บท
ตั้งค่า

๑.๑ จุมพิต(ไร้)สิเน่หา

จุมพิต(ไร้)สิเน่หา

รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปไข่ของ ‘ภัคธีมา รัตนไชยกุล’ ในทันทีที่รถแท็กซี่จากสนามบินวิ่งเข้าสู่อาณาเขตของไร่ทหัยรัตน์ ซึ่งเป็นอาณาเขตเล็กๆ ขนาดแค่สิบไร่ เรียกได้ว่าเล็กมากแบบเทียบไม่ติดฝุ่นเลยกับไร่อันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ข้างๆ กัน ทว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่หญิงสาวให้ความสำคัญแต่อย่างใด สิ่งสำคัญมากกว่าความใหญ่โตของบ้านหรืออาณาบริเวณใดๆ ก็คือคนที่รอเธออยู่ที่บ้านต่างหาก

ภัคธีมากลับบ้านครั้งนี้โดยไม่ได้บอกใครล่วงหน้า กลับมาแบบปุบปับเพราะเก็บความดีใจเอาไว้คนเดียวไม่ไหว อยากจะแจ้งข่าวดีกับคนที่เธอรักด้วยตัวเอง ในยามที่ดีใจหรือเสียใจคราใด คนที่อยากพบมากที่สุดก็มีเพียงสามคน นั่นก็คือ...พ่อ น้ารส และ ‘พี่วิน’ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนสำคัญของเธอทั้งนั้น

มือบางยื่นค่าแท็กซี่ไปให้กับโชเฟอร์ จากนั้นก็ก้าวลงจากรถพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังขนาดกลางแบบสองชั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากความฝันของคนเป็นแม่ ถึงแม้ตอนนี้แม่จะไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ทว่าบ้านก็ยังเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากพ่อกับน้าที่เติมเต็มให้แก่เธอจนล้นเปี่ยมเสมอมา

“ยัยขิม!” เสียงของผู้เป็นน้าอุทานขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปกอดร่างบางของหลานสาวไว้แนบอก

“น้ารส...” ภัคธีมากอดตอบด้วยความดีใจระคนตื่นเต้นและอบอุ่นที่ได้กลับบ้านอีกครั้งหลังจากไม่ได้กลับมานานกว่าสามเดือน

“ยัยขิม!” เสียงอุทานชื่อเล่นของภัคธีมาดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังจากปากของบุรุษซึ่งเดินตามมธุรสออกมาจากบ้าน

“พ่อ...” ร่างบางผละจากอ้อมกอดของน้า แล้วเข้าไปซุกกับอกอุ่นๆ ของบิดาซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดบ้าง

“มาได้ยังไง ทำไมไม่โทร.บอกพ่อกับน้ารสก่อน จะได้ไปรับ”

“ไม่อยากให้รู้ไงคะว่ามา พ่อกับน้ารสจะได้เซอร์ไพรส์ไง ขิมมีข่าวดีมาบอกด้วยนะคะ”

“ข่าวดี?” คิ้วของอยุทธเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ภัคธีมาจึงยิ้มหวานแล้วเอ่ยตอบ

“ลูกสาวพ่อกำลังจะได้เป็นนักร้องแล้วค่ะ”

“มะ...หมายความว่า…”

“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”

“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ

“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”

“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”

“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย

“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอวลไปด้วยความรัก

บรรยากาศในไร่หทัยรัตน์ยามกลางคืนเต็มไปด้วยความเงียบสงบ อากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำ เพราะมีหยาดพิรุณโปรยปรายลงมากระทบหลังคาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ราวกับจะขับกล่อมคนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านให้นอนหลับสบาย

ร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ นำผ้าขนหนูไปพาดไว้บนราวตากผ้า หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพาตัวเองไปยังเตียงนอนที่ไม่ได้ใช้มันมานานกว่าสามเดือน เรียวปากอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ ขณะกวาดสายตามองห้องนอน ภายในตกแต่งด้วยโทนฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดของเธอ เตียงนอนเป็นเตียงสี่เสามีมุ้งสีขาวสะอาดตาทำเป็นกระโจมอย่างน่านอน ซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนั้นหากว่าตอนนี้จะไม่มีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเมื่อความแง่งอนน้อยใจแล่นเข้ามากระทบความรู้สึก เธอโทร.หาธาวินตั้งแต่มาถึง แต่เขาก็ไม่รับสายแถมยังไม่โทร.กลับ ภัคธีมานั่งลงบนเตียง มือบางควานไปหาโทรศัพท์ กดโทร.ออกหาหมายเลขคนสำคัญอีกครั้ง ก่อนจะยกขึ้นแนบหูอย่างรอคอยให้มีคนรับสาย แต่สุดท้ายก็ต้องค่อยๆ ลดมือลงแล้วกดวางด้วยความผิดหวัง

“ทำไมพี่วินไม่รับสายนะ” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเอง

“โทร.หาใครจ๊ะหลานสาวคนสวยของน้า” มธุรสที่ผลักประตูเข้ามาพอดีเอ่ยถามเสียงนุ่มเจือไว้ด้วยความอบอุ่น เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้ามุ่ยๆ

“โทร.หาพี่วินค่ะน้ารส แต่พี่วินไม่รับสายขิมเลย”

“คุณวินคงยุ่งอยู่มั้งจ๊ะ”

“ยุ่งทั้งวันเลยเหรอคะน้ารส นี่ก็ค่ำแล้วนะคะ น่าจะไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว หรือว่ากลางคืนก็ยังต้องทำงาน”

“น่าจะอย่างนั้นจ้ะ คุณวินคงยุ่ง น้าได้ยินว่าไร่เดชาธรกำลังจะมีงานใหญ่”

“อย่างงั้นเหรอคะ ถึงว่าสิคะช่วงเดือนนี้พี่วินไม่ค่อยโทร.หาขิม”

มือของผู้เป็นน้ายื่นมาไล้ผมนุ่มสลวยของหลานสาวเบาๆ ตามองอย่างอ่อนโยนเจือไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งภัคธีมากลับมองไม่เห็นความผิดปกติบนสายตาคู่นั้นเลย ด้วยเพราะกำลังหมกมุ่นและเคืองขุ่นกับความคิดเช่นนั้นของตัวเอง

“แล้วนี่ถ้าเข้าประกวด เรื่องเรียนจะเอายังไง” มธุรสชวนหลานสาวคุยเรื่องอื่นแทนเรื่องของธาวิน และค่อนข้างโล่งอกที่หลานสาวไม่ได้ซักไซ้ว่างานใหญ่ที่ว่านั่นคืองานอะไร

“ขิมคงต้องดรอปเรียนค่ะ และอาจจะต้องคืนหอพัก เพราะเสียดายค่าเช่า อีกอย่างไม่รู้ว่าหลังประกวดเสร็จแล้ว ชีวิตขิมจะเป็นยังไงต่อ”

“น้าเชื่อว่าขิมจะต้องได้เป็นนักร้องและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักตามที่ขิมฝันเอาไว้ หลานสาวของน้าเก่งอยู่แล้ว แต่น้าว่าขิมไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตอนเช้าน้าจะทำของกินอร่อยๆ ไว้รอ”

“ขิมรักน้ารสที่สุดเลย งั้นขิมขอตัวนอนพักก่อนนะคะ ฝันดีค่ะน้ารส ฝากบอกพ่อด้วยนะคะ” ภัคธีมายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มน้าสาวฟอดใหญ่ ก่อนจะยิ้มให้และกล่าวราตรีสวัสดิ์

“ฝันดีจ้ะหลานสาวคนสวยของน้า นอนซะนะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น เดี๋ยวน้าจะบอกพ่อให้”

“ค่ะน้ารส” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มให้น้า เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นอีกรอบ เมื่อมธุรสออกไปจากห้องของเธอแล้ว

ร่างบางล้มตัวลงนอน ไม่นานตาคู่สวยก็ค่อยๆ ปิดลง ภาพความทรงจำอันหวานซึ้งดุจม่านสีกุหลาบระหว่างเธอและธาวินผุดพรายขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก มันเป็นดั่งต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตจนกระทั่งถึงวัยผลิบาน ธาวินสารภาพว่าชอบเธอในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ภัคธีมาจำได้ว่าตอนนั้นเธอกำลังจะขึ้นม.6 ส่วนธาวินนั้นเรียนปริญญาตรีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากจบมัธยมเธอเองก็สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับธาวิน และเธอกับธาวินก็เปลี่ยนสถานะของความผูกพันกลายเป็นคนรักตั้งแต่ตอนนั้น ธาวินดูแลเธออย่างดี กระทั่งเขาเรียนจบและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทำให้เธอกับเขาต้องห่างกันไกลๆ เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยมาจนเขาเรียนจบกลับมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว วันนั้นเธอไปรับเขาที่สนามบินสุวรรณภูมิ อ้อมกอดและสายตาของเขาที่มองเธอยังคงอบอุ่นและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นเดิม น่าเสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อย เพราะเขาต้องต่อเครื่องไปเชียงใหม่ และเธอเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการออดิชันประกวดร้องเพลงรอบแรกที่จะมีในวันรุ่งขึ้น และยังติดภารกิจเรื่องเรียน ทำให้เธอกับธาวินต้องห่างกันไปโดยปริยายอีกครั้ง แต่เขาก็ยังโทร.มาหาเธออยู่เป็นประจำ มาห่างไปในระยะสี่ห้าสัปดาห์หลังนี่เอง...

ภัคธีมาพยายามครุ่นคิดหาเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ ธาวินคงโดนทางครอบครัวของเขากีดกัน เพราะทั้งแม่เลี้ยงแสงหล้าและศาสตรา ต่างก็เห็นว่าเธอไม่เหมาะสมกับธาวิน!

หญิงสาวสลัดความคิดนั้นทิ้ง พยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการเข้าออดิชันรอบสุดท้ายเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel