บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เรื่องราวในอดีต[2]

ชิงหลิงไม่ยอมนอนค้างที่จวนแต่ขอกลับไปนอนที่หมู่บ้าน ซึ่งเรื่องนี้หลี่ถงเยี่ยต้องยอมตามใจ เพราะไม่อยากฝืนใจนางมากเกินไป ในที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายไปส่งชิงหลิงกลับหมู่บ้านตามเคย

หอละคร 

หลี่ถงเยี่ยที่พึ่งกลับมาจากนอกเมือง เตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนกลางคืน เพื่อชดเชยช่วงกลางวันที่ตนเองหายไป 

"อาถง ไม่ใช่ว่าที่เจ้าหายไปเนี่ย ไปหลับนอนกับแม่ลูกอ่อนนั่นหรอกนะ" หว่านหัวอันหรี่ตามองสหายด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวานสภาพห้องพักของคุณชายหลี่ถึงกับทำให้ข้ารับใช้ปวดหัวไปตามๆ กัน

"อืม"

"หา? นะ..นี่เจ้าติดใจถึงเพียงนั้นเชียว ข้าถามพวกบ่าว เห็นพวกนั้นบอกว่านางอัปลักษณ์ด้วยมิใช่หรือ เจ้าชมชอบของแปลกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน"

"นางก็เหมือนสตรีทั่วไป หาได้เป็นของแปลกอย่างที่เจ้าว่า อ้อ ไม่สิ นางพิเศษกว่าหญิงสาวเหล่านั้นเยอะ" คุณชายหลี่เอ่ยจบก็ยกจอกสุราขึ้นจิบด้วยท่าทางอารมณ์ดี

"เฮอะ! หญิงหม้ายอัปลักษณ์ ซ้ำยังมีลูกอ่อน จะพิเศษไปได้อย่างไร ข้าว่าเจ้าถูกปีศาจล่อลวงแล้ว" หว่านหัวอันส่ายหน้าอย่างนึกดูถูก "แต่ก็ช่างเถิด มีความสุขก็ทำไป แค่อย่าคิดจริงจังก็พอ เจ้าคงไม่ลืมฐานะตัวเอง"

"ข้ารู้น่า เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่งานคืนนี้ผู้คนคงจะเยอะไม่น้อย ขนาดช่วงเย็นยังมากันเกือบจะเต็มแล้ว เจ้าสำนักเมฆาผู้นั้นเป็นใครกันแน่ เหตุใดผู้คนถึงได้ให้ความสนใจถึงเพียงนี้"

ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องชาวยุทธพวกนี้นักหรอก รู้แต่ว่า ชื่อลู่หยางเฟย เป็นคนหนุ่มอนาคตไกลที่ราชสำนักหมายตา ถึงขั้นต้องส่งเฉียนหลางอวิ้นอ๋องมาร่วมงานด้วยตัวเอง

"มาชวนให้เข้าร่วมกับราชสำนักน่ะหรือ?"

"อืม คงจะราวๆ นั้นกระมัง คืนนี้เจ้าก็คอยดูเอาเองสิ ข้าขี้เกียจจะสนใจ ข้ารู้แต่ว่างานนี้จ่ายหนักก็พอแล้ว"

ไฟแสงสีถูกตกแต่งประดับประดาขึ้นอย่างหรูหรางดงาม นางละครเริ่มออกมาทำการแสดงบนเวทีใหญ่ที่ชั้นล่าง รอบด้านชั้นลอยเต็มไปด้วยผู้คน 

ที่นั่งของโต๊ะประธาน มีชายชราวัยกลางคนนั่งอย่างสง่างาม พร้อมด้วยชายหนุ่มวัยราวสามสิบที่ดูจะสง่างามกว่ามากจนข่มอีกฝ่ายให้ดูหมองไปถนัดตา

ซึ่งเรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกอันใด เพราะไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งฐานะหรือกระทั่งบารมี เฉียนหลางอวิ้นอ๋องย่อมมีมากกว่าซ่านป๋อผู้มีตำแหน่งต่ำกว่าอยู่แล้ว

ถัดลงมา เป็นที่นั่งของท่านหญิงเหล่ยและชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร เจ้าสำนักเมฆา ลู่หยางเฟย จากนั้นก็เป็นที่นั่งของเหล่าชาวยุทธมีชื่อ วนไปจนถึงช่วงกลาง เป็นที่นั่งของเหล่าเศรษฐีในเมือง 

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลี่ ตระกูลหว่าน รวมถึงตระกูลคหบดี ต่างก็มากันจบครบ จากนั้นจะเป็นที่นั่งของเหล่าขุนนางยาวไปจนถึงซ้ายมือของอวิ้นอ๋อง

มือปราบที่ชิงหลิงเจอก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งสายตาของคนผู้นี้เอาแต่จับจ้องท่านหญิงเหล่ยไม่วางตา ส่วนหลี่ถงเยี่ยนั่งอยู่กับหว่านหัวอันพร้อมบรรดาสหายเจ้าสำราญทั้งหลายที่แถวหลัง

ในขณะที่งานเลี้ยงในหอละครเมืองหงโจวกำลังครึกครื้น แสงเทียนในกระท่อมหลังเล็กนอกเมืองก็ถูกจุดขึ้น

ชิงหลิงรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบมองไปยังแท่งเทียน ก่อนจะมองไปยังหญิงชราที่พึ่งลุกนั่งบนแคร่ ระยะห่างระหว่างทั้งสอง นับว่าค่อนข้างไกล ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ที่ท่านยายจุดเทียน

"ท่านยาย?"

"สองวันมานี้ ข้าเห็นไอสังหารในแววตาเจ้าเข้มข้น คงพบเจอศัตรูเข้าแล้วสินะ"

"ท่านรู้!!?" ชิงหลิงตกใจจนหน้าซีดเผือด

"ชิงหลิงเอ๊ย หากเจ้ายังสลัดความไร้เดียงสาของตัวเองไม่ได้ แล้วจะแก้แค้นได้อย่างไร หยุดเสียตอนนี้ก็ยังไม่สาย อย่างน้อยก็ทำเพื่อลูก"

หญิงสาวก้มหน้าลง กำสองมือแน่น ชุดดำที่นางสวมใส่ ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายแม่ค้าขายผักเมื่อตอนกลางวันเลยสักนิด ใบหน้าขาวกระจ่างใส ไร้ร่องรอยของความอัปลักษณ์โดยสิ้นเชิง

"แต่ข้า ฮึก! ท่านยาย ข้า.."

"เด็กเอ๊ย อย่าร้องไห้ มานี่มา หยิบเทียนมาด้วย" หญิงชราลุกจากเตียง สาวเท้าไปยังพื้นดินกลางกระท่อม แม้จะไม่เข้าใจ แต่ชิงหลิงก็ทำตามแต่โดยดี

"ขุดตรงนี้"

"ขุดหรือเจ้าคะ?" 

"อืม นั่นพลั่ว ขุดลงไป" ร่างบอบบางวางเทียนลง ก่อนจะไปหยิบพลั่วมาขุดตามตำแหน่งที่หญิงชราบอก 

หลังจากที่ขุดลึกลงไปพอควร ร่างของชิงหลิงก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะอาการปวดจากสองเต้า ขุดต่อไปอีกไม่เท่าไหร่ นางก็พบกับกล่องเหล็กใบหนึ่ง

ใบหน้างดงามรีบเงยขึ้นไปมองหญิงชรา 

"เอามันขึ้นมา" กล่องเหล็กถูกยกขึ้นมาจากหลุมอย่างทุลักทุเล จนกระทั่งมากองอยู่บนพื้น "เปิดมันออก ของในนั้นข้าให้เจ้า"

ชิงหลิงค่อยๆ เปิดฝากล่องด้วยมืออันสั่นเทา นางไม่รู้ว่าท่านยายตั้งใจให้อะไรกับนาง แต่ที่แน่ๆ นางเชื่อว่าทุกอย่างที่ท่านยายทำล้วนมาจากความหวังดีจากใจ

แต่ของที่อยู่ในกล่อง กลับทำให้ชิงหลิงตกตะลึงจนแข็งค้าง "นะ..นี่มัน" 

"คัมภีร์กระบี่สวรรค์ กระบี่เทวะ โอสถเซียนเพิ่มพลังวัตร ข้าหวังว่ามันจะช่วยเจ้าได้ แต่จงจำไว้ เจ้าต้องละทิ้งความใสซื่อ ไร้เดียงสาของตัวเอง ถึงเวลาฆ่าก็ต้องฆ่า!"

"ท่านยาย!"

"พลังวัตรของเจ้าแตกซ่าน ลมปราณตีกลับ ธาตุไฟเข้าแทรก ซ้ำร่างกายยังติดพิษกำหนัด คงยังไม่อาจใช้โอสถเพิ่มพลังวัตรได้ในตอนนี้ แต่การแก้แค้น สิบปีก็ยังไม่สาย จงอย่าได้หักโหม"

"ฮึก! เจ้าค่ะท่านยาย" ชิงหลิงไม่คิดเอ่ยถาม และไม่จำเป็นต้องสงสัยในตัวตนของหญิงชราเบื้องหน้า เหมือนที่ท่านยายไม่เคยถามและไม่เคยสงสัยในความเป็นมาของนาง น้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ หลั่งไหลออกมาราวทำนบแตก

"หยุดร้องไห้ได้แล้วเด็กน้อย เจ้าจะขึ้นไปบนเขามิใช่หรือ เอากระบี่ไปลองให้เคยมือสิ"

ร่างบอบบางคุกเข่าคำนับให้หญิงชราด้วยความนับถือสุดชีวิต พร้อมกับเช็ดน้ำตาราวกับเด็ก ทั้งสองไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ เพราะสิ่งที่สมควรพูด ก็พูดกันไปหมดแล้ว จากนี้จะมีเพียงแม่เฒ่าชราตาฝ้าฟางกับแม่ค้าผักผู้เป็นหลานสาวเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel