๑.๒ จุมพิต(ไร้)สิเน่หา
กริ๊ง กริ๊งงง...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมด้วยแรงสั่นของตัวเครื่องเป็นระลอก ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากหลับ มือเรียวเล็กควานหาโทรศัพท์ยกขึ้นดู ก่อนที่อาการงัวเงียจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทร.แสนคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะพี่วิน” เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นไปด้วยความดีใจ
“สวัสดีครับขิม นอนหรือยัง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ตามแบบที่ภัคธีมาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เพิ่งนอนค่ะ นึกว่าพี่วินจะไม่โทร.กลับมาซะแล้วสิ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ตามอารมณ์ ก็นี่แฟนเธอ เธอทำแบบนี้กับเขามันก็ไม่ได้น่าเกลียด
“ขอโทษด้วยครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมาก”
“ขิมเข้าใจค่ะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ขิมอยู่ที่บ้าน”
“จริงเหรอครับ กลับมาเมื่อไหร่”
ไม่รู้ว่าภัคธีมาคิดมากไปเองหรือเปล่าที่น้ำเสียงของธาวินฟังดูตกใจมากกว่าดีใจ หรือเขาจะแค่รู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาให้เธอ จนไม่รู้ว่าเธอกลับบ้าน แต่นั่นไม่ใช่ความผิดเขาเสียหน่อย ขนาดพ่อกับน้ายังไม่รู้ว่าเธอจะมา
“เพิ่งมาถึงเมื่อบ่ายๆ นี่เองค่ะ พี่วินไม่ต้องคิดมากนะคะ ขิมมาเซอร์ไพรส์ทุกคนพร้อมกับเอาข่าวดีมาบอก ขิมไม่อยากโทร.บอกน่ะค่ะ อืม...ได้ยินน้ารสบอกว่าที่ไร่เดชาธรกำลังจะมีงานใหญ่ งานอะไรเหรอคะ” ภัคธีมาไม่รีรอที่จะถามในสิ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุซึ่งทำให้ธาวินต้องห่างเหินกับเธอไป
“ก็เอ่อ...ไม่ใช่งานสำคัญอะไรหรอกครับ”
“พี่วินคงจะยุ่งกับงานนี้มากสินะคะ ถึงไม่ค่อยมีเวลาโทร.หาขิมเลย”
“พี่ขอโทษด้วย ขิมโกรธพี่หรือเปล่า”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ขิมก็แค่น้อยใจเท่านั้นเอง แต่พอได้รู้เหตุผลแบบนี้ ขิมก็ไม่โกรธพี่วินแล้วละ แล้วพรุ่งนี้พี่วินมาหาขิมได้หรือเปล่าคะ”
ธาวินเหมือนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเหมือนเป็นกังวลอยู่นิดๆ
“ได้สิ...เดี๋ยวพี่ไปรับตอนเย็นๆ นะครับ จะพาไปเลี้ยงต้อนรับกลับบ้าน”
ได้ยินเช่นนั้นเรียวปากอิ่มสวยได้รูปก็คลี่ยิ้มกว้างๆ อย่างดีใจ
“จริงๆ นะคะ”
“ครับ...ถ้างั้นคืนนี้ฝันดีนะ”
“ฝันดีเช่นกันค่ะ”
มือบางกดปุ่มวางสายแล้วล้มตัวลงนอนใหม่อีกรอบ ความน้อยใจมลายหายสิ้นไปจนแทบไม่หลงเหลือ ความดีใจแล่นเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว แม้จะได้คุยกับธาวินแค่ไม่กี่ประโยค แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เธอก็จะได้เจอเขาแล้ว จะคุยกันมากแค่ไหนก็ได้…
เย็นวันต่อมา
ภัคธีมาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษในระหว่างรอธาวินมารับ ร่างบางเพรียวระหงก้าวจากชั้นสองลงมาตามบันไดเมื่อจวนจะถึงเวลานัดหมาย โดยมีอยุทธซึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนโซฟาในห้องโถงหันไปมองอย่างชื่นชม
“ทำไมวันนี้ลูกสาวพ่อสวยเป็นพิเศษ” คนเป็นพ่อทักขึ้นเมื่อภัคธีมาเดินเข้ามาหาและทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“พี่วินจะมารับไปทานข้าวข้างนอกค่ะ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของบิดาเจื่อนลงเล็กน้อยแต่ภัคธีมาก็สังเกตเห็น หญิงสาวนึกสงสัยว่าผู้เป็นบิดาเป็นอะไร คงไม่ใช่เกิดนึกหวงลูกสาวขึ้นมาหรอกนะ เมื่อคิดอย่างนั้นมือบางก็เลื่อนไปเกาะแขนบิดาอย่างเอาใจ
“เป็นอะไรไปคะพ่อ อย่าบอกนะว่ากำลังเล่นบทพ่อตาที่กำลังหวงลูกสาว อย่าหวงเลยนะคะ ตอนนี้ขิมจะยี่สิบห้าแล้วนะ หวงมากขายไม่ออกไม่รู้ด้วยนะ”
คำพูดนั้นทำให้อยุทธอดยิ้มไม่ได้ ก่อนที่มือหนาซึ่งมีร่องรอยของการตรากตรำทำงานหนักจะเลื่อนมาลูบผมลูกสาวและพิศมองอย่างเอ็นดู
“เรานี่ก็พูดเป็นเล่นไปเรื่อย”
“ใครว่าขิมพูดเล่น ขิมพูดความจริงต่างหาก แต่ก่อนคุณพ่อไม่เห็นจะมีปัญหา เวลาที่ขิมออกไปไหนกับพี่วินเลยนี่นา แล้วทำไมครั้งนี้ถึงทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ขิมไป”
“แล้วพ่อว่าอะไรหรือยังล่ะหือ” ผู้เป็นพ่อย้อนถามและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“แสดงว่าพ่อไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ ขิมคิดแล้วว่าพ่อต้องใจดีและเข้าใจขิมเสมอ” หญิงสาวยิ้มประจบและซบหน้าลงบนไหล่กว้างซึ่งเป็นที่พึ่งพิงและเป็นทุกอย่างของชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนโต
“เรื่องประจบเอาใจคนนี่เก่งที่หนึ่งเลยนะ”
“ก็ขิมรักพ่อนี่คะ”
เสียงรถยนต์ที่แล่นมาจอดหน้าบ้านหทัยรัตน์ดังขึ้น ทำให้สองพ่อลูกหยุดการสนทนาลงชั่วครู่ อีกไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ร่างสูงของธาวินก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วยกมือขึ้นไหว้อยุทธ
“สวัสดีครับคุณอา”
“จะไปไหนกันครับคุณวิน” อยุทธถามลูกชายคนรองของอดีตเจ้านายเก่าด้วยเสียงเรียบๆ
“ผมจะขออนุญาตคุณอาพาขิมไปเลี้ยงข้าวที่ร้านในเมืองน่ะครับ” ธาวินเอ่ยด้วยท่าทางที่มีสัมมาคารวะดังเดิม แต่ภัคธีมารู้สึกเหมือนว่าแฟนหนุ่มมีท่าทางอึดอัดไม่เป็นกันเองกับผู้เป็นบิดาของเธอเหมือนแต่ก่อน
“อืม...” อยุทธพยักหน้านิดๆ แต่ก็ยังสั่งกำชับด้วยเสียงที่เคร่งขรึมลงกว่าเดิม “ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น
“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”
ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ
“เข้าเมืองกัน”
“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”
“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอด