บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 การเป็นภรรยาผู้อื่นนี่ไม่ง่ายจริงๆ

การเป็นภรรยาผู้อื่นนี่ไม่ง่ายจริงๆ

ดวงหน้าคมเข้มของเจ้าบ่าวมิได้แต่งแต้มรอยยิ้มสักครึ่งกระผีก คิ้วคมไม่หนาไม่บางแต่กลับวาดโค้งสวยเป็นธรรมชาติเพียงขมวดเล็กน้อย ดวงตาดำขลับคู่นั้นมิอาจสะท้อนสิ่งใดนอกจากใบหน้าของนาง กุ้ยฟางเลื่อนสายตาลงต่ำไปยังริมฝีปากแดงระเรื่อของเขาและปลายคาง จากนั้นจึงตรึงสายตาไว้แค่คอเสื้อของเจ้าบ่าว

เหวินหลางมิได้คาดหวังในการแต่งงานครั้งนี้ สำหรับเขา... เจ้าสาวจะเป็นผู้ใดล้วนไม่มีความแตกต่าง แม้กระทั่งนางจะเป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายป่าเถื่อนก็ตาม แต่ภาพสาวงามใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากผู้ใดได้ยลโฉมย่อมกล้าเอ่ยได้เต็มปากว่าโฉมสะคราญล่มเมืองนี้ ก็ออกจะห่างไกลสตรีโหดร้ายที่เขานึกภาพไว้ ยิ่งเลื่อนสายตาไปยังข้อมือเล็กขาวเนียนที่โผล่พ้นชายเสื้อ คิ้วคมก็ยิ่งขมวดแน่น

เล็กถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่จะตีคน แค่บี้มดคงหมดแรงแล้วกระมัง

“เจ้าหิวหรือไม่” สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“ไม่เพคะ”

ดวงตางดงามกระจ่างดั่งสายน้ำกลางฤดูใบไม้ร่วงของนางบริสุทธิ์นัก ถึงขนาดทำให้คนที่มั่นใจว่าเคยพานพบสาวงามทั่วหล้าสะดุดลมหายใจ

“แน่ใจหรือว่าอยากดื่มสุรามงคลตอนท้องว่าง” นางพยักหน้าพลางคิดในใจ หรือควรเสแสร้งว่าตนคออ่อน แต่จากข่าวลือที่แพร่สะพัดออกไปคงไม่ทันแล้วกระมัง เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าใจได้ถูกต้องต่อไปก็แล้วกัน

“เพคะ”

เจ้าบ่าวหันไปยังโต๊ะเล็กที่เตรียมไว้ด้านข้าง กลางห้องมีเทียนหงส์คู่มังกรที่ยังสว่างไสวตั้งอยู่ มือใหญ่คว้าจอกสุราที่เทเตรียมไว้ส่งให้นาง บ่าวสาวคล้องแขนดื่มสุรามงคล

“หากไม่หิวก็นอนเถอะ วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมามาก” เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่ออีก

นางเงยหน้า ช้อนดวงตากลมโตกระจ่างใส เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดังไม่เบา “ไม่ต้องเข้าหอหรือเพคะ”

ฉินอ๋องที่ถือว่าตนเป็นผู้รักษากิริยาได้มั่นคงเสมอเกือบเผลอสำลักน้ำลายพลางคิดในใจ ข่าวลือใช่จะเหลวไหลไปเสียทุกครั้ง

แต่ในเมื่อนางเอ่ยออกมาเช่นนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

“ในเมื่อการแต่งงานครั้งนี้มิได้เกิดจากความรัก เราก็ไม่คิดจะเอาเปรียบเจ้า อีกอย่าง...วันนี้เหนื่อยมากแล้ว” กุ้ยฟางลอบแปลประโยคในใจได้ความหมายว่า ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าเป็นอันขาด ก็ร้องออกไปก่อนจะทันคิด

“ดียิ่งเพคะ”

นับเป็นครั้งแรกที่บุรุษผู้ได้รับฉายาว่ารูปงามที่สุดในแคว้นรู้สึกถูกหยามหน้า เขาแทบจะลืมรักษากิริยาถลึงตาใส่นาง

เจ้าสาวที่เห็นว่าเจ้าบ่าวยังคงนิ่งเงียบแอบกลอกตาคิด...เห็นว่าแม้ไม่ต้องปรนนิบัติเขา แต่หากไม่ทำสิ่งใดเลยก็ออกจะผิดต่อคำสอนของมารดาบนสวรรค์ แม้ว่าตลอดมานางจะไม่เคยใส่ใจคำสอนเหล่านั้นก็ตามที จึงได้แต่ฝืนมโนธรรมในใจ เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “หม่อมฉันต้องช่วยพระองค์ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์หรือไม่เพคะ”

หางคิ้วของเขากระตุกไม่หยุด ริมฝีปากแขวนรอยยิ้มแข็งค้างยามเอ่ยด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน “ไม่ต้อง เราไม่ชอบให้ผู้อื่นที่ไม่คุ้นเคยยุ่ง...” เมื่อก้มลงมองแววตาใสซื่อของนางก็ได้แต่ถอนหายใจ น้ำเสียงที่เอ่ยอ่อนลงหลายส่วน “เราจัดการเอง”

เหตุใดคนที่ไม่เคยลงให้ผู้ใดเช่นเขาต้องแพ้ดวงตาใสกระจ่างคู่นี้ของนาง!

เจ้าสาวแอบลอบถอนหายใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เฮ้อ...วิเศษยิ่ง” จากนั้นจึงเบี่ยงตัวลุกจากเตียง “เช่นนั้นหม่อมฉันเตรียมน้ำให้พระองค์สรงก่อนนะเพคะ” เดินตรงไปหลังฉากกั้นที่บ่าวรับใช้ขนหีบไม้ของนางเข้ามาไว้ให้ จัดการเปิดแล้วควานหาสิ่งของบางอย่างพลางแอบพึมพำ “อย่างไรภรรยาก็ควรเข้านอนทีหลัง การเป็นภรรยาผู้อื่นนี่ไม่ง่ายจริงๆ”

เสียงเล็กๆ แม้จะแสนเบา แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นกลับชัดเจนนัก ฉินอ๋องได้ยินดังนั้นก็ไม่อาจฝืนรอยยิ้มที่ปั้นไว้บนหน้าได้อีก ภรรยาป่าเถื่อนผู้นี้เห็นทีไม่ควรปฏิบัติต่อนางอย่างดีจริงๆ ไม่แน่ว่าการที่นางเอ่ยปากว่าจะเตรียมน้ำ อาจเตรียมเอาถังมาฟาดหัวเขาก็เป็นได้ ครั้นหันไปจะเอ่ยปากห้าม พลันคิดได้ว่ายามนี้นางก็ได้กำไรไปอักโข แต่งให้เขาก็ไม่ต้องปรนนิบัติ เช่นนั้นก็ใช้งานสักหน่อยคงไม่เสียหาย ผลัดเปลี่ยนผ้าแล้วเดินเข้าไป ไม่เอ่ยปากถามสิ่งใดต่อเพราะกลัวคำตอบของนางจะกวนอารมณ์จนขุ่นมัว ทำให้เส้นเลือดบนขมับของเขาระเบิดตั้งแต่คืนเข้าหอ

ทว่ากลิ่นหอมจางๆ ที่อบอวลมาจากอ่างน้ำกลับทำให้ความไม่พอใจของเขาลดลง ยิ่งได้แช่ตัวในน้ำอุ่นที่มีกลิ่นหอมกรุ่นยิ่งทำให้อารมณ์และร่างกายที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด เขาใช้เวลาดื่มด่ำกับการแช่น้ำ กำซาบกลิ่นหอมหวานนานกว่าปกติ ภาพสตรีป่าเถื่อนเมื่อครู่มลายหายไปจากความคิด

ขุนนางขั้นสูงหรือเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั่วไปย่อมรู้ว่าฉินอ๋องมีนิสัยเช่นไร ความชอบสูงส่งรสนิยมไม่ธรรมดา ดังนั้นยามมีข่าวว่าบุรุษที่มักทำตัวหยิ่งยโสกลับต้องแต่งงานกับสตรีป่าเถื่อน จึงนับเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่เบื้องหลัง กระทั่งตัวเขาเองยังคิดว่าอาจจะต้องแยกตำหนักกับนางถาวร เขาคงไม่อาจทนให้ผู้ใดทำกิริยาต่ำทรามปฏิบัติตัวอย่างไร้การอบรมสั่งสอนต่อหน้า

กุ้ยฟางอมยิ้มเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจมจ่อมอยู่กับกลิ่นหอมของนาง ไม่เสียแรงที่คิดค้นน้ำหอมในคืนแต่งงานซึ่งเกิดจากการผสมผสานโมลี่ฮวา ชวินอีฉาวฮวา และ หยางกันจู๋ฮวา10 ร่วมกับสมุนไพรบางอย่างเพื่อช่วยให้ผู้สูดดมรู้สึกผ่อนคลายและหลับสบาย แม้จะเตรียมใจว่าคืนนี้นางอาจต้องผ่านค่ำคืนวสันต์กับเขา แต่กลับไม่นึกอยากจะต้องลงแรงเปลืองตัวหลายครั้ง ในเมื่อมีความรู้ติดตัวเรื่องเครื่องหอม หากไม่นำออกมาใช้ก็นับว่าผิดต่อท่านแม่แล้ว

จนเมื่อล้างหน้าเช็ดแป้ง แกะมวยผมและหันไปมองอาภรณ์ของเขา สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยให้คนเป็นสามีจัดการด้วยตัวเอง เขาพูดประโยคเดียวนางก็เข้าใจ คนผู้นี้มีนิสัยรักสะอาด มีระเบียบ ไม่ชอบให้คนที่เขาไม่คุ้นเคยสนิทใจแตะต้องของใช้ส่วนตัว แต่ยามนี้นางง่วงจนตาแทบปิด นั่งนับแพะนับเครื่องเรือนในห้องวนไปจนแทบสัปหงก รอจนร่างสูงก้าวออกมาจากฉากกั้น นางก็พุ่งสวนเข้าไปด้วยความไวปานพายุหมุน

คิ้วคมที่เพิ่งผ่อนคลายกลับมาขมวดน้อยๆ ยามได้ยินเสียงสตรีป่าเถื่อนสาดน้ำโครมๆ ต้องนับหนึ่งถึงสิบแล้ววนสิบถึงหนึ่งในใจไม่ให้เดินเข้าไปหิ้วคอหวางเฟย11 ของเขาโยนทิ้งนอกห้องหอ กุ้ยฟางใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อ12 ก็โผล่ออกมาด้วยเสื้อผ้าครบชุด ผมเผ้าเปียกชื้น ฉินอ๋องต้องกัดฟันเบือนหน้าออกจากภาพอุจาดตานั้น

ช่างเป็นสตรีที่ไม่มีความสำรวมสักกระผีก!

กุ้ยฟางแลเห็นเส้นเลือดบนขมับสามีเต้นตุบๆ กลับมิได้ใส่ใจ นางเดินเช็ดผมไปเอ่ยไป “ท่านอ๋องบรรทมก่อนเถิดเพคะ”

เขานึกอยากลุกออกจากห้องหอเป็นครั้งที่ร้อย แต่อย่างน้อยก็ควรให้เกียรติ ในเมื่อนางเองก็ถูกลากลงน้ำโคลนมากับเขาในครั้งนี้ “เรายังไม่ค่อยง่วง คิดว่าจะอ่านหนังสือต่อสักหน่อย”

“อ้อ...เพคะ” น้ำเสียงของนางแหบแห้งลงทันใด ในใจเริ่มลอบด่าสามีเป็นครั้งแรก

อ๋องหน้านิ่งเอ๊ย! ทำไมท่านไม่รีบๆ นอนไปเสีย ท่านไม่นอนแล้วข้าที่เป็นภรรยาจะนอนก่อนได้อย่างไร เพ้ยๆ นอกจากจะเจ้าระเบียบแล้วยังจะเรื่องมากอีก หากรู้เช่นนี้ข้าคงผสมยานอนหลับลงในสุรามงคลให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

นางบ่นพึมพำพลางกระแทกกระทั้นเช็ดผมให้แห้ง เหวินหลางมองการกระทำของภรรยาด้วยความไม่ชอบใจ เสียดายผมดำสลวยของนาง หากเป็นคนอื่นทำเช่นนี้ เส้นผมที่ยาวถึงสะโพกคงพันกันยุ่งเหยิง หาได้สางง่ายๆ เช่นเส้นผมดำขลับดั่งเส้นไหมของนางไม่

หวางเฟยของเขาช่างเหมาะสมกับคำว่า วัวเคี้ยวโบตั๋น13 จริงๆ!

กุ้ยฟางฝืนต่อความง่วงไม่ไหว เมื่อหันไปมองร่างสูงที่ยังนั่งปักหลั่นอ่านหนังสืออยู่กลางห้องไม่มีวี่แววจะเข้านอน นางจึงโยนคำสอนของมารดาไว้ข้างๆ ก้าวย่างไปยังเตียงทันที

“ง่วงแล้วรึ”

“เพคะ” เขาเดินตามมาขณะที่นางหยุดมองผ้าสีขาวกลางเตียง เข้าใจแจ่มแจ้งว่ามันถูกเตรียมไว้เพื่อสิ่งใด นางเหลือบตามองผ้าแล้วค่อยเหลือบตามองเขา จากนั้นจึงถอนหายใจคล้ายพบเรื่องยุ่งยาก เอื้อมไปหยิบผ้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนปัญญา

“ในเมื่อพระองค์ทรงละเว้นหม่อมฉัน...” นางก้มมองผ้าขาวที่ใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าสาวในคืนเข้าหอ “แต่หม่อมฉันยังมิอยากถูกจับถ่วงน้ำ” เม้มริมฝีปาก ยื่นแขนออกมาเลือกจุดเหมาะที่จะต้องเจาะเลือดมาป้าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงแห้งแล้งไม่เต็มใจ “ในเมื่อครั้งนี้หม่อมฉันเป็นฝ่ายได้กำไร หม่อมฉันจะจัดการเองเพคะ”

ละเว้น...ได้กำไร?

ฉินอ๋องทวนถ้อยคำในใจเงียบๆ พระพักตร์บิดเบี้ยวไม่น่ามอง ฉวยผ้าจากมือเล็กจนเกือบเป็นกระชาก

“เราสองต่างได้ประโยชน์ เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการ” เขากัดนิ้วแล้วป้ายเลือดไปบนเศษผ้ายุ่งยากผืนนั้น

กุ้ยฟางมองการกระทำของสามีตาโตพลางร้องชม “ท่านอ๋องช่างสมเป็นวีรบุรุษ” ในเมื่อไม่ต้องเจ็บตัว กลายเป็นฝ่ายได้กำไร เอ่ยชมเขาสักคำไม่นับว่าเป็นเรื่องเสียหาย

ที่สุดเหวินหลางก็มิอาจรักษากิริยา ถลึงตาใส่นางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสิ้นความอดทน “ดึกมากแล้ว รีบนอนเสีย”

“เพคะ” ดวงตากลมโตใสกระจ่างและรอยยิ้มกว้างของนางสลายอารมณ์ขุ่นมัวของเขาได้ทันตาเห็นและก็ปั่นอารมณ์ของเขาต่อทันใด ยามนางคลานเข้าไปด้านในของเตียงอย่างเสียกิริยา ไม่มีท่าทีเขินอายสักครึ่งส่วน

ชายหนุ่มกำลังจะหันไปดับเทียนก็พลันชะงัก เมื่อเห็นเทียนหงส์คู่มังกรยังไม่มอดดับ หากเขาฝืนดับมันด้วยตัวเอง นั่นก็เท่ากับเป็นการสาปแช่งชีวิตคู่ในครั้งนี้ แม้ดูท่าแล้วความยุ่งยากในชีวิตของเขาจะส่อแววเริ่มต้นตั้งแต่คืนนี้ก็ตามที สุดท้ายฉินอ๋องก็ตัดสินใจก้าวขึ้นเตียงแล้วดึงม่านหน้าเตียงปิดแทน

เพราะยังมีแสงเทียนและโคมจากด้านนอก ยามเขาหันตัวนอนตะแคงข้างจึงแลเห็นใบหน้าขาวนวลไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มของนางเด่นชัด สตรีผู้นี้มิได้นอนหันหลังให้เขา แต่นอนหงายประสานมือไว้ตรงท้อง เปลือกตาปิดสนิทเห็นเพียงแพขนตางอนยาว จมูกเล็กๆ ของนางช่างเข้ากับรูปหน้า แก้มบางแม้ไม่แห้งตอบแต่ก็ไม่อิ่มเอิบ หากผู้อื่นทอดสายตามองต้องคิดว่าเขาเลี้ยงคนไม่ดี เห็นทีเขาควรสั่งให้บ่าวไพร่รีบขุนนางเพื่อรักษาหน้าตาของจวนอ๋อง

เพียงครู่คนที่เพิ่งล้มตัวลงนอนไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาก็เริ่มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ทิ้งให้ร่างสูงที่ไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ใดได้แต่กระสับกระส่ายด้วยความรู้สึกไม่คุ้นเคย ยิ่งนึกถึงว่านางเพิ่งวิ่งผ่านน้ำ ร่างกายอาจไม่ค่อยสะอาด ก็ยิ่งนึกอยากลากตัวออกไปให้นางกำนัลอาบน้ำให้ใหม่แล้วเปลี่ยนผ้าปูเตียง

ทว่าจู่ๆ คนที่นอนสงบนิ่งก็ขยับตะแคงมาทางเขา เพราะนอนใกล้กันมากผมของนางจึงตกลงมาพันกับผมของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างที่ชายหนุ่มคิดว่าสกปรกกลับหอมอบอวลช่วยขับกล่อมให้เขาเริ่มง่วงงุนอย่างน่าประหลาด

เหตุใดคนที่อาบน้ำไม่ค่อยสะอาดจึงมีกลิ่นกายหอมนัก หอมคล้ายดอกไม้ต้องแสงตะวัน ผมของนางที่พาดบนจมูกของเขาก็มีกลิ่นหอมจางๆ จนเขาแอบสูดดม

หรือบางทีการนอนร่วมเตียงกับผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเกินไป

เขาคิดพลางค่อยๆ ล่วงเข้าสู่ความฝัน ภาพเบื้องหน้าเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สีขาวสลับกับหญ้าสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มค่อยๆ ย่างเท้าลงบนความนุ่มของหญ้า ก้าวตามกลิ่นหอมไปเรื่อยๆ จวบจนกระทั่ง

ผลัวะ!

เหวินหลางรู้สึกคล้ายก้าวพลาดร่วงลงหน้าผา ก่อนจะรู้สึกเจ็บจนจุกตรงหน้าท้อง เมื่อก้มหน้ามองจึงค่อยเห็นเรียวขาขาวเนียนที่พาดอยู่

ดวงตาคมสาดประกายสังหาร นึกอยากจับหวางเฟยผู้นี้โยนออกจากห้องหอเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็นับไม่ถูก มือใหญ่ดึงขาเรียวนุ่มนิ่มของนางออกไม่เบาแรงแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เพียงขยับริมฝีปากขมุบขมิบ เขาถอนหายใจรอจนกระทั่งมั่นใจว่านางจะไม่อาละวาด จึงค่อยพริ้มตาหลับ...

ผลัวะ!

ครานี้เป็นแขนเนียนที่พาดอยู่บนหน้าผากของเขา หากไม่เห็นว่านางกำลังหลับสบาย เขาคงคิดได้อย่างเดียวว่า มู่กุ้ยฟางผู้นี้คือสตรีที่ศัตรูส่งมาทำลายจิตวิญญาณของเขา ฉินอ๋องก้าวลงจากเตียงจ้องมองเจ้าสาวและภรรยาหมาดๆ ด้วยดวงตาอาฆาต หันซ้ายหันขวาหาทางจัดการกับนางอยู่ครู่ใหญ่ แล้วค่อยแลเห็นสิ่งที่จะช่วยให้เขาหลับสบายในคืนนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel