บท
ตั้งค่า

บทนำ

กริชเพียงขิม

โดย

เทียนธีรา

ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ

ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้

หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่

เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง

แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด

โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ…

รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย

เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา

บทนำ

แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ

“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”

เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป

“อุ๊ย! ฮือๆๆๆ”

เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสียหลักล้มคะมำลงเต็มแรง

หนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดที่จ้องมองร่างเล็กอยู่หลายนาทีกำลังจะขยับลงจากหลังม้า เพื่อปลอบโยนให้เธอหายจากความเจ็บและตกใจ ทว่าน้องชายของเขานั้นไวกว่า เขาจึงได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ บนหลังม้าดังเดิม

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”

“เจ็บค่ะ เจ็บมาก...” เด็กหญิงตอบเสียงสั่นเครือ ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ออกจากแก้ม ภาพนั้นช่างเป็นภาพที่ชวนให้อยากปกป้องและปลอบโยนยิ่งนัก

“มาเดี๋ยวพี่เป่าให้นะ” เด็กชายดึงมือเล็กเข้าไปหาตัว พร้อมกับเป่าลมหายใจใส่ทันที “เพี้ยง! แค่นี้ก็หายเจ็บแล้ว”

เด็กหญิงที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก ใบหน้ากลมแป้นที่เปื้อนหยาดน้ำใสเงยขึ้นมองคนที่กำลังปลอบตัวเองด้วยแววตาอันแสนไร้เดียงสา ทว่าความไร้เดียงสานั้นเจือมาด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจและซาบซึ้งระคนกัน

“ขอบคุณค่ะพี่วิน”

“พี่มีช็อกโกแล็ตด้วยนะ รับรองว่ากินแล้วจะหายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเลย”

ช็อกโกแล็ตรสนมที่ถูกห่อด้วยกระดาษฟอยสีขาวถูกยื่นให้เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า เธอรับไปแล้วแกะใส่ปาก ทันทีที่กลิ่นหอมๆ ของนมกับรสชาติหวานๆ ของช็อกโกแลตแตะลิ้น ปากเล็กๆ ก็คลี่ยิ้มออกมาจนตาหยีให้เห็นอีกครั้ง

“ขอบคุณค่ะพี่วิน ขิมหายเจ็บแล้วจริงๆ ด้วย”

“ชอบไหม...”

“ชอบค่ะ ช็อกโกแล็ตของพี่วินอร่อยจัง”

“งั้นวันหลังพี่เอามาฝากอีกนะ”

“ขอบคุณพี่วินมากนะคะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่เห็นขิมยิ้มได้เหมือนเดิมพี่ก็ดีใจแล้ว” เด็กชายส่งยิ้มละไมให้ ในขณะที่เด็กหญิงก็ยิ้มตอบด้วยแววตาใสบริสุทธิ์ ทว่าคนที่นั่งมองอยู่บนหลังม้ากลับมีใบหน้าที่เคร่งขรึมลง จากนั้นเท้าแข็งแรงจึงเตะเบาๆ ข้างตัวม้าพร้อมกับกระตุกเชือก ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น อาชาไนยสีดำก็วิ่งไปในทิศทางเดียวกับที่พระอาทิตย์กำลังจะอัสดง คนที่มองตามจึงเห็นเพียงเงาทะมึนซึ่งค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel