทำเอาสาวสองคนถึงกับกรี๊ดอยู่ในใจ ดาหวันได้แค่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้สาวช่างเพ้อฝันปลื้มหนุ่มหล่อคนนี้อย่างขำๆ
“พี่ปันคะ นิต้านั่งด้วยนะ” สาวสวยแห่งแผนกการตลาดยิ้มหวานที่มอบให้ปนิธิโดยเฉพาะถามขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาไม่ปฏิเสธเธออยู่แล้วหรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งคือปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นองค์เจ้าแม่จะลงทันทีและเป็นเขาเองที่ขี้เกียจจะฟังเสียงอันแหลมแสบแก้วหูของเธอ
เมื่อมีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาสามสาวก็นั่งเงียบและผู้กุมบทสนทนาทั้งหมดก็คือณัฐนิตา สิริรัฐ หญิงสาวผู้ที่สวยครบสูตรและเป็นพนักงานสาวที่สวยสุดในบริษัท มีหนุ่มๆ จากแผนกต่างๆ มาขายขนมจีบให้เธออยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธอสนใจจะมีแค่ปนิธิ หนุ่มรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันเท่านั้น ทำเอาหนุ่มทั้งหลายถึงกับเศร้าใจเพราะสาวเจ้าไม่เล่นด้วย
วันต่อมา
ชนวีร์เข้ามาดูแลบริษัท เขาเดินผ่านพนักงานโดยมีสายตานับสิบคู่มองตามจนเหลียวหลังตะลึงในความหล่อราวกับนายแบบของผู้บริหารคนใหม่
วันนี้ไม่มีคณะมาต้อนรับเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารทันที ก่อนจะเข้าห้องทำงานของตัวเองไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม รอยยิ้มบนหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว สามปีที่คนรักจากไป
เนื่องจากที่เขาเข้ามาดูงานเมื่อวาน ทำให้รู้ว่าบริษัทได้เปิดรับสมัคร พนักงานใหม่แม้ว่าจะขาดทุนทำให้เขาต้องปฏิเสธไป แต่เมื่อเปิดเอกสารดูกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาสนใจ แฟ้มรับสมัครงานถูกเปิดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดอยู่ที่หน้าของผู้สมัครสาวคนหนึ่ง
“นางสาวจอมขวัญ จิดากุล หึ! เราจะได้เจอกันแน่จอมขวัญ” แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมว่ากฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนเลวได้ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นวางแผนทุกอย่าง แต่กลับมีหลักฐานไม่เพียงพอและโดนปล่อยไปในที่สุด เขาทนไม่ได้ เขาให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างสุขสบายมานานเกินไปแล้ว
..ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเขาสัญญาเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญจะได้รู้จักกับคำว่านรกอย่างแท้จริง!
“พี่จะแก้แค้นให้ทรายเอง พี่สัญญา”
ปนิธิได้รับคำสั่งให้รับพนักงานใหม่เข้ามาในแผนกนั่นก็คือจอมขวัญ โดยที่ไม่มีการสัมภาษณ์แม้ว่าใจเขาจะสงสัยแต่ก็มีความดีใจมากกว่าที่รุ่นน้องร่วมสถาบันจะได้มาทำงานที่เดียวกับตน และรุ่นน้องคนนั้นยังเป็นคนที่นั่งอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเสียด้วย ไม่รอช้าปนิธิหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาแล้วโทรหาสาวน้อยที่ตอนนี้อยู่ที่บ้านเกิดตัวเองทันที
“สวัสดีค่ะพี่ปัน” น้ำเสียงร่าเริงตอบกลับมาทำเอาใบหน้าหล่ออมยิ้ม
“พี่มีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดี ข่าวดีอะไรคะ” คำพูดที่ติดจะสงสัยยิ่งทำเอาเขายิ้มแก้มแทบปริเมื่อจินตนาการถึงรุ่นน้องคนสวยว่าจะได้มาทำงานเคียงข้างกัน
“บริษัทรับขวัญเข้าทำงานแล้วนะ”
“พี่ปันว่าอะไรนะคะ! รับเข้าทำงาน หมายความว่าไง แล้วไม่สัมภาษณ์เหรอคะ” จากที่เธอนั่งกินขนมอยู่ริมระเบียงของบ้านอย่างสบายอารมณ์สาวสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ
“พี่ก็ไม่รู้พอดีเบื้องบนเขาว่ามาอย่างนี้ สัปดาห์หน้ามาเริ่มงานได้เลยนะ”
“พูดจริงเหรอคะ พี่ปันไม่โกหกให้ขวัญดีใจเล่นแน่นะ” ใจเต้นตึกตักอย่างยินดี เมื่อรุ่นพี่บอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน
เธอรีบวางสายไป ก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างเห็นตานั่งสานกล่องข้าวอยู่ส่วนยายก็เย็บผ้า สาวน้อยไม่รอช้าวิ่งไปกอดยายกับตาแล้วบอกด้วยความตื่นเต้น
“ตาจ๋ายายจ๋า ขวัญได้งานแล้วนะ” สาวน้อยของบ้านบอกก่อนจะกอดยายแน่น ทำให้คนแก่ดีใจไปกับหลานรักด้วย ยายขิมกอดตอบหลานสาวที่รักทันที
“ยายดีใจด้วยนะ”
แล้วจอมขวัญก็หอมแก้มยายทันที
“แล้วได้งานที่ไหนล่ะ” ตาวางมือจากงานที่ทำมาสนใจเรื่องที่หลานสาวนำมาบอก แม้ตาเม่นจะเป็นคนนิ่งๆ ดวงตาออกแววดุแต่ก็รักและหวงหลานสาวมาก
“เอ่อ ที่กรุงเทพฯ จ้ะตา”
คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจตาเม่นทำหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสานกล่องข้าวต่อ ทำเอาหญิงสาวใจเสียทันที เธอผละจากยายมานวดแขนตาผู้เป็นที่รักก่อนจะออดอ้อน
“ตาจ๋า ตาจ๊ะตาจ๋า ให้ขวัญไปนะ” สาวน้อยที่อายุเลยวัยเบญจเพสมาแล้วหนึ่งปีซบไหล่ตาแล้วอ้อนเสียงหวานจนยายที่มองอยู่ต้องยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าสามีตนเองไม่สามารถทนลูกอ้อนแสนน่ารักของหลานสาวคนนี้ได้หรอก
“ไปทำไมตั้งไกล บ้านเราก็มีงานมากมายให้ทำ”
“แต่ว่าขวัญสมัครไปแล้วนี่จ๊ะ แถมทางนั้นก็ให้เงินเยอะด้วย”
ตาเม่นหันมามองหลานสาวแม้ไม่พอใจแต่พอเห็นหลานทำตาปริบๆ กับน้ำเสียงออดอ้อนท่านก็ถอนหายใจ
“ไปอยู่ก็ระวังด้วยแล้วกัน อย่าลืมโทรหาตาบ่อยๆ ”
“จ้ะ ตาจ๋าของขวัญน่ารักที่สุดเลย” จอมขวัญกอดตาก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นยายและขอตัวไปบุคคลอันเป็นที่รักอีกสองคนซึ่งตอนนี้อยู่ไร่ข้าวโพด
สาวสวยขับมอเตอร์ไซค์ไปเพื่อบอกข่าวดี เมื่อมาถึงเธอก็รีบไปบุพการีที่ดูแลคนงานอยู่ทางท้ายไร่ทันที
“พ่อจ๋า แม่จ๋า”
ทั้งสองหันมาเห็นลูกสาวก็ตกใจเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นจอมขวัญจะมาหาพ่อกับแม่ที่ไร่ อันที่จริงลูกสาวเธอก็ชอบไร่แต่มันติดตรงที่มาทีไรมักจะมีคนงานชายมองตามเสมอ จนพ่อกับแม่กลัวลูกสาวคนสวยไม่ปลอดภัยเลยไม่อนุญาตให้มาอีก
“ขวัญว่าไงลูก แล้วมาหามีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”
“ด่วนมากเลยแม่ ขวัญมีข่าวดีมากมาบอก”
คำพูดของลูกสาวทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
“ข่าวอะไรจะดีขนาดที่ให้ลูกสาวคนสวยของพ่อทนไม่ไหวต้องมาบอกพ่อถึงนี่หือ?”
“ขวัญได้งานแล้วนะจ๊ะเย้ๆ ข่าวดีมากใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงสดใสร่าเริงและใบหน้าลูกสาวที่บ่งบอกความดีใจทำให้บุพการีทั้งสองยิ้มออกมา
“แม่ดีใจด้วยนะลูก ข่าวดีอย่างนี้ต้องฉลองซะหน่อยแล้ว เย็นนี้แม่จะจัดเนื้อย่างชุดพิเศษให้เลยดีไหม” สาวน้อยพยักหน้าอย่างดีใจก่อนจะพูดคุยกับพ่อแม่สักพักค่อยขับรถกลับบ้าน
บ้านของจอมขวัญทำไร่ทำสวนทั่วไปมีคนงานที่จ้างมารายวัน กำไรก็มีเข้ามาบ้างแต่ไม่มากเพราะไม่มีการแปรรูปผลไม้นอกจากลูกสาวคนสวยของท่านจะเอามาทำเป็นขนมซึ่งก็ขายดี แต่หลังๆ มาจอมขวัญไม่ค่อยว่างเพราะมีงานแปลหนังสือเข้ามาทำให้เธอต้องเลิกการทำขนมแต่หลังจากว่างหญิงสาวก็หยุดพักยาวไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน
จอมขวัญอยู่จังหวัดขอนแก่น ครอบครัวจิดากุลมีสมาชิกทั้งหมดเจ็ดคนมีตาเม่น ยายขิม แม่ยิ้ม พ่อตูมตาม จอมขวั และกองทัพซึ่งเป็นน้องชายของจอมขวัญที่ตอนนี้ไปเป็นทหารอยู่ชายแดนประเทศลาว กลับบ้านมาเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และอีกคนคือสมชายเป็นเด็กที่ตาเก็บมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่ของเด็กชายเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตาสงสารเลยนำมาเลี้ยงไว้ตอนนี้อายุสิบสามขวบ วัยกำลังซนแต่ก็เป็นเด็กที่ดี มีความรับผิดชอบพอสมควรช่วยงานตายายตลอดเวลา
บ้านจิดากุลฉลองกันอย่างมีความสุขเมื่อลูกสาวได้งานแล้วก่อนที่วันต่อมาบิดาและมารดาของจอมขวัญจะลงไปส่งเธอที่กรุงเทพฯ และหาหอพักให้เธอ เป็นหอหญิงที่อยู่ติดถนนไม่น่ากลัวมากและเป็นแหล่งชุมชนด้วย ค่าเช่ารายเดือนไม่แพงแถมห้องยังสะอาดทำให้ท่านตกลงให้ลูกสาวอยู่ทันที
“ไม่คิดว่าจะได้มาส่งอยู่กรุงเทพฯ อีก” คุณแม่พูดขึ้นเมื่อกำลังจะกลับไปที่ขอนแก่น จอมขวัญยิ้มให้ก่อนจะจับมือแม่ของตนไว้