บท
ตั้งค่า

เข้าตำหนักใหญ่นภาสวรรค์

สำนักนภาสวรรค์ ยอดเขาคุนหลุน

สำนักนภาสวรรค์จัดเป็นสำนักที่เที่ยงธรรมเเนวหน้าของยุทธภพ เนื่องจากปรมาจารย์ของสำนักนี้เป็นคนเเรกที่บรรลุวิชาเซียนขั้นสุดยอด ผู้คนทั้งหลายในยุทธภพต่างให้การยอมรับนับถือ ปรมาจารย์ได้ก่อตั้งสำนักนภาสวรรค์ขึ้นเมื่อพันกว่าปีก่อน สร้างตำหนักน้อยใหญ่ตามยอดเขา กว่า 400 ตำหนัก มีศิษย์สืบทอดกันมากว่าหลายร้อยรุ่น จูเกอะซิ่งเหยียนก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น

ยามนี้จูเกอะซิ่งเหยียนได้เหินกระบี่พาหวงเฉินฟงเเละหลิวม่ออิง ขึ้นมาถึงยอดเขาทางเข้าตำหนักใหญ่ของสำนักนภาสวรรค์เเล้ว

ทางเดินสู่ตำหนักใหญ่สำนักนภาสวรรค์นั้นเป็นทางเดินสีขาว ข้างทางเดินเต็มไปด้วยรูปปั้นสัตว์ประหลาด ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัตว์วิเศษที่คนที่นี่ให้ความนับถือ ทั้งสามคนต่างกำลังเดินผ่านเส้นทางสายนี้อยู่

"ว้าว ข้าคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าในโลก จะมีสถานที่ใหญ่โตโออ่าเช่นนี้ได้" หลิวม่ออิงสำรวจสถานที่ไปมาเเทบไม่อยากเชื่อสายตัวเอง

"นั่นมันรูปปั้นอะไรกันน่ะ ดูคล้ายๆมังกรเเต่ก็ไม่เชิง" หวงเฉินฟงกำลังสงสัยเรื่องรูปปั้นสัตว์ประหลาด

เเต่ที่น่าเเปลกคือ จูเกอะซิ่งเหยียนกลับไม่โต้ตอบด้วย เขากลับกลายเป็นมีสีหน้าเคร่งเครียดรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าตัวตำหนักใหญ่ เด็กทั้งสองคนจึงรีบเร่งตามไป

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ศิษย์น้องซิ่งเหยียนขอเข้าพบ"

เสียงของจูเกอะซิ่งเหยียนดังขึ้นที่หน้าตำหนักใหญ่

"ขนาดท่านจูเกอะ ยังต้องนอบน้อมต่อบุคคลข้างในนั้น เเสดงว่าบุคคลนั้นต้องไม่ธรรมดา" หลิวม่ออิงหันไปกระซิบข้างหูกับหวงเฉินฟง

หวงเฉินฟงก็พยักหน้าตามด้วยความเหม่อลอย

"เข้ามาได้"

เสียงอันทรงพลังที่คนที่ฟังต้องมีความยำเกรงเสียงหนึ่ง ดังมาจากข้างในตำหนักใหญ่ จูเกอะซิ่งเหยียนโบกมือเป็นสัณญาณให้เด็กน้อยสองคนตามตนเองเข้าไป ก่อนตัวเองจะเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่

หวงเฉินฟงเดินเข้าห้องโถงใหญ่กวาดตาดูโดยรอบ เห็นห้องโถงนี้กว้างใหญ่ราวกับท้องพระโรงของวังหลวงเลยก็ไม่ปาน ห้องโถงนี้ตกเเต่งไปด้วยผืน

ผ้าสี้ฟ้า ดั่งสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ยังไงยังงั้น จากนั้นหวงเฉินฟงถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อมองไปเบื้องหน้าของตนเอง

เบื้องหน้าของหวงเฉินฟงนั้น เป็นกลุ่มบุรุษสตรีวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งนั่งเรียงกัน เหมือนกำลังปรึกษาเรื่องอะไรกันอยู่ กลุ่มบุรุษวัยกลางคนเบื้องหน้านั้นมี5คน ดูทุกคนมีวัยประมาณ 50 เศษ ส่วนสตรีมี1คน มีวัยประมาณ 40 เศษ สตรีนางนั้นเเม้จะย่างเข้าสู่วัยกลางคนเเล้วเเต่ว่ายังคงมีเค้างามเเห่งความสวยงาม เชื่อว่าเมื่อตอนนางยังเเรกรุ่นๆคงต้องเป็นหญิงงามนางหนึ่งเป็นเเน่

บุรุษวัยกลางคนที่นั่นตรงกลางนั้นดูไปเหมือนเป็นหัวหน้าของที่นี่ บุรุษผู้นั้นมีใบหน้าที่เย็นชา ผมเผ้าเป็นสีขาวโพลนทั้งหัว รวมทั้งยังไว้เคราที่ยาวสีขาวโพลนด้วย

"ศิษย์น้องซิ่งเหยียน ภารกิจสำเร็จหรือไม่" นี่เป็นคำเเรกที่ออกจากปากบุรุษวัยกลางคนที่นั่งตรงกลางผู้นั้น

"เรียนศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง" ที่เเท้บุรุษวัยกลางคนผมขาวโพลนที่นั่งตรงกลางผู้นั้นก็คือ เจ้าสำนักนภาสวรรค์ ซึ่งมีชื่อว่าตู้กูเหิง

"เรื่องนี้ข้าไม่ไว้ใจใช้ศิษย์รุ่นหลังไปทำ ข้าจึงมีเเต่ต้องไหว้วานเจ้าศิษย์น้องซิ่งเหยียน"

"ศิษย์พี่เจ้าสำนักท่านอย่าได้เกรงใจไปเลย" จูเกอะซิ่งเหยียนตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม

"ศิษย์น้องซิ่งเหยียน เจ้าพาใครเข้ามา" เสียงอันทรงพลังเสียงหนึ่ง ดังออกจากบุรุษวัยกลางคนที่นั่งข้างๆเจ้าสำนัก

หวงเฉินฟงกับหลิวม่ออิงสะดุ้งเฮือกพร้อมกัน พร้อมมองไปยังต้นเสียง ยิ่งทำให้พวกเขาเหงื่อเเตกกว่าเดิม เนื่องด้วยบุรุษวัยกลางคนที่เอ่ยวาจานั้น

มีหน้าถมึงตึงดุร้าย ไว้เคราเเหลมเรียว ผมเผ้าสีดำน้ำตาล กำลังถลึงตาถามจูเกอะซิ่งเหยียนอย่างเอาเรื่อง

"นั่นสิ ซิ่งเหยียน เจ้าพาใครเข้ามาน่ะ" เจ้าสำนักเอ่ยปากถาม พร้อมทั้งกวาดตาดูหวงเฉินฟงกับเหลียนม่ออิงอยู่ครู่หนึ่ง

"ศิษย์พี่เกาเซิง เหตุใดท่านจึงพูดจาเช่นนี้" ชายวัยกลางคนที่หน้าตาถมึงดุร้ายไว้เคราเรียวนั้นคือ หยางเกาเซิง เป็นศิษย์น้องรองของเจ้าสำนัก

"หรือเจ้าไม่รู้ว่าการพาคนนอก ขึ้นสำนักนภาสวรรค์มันเป็นการผิดกฎของสำนัก" หยางเกาเซิงตามจิกไม่ปล่อย

"นี่ท่าน..." จูเกอะซิ่งเหยียนกำลังจะสวนกลับ

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าว่าควรให้ศิษย์น้องเล็กได้อธิบายเรื่องราวให้กระจ่างก่อนดีกว่า" สุ้มเสียงไพเราะเสียงหนึ่งดังจากสตรีวัยกลางคนเพียงหนึ่งเดียวคนนั้นได้ตัดบทพูดของจูเกอะซิ่งเหยียนไป

ที่เเท้ท่านจูเกอะซิ่งเหยียนกลับกลายเป็นศิษย์น้องเล็กของคนพวกนี้ หวงเฉินฟงคิดในใจ

"ศิษย์น้องจื่อหลานพูดมีเหตุผล" เจ้าสำนักทำท่าครุ่นคิดพร้อมทั้งพยักหน้า สตรีนางนั้นก็คือ ฟางจื่อหลาน เป็นศิษย์น้องคนที่หกของเจ้าสำนัก

"ศิษย์น้องซิ่งเหยียน เจ้าอธิบายเรื่องเด็กสองคนนี้มา" เจ้าสำนักพูดเสียงเย็นชา

หวงเฺฉินฟงกับหลิวม่ออิงหันไปมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าสำนักนภาสวรรค์จะเป็นสถานที่ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้

"เรียนศิษย์พี่เจ้าสำนัก เด็กสองคนนี้คนนึงชื่อหวงเฉินฟง อีกคนชื่อหลิวม่ออิง ข้าได้พบพวกเขาที่เมืองเป่ยเจี้ยน....." จูเกอะซิ่งเหยียนทำใจเย็น

อธิบายเรื่องราวไป รวมทั้งยังเล่าถึงโศกอนาถกรรมของหมู่บ้านเฟิงมู่ รวมถึงการสูญเสียครอบครัวของเด็กน้อยทั้งสองคนไปด้วย

เจ้าสำนักหลับตาฟังพร้อมคล้อยหัวตามเรื่องเล่าของจูเกอะซิ่งเหยียน

"เช่นนี้เป็นว่า สำนักนภาสวรรค์ของเรากลับกลายเป็นที่หลบภัยของใครๆก็ได้งั้นหรือ" หยางเกาเซิงยังเเดกดันไม่เลิก

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ที่ซิ่งเหยียนกล่าวมาก็น่าเห็นใจเด็กพวกนี้อยู่นะ" บุรุษวัยกลางคนไว้เคราหรอมเเหรม ในมือถือพัดสีขาว หน้าตามีการศึกษาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นบ้าง

"นี่ศิษย์น้องไป่เจี้ยน เจ้าหมายความว่าข้าเป็นคนโหดร้ายงั้นเหรอ" หยางเกาเซิงพูดอย่างไม่พอใจ ที่เเท้บุรุษวัยกลางคนเคราหรอมเเหรม หน้าตามีการศึกษาผู้นี้คือ กวนไป๋เจี้ยน ซึ่งเป็นศิษย์น้องคนที่ห้าของเจ้าสำนัก

*** (ศิษย์น้องคนที่สามของเจ้าสำนักชื่อ หย่งคุน ศิษย์น้องคนที่สี่ของเจ้าสำนักชื่อ อี้เจิ้งหยวน)***

หย่งคุนกับอี้เจิ้งหยวน หันไปสบตากันพร้อมกับหัวเราะที่มุมปากให้เเก่กัน

หลังจากเถียงกันอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าสำนักนภาสวรรค์จึงลืมตาขึ้น เเล้วปากขยับเหมือนกำลังจะพูดอะไร

ตุบ

เสียงคุกเข่าดังขึ้นภายในห้องโถงตำหนัก ที่เเท้เป็นจูเกอะซิ่งเหยียนได้คุกเข่าลงไปกับพื้น หวงเฉินฟงกับหลิวม่ออิงเห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่าตามไปด้วย

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก หากท่านไม่ว่าอะไรล่ะก็ ข้าอยากจะขอรับหวงเฉินฟง กับ หลิวม่ออิง เด็กสองคนนี้เป็นศิษย์ของข้า"

ภายในห้องโถงกลับกลายเป็นเงียบกริบอีกครา ........

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel