เเรกพบสนิทสนม
ณ เชิงเขาคุนหลุน
หลังจากผ่านห้วงความเป็นความตาย ในที่สุด หวงเฉินฟงที่กำลังถูกกระบี่ของดรุณีชุดเเดงจ่ออยู่กับคอหอย ก็ได้มองตามปลายกระบี่ขึ้นไปอย่างช้าๆ
{พระเจ้า} หวงเฉินฟงถึงกลับอ้าปากตาค้างร้องอุทานในใจ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ หวงเฉินฟงเพียงคิดจะหลบหลีกอันตรายเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีโอกาสได้มองหน้าผู้ที่ถือกระบี่มุ่งหมายเอาชีวิตของเขาอย่างจริงจัง เเต่ยามนี้เขาได้มองเห็นอย่างชัดเจนเเล้ว !!!
ดรุณีชุดเเดงผู้ที่ถือกระบี่จ่อคอหอย ที่อยู่เบื้องหน้าเขา มีอายุประมาณ 11-12ปี ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวผ่อง ดวงตาเปล่งประกายเเวววาว เพียงเเต่ ภายใต้เเววตานั้น ยังคงเเฝงไปด้วยความดุร้ายเเละดื้อรั้นเอาเเต่ใจ เเต่โดยรวมเเล้ว นางก็นับว่าเป็นนางฟ้าในสายตาของหวงเฉินฟงไปเเล้ว
"เเม่นาง...ท่าน..ท่านกำลังเข้าใจข้าผิดเเล้ว....ข้า...ข้าไม่ใช่โจรนะ" หวงเฉินฟงปากพูดด้วยความหวาดกลัว เเต่สายตากลับจ้องไปที่ใบหน้าของดรุณีชุดเเดงอย่างไม่ลดละ
"เหอะ ข้าน่ะเหรอเข้าใจเจ้าผิด เจ้าบอกมา เจ้ามาทำลับๆล่อๆในเส้นทางหลังเขานี้ คิดจะทำอะไร" ดรุณีชุดเเดงยังคงไม่เชื่อคำกล่าวของหวงเฉินฟง
"ข้า..ข้าเเค่ลงมา..ตักน้ำในบ่อเท่านั้น"
"ตักน้ำ ตักน้ำขึ้นไปไหน" ดรุณีชุดเเดงยังคงสอบสวนหวงเฉินฟงอย่างไม่เลิกลา
"ไป..สำนัก...นภาสวรรค์"
"ว่าไงนะ เจ้าหมายความว่าเจ้าก็เป็นศิษย์สำนักนภาสวรรค์งั้นเหรอ" ดรุณีชุดเเดงทำท่าทางตกใจ
"ใช่ๆๆ... เเม่นางท่านก็ลดกระบี่ลงก่อนเถอะ มีอะไรก็ค่อยๆพูดกัน" หวงเฉินฟงพูดพลางเอานิ้วคีบปลายกระบี่ของดรุณีชุดเเดงเบี่ยงลงอย่างช้าๆ
ฟึบ
เสียงชักกระบี่กลับของดรุณีชุดเเดง
หวงเฉินฟงกำลังมึนงงกับปฏิกิริยาของดรุณีชุดเเดง จึงได้เเต่นั่งตัวเเข็ง ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว
ดรุณีชุดเเดงก็จ้องหวงเฉินฟงด้วยเเววตาที่สงสัย พร้อมกับขมวดเคี้ยว หวงเฉินฟงก็ได้สบตาตอบอย่างไม่ลดละ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
"หรือเจ้าไม่รู้จักข้า" เสียงอันไพเราะของดรุณีชุดเเดงทำลายบรรยากาศอันกระอักกระอ่วน
"พอดีข้าพึ่งเข้าสำนักมาวันเเรกน่ะ หรือท่านก็เป็นศิษย์สำนักนภาสวรรค์งั้นเหรอ" หวงเฉินฟงเริ่มมีความกล้าที่จะโต้ตอบ ขณะนั้นหวงเฉินฟงก็ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเศษฝุ่นบนร่างกาย
"ก็ใช่น่ะสิ" ดรุณีชุดเเดงค้อนตอบ
"วิเศษไปเลย คิดไม่ถึงพวกเราจะเป็นคนกันเอง" หวงเฉินฟงยิ้มออกเเล้ว
"เเล้วทำไมเจ้าถึงลงมาตักน้ำที่เส้นทางลงหลังเขานี้ล่ะ" ดรุณีชุดเเดงยังคงสงสัยหวงเฉินฟง
"ตอนข้าเดินออกจากเขตสำนักมา ข้าเองก็ไม่ได้จำเเนกทิศทาง ก็เดินลงมาเรื่อยๆจนเจอบ่อน้ำข้างล่างนั่นน่ะ"
"หรืออาจารย์เจ้าไม่ได้บอกเจ้า ว่าเส้นทางหลังภูเขานี้เป็นเขตหวงห้าม พวกศิษย์ในสำนักน่ะ จะไปตักน้ำจากบ่อที่ทางลงด้านหน้าภูเขากัน"
"เขตหวงห้ามเหรอ เอ่อข้าเองก็ไม่รู้ อาจารย์ข้าก็ไม่ได้บอก เช่นนั้นข้าก็ต้องขอโทษเเม่นางด้วย" หวงเฉินฟงน้อมกายคำนับยอมรับผิด
พริบตานั้นหวงเฉินฟงรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ในเมื่อตนเองไม่มีสิทธิเข้ามาในเส้นทางสายนี้ เเล้วเหตุใดดรุณีชุดเเดงคนนั้นกลับเข้ามาได้เล่า
"นี่ เเล้วตัวท่านลุกล้ำเข้ามาเขตหวงห้ามได้ยังไงกัน" หวงเฉินฟงเลยถามกลับไป
ดรุณีชุดเเดงได้ยินดังนั้น จึงอึ้งอยู่ครู่หนึง นางคิดไม่ถึงว่าหวงเฉินฟงจะถามนางกลับเช่นนี้
"เจ้าไม่มีสิทธิมาถามข้าเช่นนี้ เส้นทางนี้ข้ามาวิ่งเล่นประจำตั้งหลายปีเเล้ว" ดรุณีชุดเเดงกล่าวอย่างขุ่นเคือง
ครานี้กลับกลายเป็นหวงเฉินฟงงุนงงบ้าง เขาไม่เข้าใจเหตุผลอันดื้อรั้นของดรุณีนางนี้เลยจริงๆ
"ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าท่านถูก.. ว่าเเต่เเม่นาง ข้ายังไม่ได้รู้จักชื่อเเซ่ของท่านเลย"
"ข้าชื่อตู้กูหง"
"ตู้กูหง ตู้กู ..ตู้กู" หวงเฉินฟงรู้สึกชื่อของดรุณีชุดเเดงนางนี้คุ้นชื่ออย่างเเปลกประหลาด
"ฮะ หรือว่าท่านเป็นลูกสาวของท่านเจ้าสำนักตู้กูเหิง!!" หวงเฉินฟงพลันนึกออก เเละโพล่งออกไปอย่างตกใจ
"ไม่ใช่ข้าเเล้วจะเป็นใครได้ล่ะ ผู้คนในสำนักต่างรู้จักข้า มีเเต่เจ้านี่เเหละ"
"เจ้ายังไม่เรียกข้าว่าศิษย์พี่อีก" ดรุณีชุดเเดงกล่าวอย่างนุ่มนวล
"ศิษย์...ศิษย์พี่" หวงเฉินฟงยังคงปรับอารมณ์ตามนางไม่ทัน ทั้งยังตกใจที่นางยังเป็นบุตรีของเจ้าสำนักนภาสวรรค์ด้วย จึงกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ
"เเล้วเจ้าล่ะชื่อเเซ่อะไร เจ้ารู้ชื่อข้าเเล้ว เเต่ข้ากลับยังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย"
"ข้า..ข้าชื่อหวงเฉินฟง ท่านเรียกข้าว่าเฉินฟงก็ได้"
"ดีเลย ศิษย์น้องเฉินฟง" ตู้กูหงวิ่งเข้ามาพร้อมกับตบบ่าของหวงเฉินฟง
"..." หวงเฉินฟงในใจบังเกิดความรู้สึกเเปลกประหลาดพิเศษชนิดหนึ่ง ซึ่งเเม้เเต่ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่า ความรู้สึกเเปลกประหลาดพิเศษนี้ มันคืออะไรกันเเน่
"เจ้าสังกัดตำหนักไหนเหรอ" ตู้กูหงเอียงหน้ามาถาม
ในใจหวงเฉินฟงบังเกิดรสชาติสุดทนทาน ไม่ใช่เพราะคำถามของตู้กูหง เเต่ทว่าเป็นกลิ่นหอมเจือจางที่เเผ่ออกมาจากกลิ่นกายของตู้กูหงต่างหาก
"ข้าเหรอ .... ข้าสังกัดตำหนักยินหลุน" หวงเฉินฟงหน้าเเดงตอบ
"งั้นอาจารย์เจ้าก็คืออาจารย์อาเกาเซิงน่ะสิ"
" :) " หวงเฉินฟงได้เเต่ฝืนยิ้ม เนื่องจากหยางเกาเซิงไม่ยอมรับศิษย์เช่นเขา
ขณะที่เด็กทั้งคู่ได้สนทนากันอยู่ เเสงสุดท้ายของดวงตะวันก็ได้ใกล้ลาลับไปกับขอบฟ้าเเล้ว ความมืดมิดเริ่มคืบคลานเข้ามา
"เเย่เเล้ว ฟ้าใกล้มืดเเล้ว ข้าต้องไปตักน้ำในบ่อใหม่" หวงเฉินฟงโพล่งอย่างตกใจ พร้อมกับวิ่งไปเก็บถังใส่น้ำที่กระเด็นอยู่ที่พื้นอย่างลุกลี้ลุกลน
ในขณะที่หวงเฉินฟงกำลังก้มตัวเก็บถังใส่น้ำอยู่นั้น กลับมีมือขาวผ่องข้างหนึ่งมาจับข้อมือเขาไว้ นั่นเป็นข้อมือของตู้กูหง!!!
หวงเฉินฟงเหลียวหน้าไปมองหน้าตู้กูหงอย่างช้าๆ ด้วยความสงสัย
"ศิษย์น้องเฉินฟง ในเมื่อข้าเป็นคนทำให้น้ำที่ตักมาของเจ้าเสียไป งั้นข้าจะลงเขาไปกับเจ้าอีกซักรอบ" ตู้กูหงกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจ
พริบตานั้นหวงเฉินฟงรู้สึกซาบซึ้งต่อน้ำใจของตู้กูหงอย่างมาก คิดไม่ถึง เส้นทางที่มืดมิดสายนี้ จะยังมีผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาอยู่
"ขอบคุณศิษย์พี่"
"ฟ้าใกล้มืดเเล้ว พวกเราไปกัน" ตู้กูหงพูดพลางจูงมือหวงเฉินฟงวิ่งลงเขาไปตามเส้นทางเดิม
ฟ้ามืดค่ำเเล้ว
บ่อน้ำเก่าเเก่บ่อนั้นยังคงอยู่ที่เดิม เส้นทางรอบข้างยังคงปกคลุมไปด้วยพงหญ้ารกทึบ
หวงเฉินฟงกับตู้กูหงบัดนี้มาถึงหน้าบ่อน้ำเก่าเเก่นั้นเเล้ว
หวงเฉินฟงไม่รีรอ รีบถือถังน้ำวิ่งตรงไปยังที่ปากบ่อ พร้อมกับก้มตัวลงไปตักน้ำในบ่อขึ้นมา ตู้กูหงยืนมองหวงเฉินฟง เเล้วยืนยิ้มอย่างมีความสุข
เมื่อหวงเฉินฟงตักน้ำขึ้นมาเสร็จ ก็วางถังน้ำไว้ยังข้างบ่อน้ำ เเล้วยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อของตน
หลังจากตรากตรำมาเนิ่นนาน เวลานี้ร่างกายของหวงเฉินฟงได้ถึงขีดจำกัดเเล้ว หวงเฉินฟงจึงค่อยๆรูดตัวนั่งลงที่ข้างบ่ออย่างช้าๆ
ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงเดินมานั่งข้างกายหวงเฉินฟง
"ในที่สุดฟ้าก็มืดเเล้ว" หวงเฉินฟงพูดพลางถอนหายใจ
"ข้าว่าร่างกายเจ้าคงเหนื่อยล้ามากเเล้วล่ะ มิสู้เจ้าพักอยู่ที่นี่คืนนึง ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง" ตู้กูหงกล่าวอย่างเป็นห่วง
"เเต่ว่าอาจารย์บอกให้ข้า ลงเขาตักน้ำไปให้เขาก่อนตะวันตกดิน เช่นนี้ ข้าคงจะต้องถูกอาจารย์ลงโทษเป็นเเน่" หวงเฉินฟงฝืนยิ้มตอบ
"เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับอาจารย์เจ้าให้ อาจารย์เจ้ายังไงก็ต้องเห็นเเก่หน้าข้าบ้างเเหละ" ตู้กูหงพูดอย่างกระหยิ่มใจ
"ขอบคุณศิษย์พี่" หวงเฉินฟงหันไปมองหน้าตู้กูหงอย่างซึ้งใจ
ยามนี้จันทราได้ล่องลอยขึ้นสุดฟ้าเเล้ว
บนท้องฟ้าที่มืดมิด ไร้ซึ่งดวงดาวหรือเเสงไฟใดๆ
มีเงาร่างสองสาย นั่งอยู่เคียงข้างกันริมบ่อน้ำเก่าเเก่เเห่งหนึ่ง.......