มุ่งสู่คุนหลุน
ณ ตรอก เสินจี้ เมืองเป่ยเจี้ยน
กลิ่นคาวเลือดจากร่างของชายฉกรรย์ยังคงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้น ทำให้ผู้คนละเเวกนั้นสะอิดสะเอียนจนเเทบอาเจียน เเต่บุรุษวัยกลางคนสวมชุดขาวผู้นั้นกลับยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน คล้ายกับว่าความตายของชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองก็มิปาน
"ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต" หวงเฉินฟงพึ่งตื่นจากภวัง ยกมือน้อมคำนับบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น
"ข้าน้อยหลิวม่ออิง ขอคารวะผู้มีคุณ" หลิวม่ออิงไม่ยอมน้อยหน้าหวงเฉินฟง ยกมือน้อมคำนับด้วย
"คำผู้มีคุณกลับไม่กล้ารับ ข้าเเค่ไม่ชอบเห็นคนที่ชอบรังเเกผู้ที่ไม่มีทางสู้"
ขณะนั้นสายตาหวงเฉินฟงก็ได้เหลือบไปมองที่กระบี่ที่เหน็บไว้ข้างเอวของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นเเวบนึง รอบฝักกระบี่ยังคงมีร่องรอยของเเสงสีฟ้า
"ไม่ทราบว่าข้าสามารถเรียนถามชื่อเเซ่ของท่านได้หรือไม่" หวงเฉินฟงมีความต้องการจะรู้จักผู้มีพระคุณคนนี้ของตน
"ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กน้อย นานเเล้วที่ไม่มีคนถามคำถามนี้กับข้า"
"ข้าน้อยหวงเฉินฟง ขอทราบนามของท่าน" หวงเฉินเจ้าฟงยังคงยืนกรานจะรู้ชื่อเเซ่ของบุรุษวัยกลางคนสวมชุดขาวผู้นี้ให้ได้
"เอาเถอะ ข้าคือ จูเกอะซิ่งเหยียน เเห่งสำนักนภาสวรรค์"
"สำนักนภาสวรรค์เหรอ" หลิวม่ออิงพูดพึมพำกับตัวเอง
จูเกอะซิ่งเหยียนมองดูเด็กหนุ่มที่สภาพคล้ายขอทานสองคนนี้ ก็อดเวทนาไม่ได้ จึงคิดจะพาหวงเฉินฟง กับหลิวม่ออิงส่งกลับบ้าน
"เจ้าเด็กน้อย อายุอย่างพวกเจ้าจะไปรู้จักสำนักนภาสวรรค์ได้อย่างไร เจ้าบอกมาว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะพาพวกเจ้าไปส่ง พ่อเเม่พวกเจ้าจะได้ไม่เป็นห่วง"
"พวกเราไม่มีบ้านอีกเเล้ว" หวงเฉินฟงพูดตอบกลับไปพร้อมด้วยเเววตาที่เศร้าสร้อย
"ครอบครัวพวกเราถูกคนฆ่าตายไปหมดเเล้ว" จากนั้นหลิวม่ออิงได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเฟิงมู่จนกระทั่งได้พบกับนักเลงอันพาลพวกนี้ให้จูเกอะซิ่งเหยียนฟังทั้งหมด
จูเกอะซิ่งเหยียนขณะฟังก็ส่ายหัวไปพลางทอดถอนใจพลาง
"เช่นนี้เป็นว่า พวกเจ้าก็ไม่มีบ้านให้กลับเเล้วงั้นสิ"
"พวกเราก็ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปเหมือนกัน" หวงเฉินฟงพูดเสียงสั่นเครือ
จูเกอะซิ่งเหยียนจ้องเข้าไปในดวงตาของหวงเฉินฟง เเล้วเพ่งอยู่ครู่หนึ่ง
"โชคดีนะที่ข้าบังเอิญผ่านมาที่เมืองนี้พอดี เอาอย่างงี้พวกเจ้าตามข้ากลับ
สำนักนภาสวรรค์เถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน" จูเกอะซิ่งเหยียนกลับบังเกิดความ
เอ็นดูอย่างเเปลกประหลาดกับเด็กน้อยทั้งสองคนนี้
"จริงเหรอท่าน" หลิวม่ออิงโพล่งออกมาโดยไม่อยากเชื่อ
"ข้าจะหลอกเด็กน้อยอย่างพวกเจ้าไปทำไม"
"ท่านจูเกอะ...." หวงเฉินฟงเรียกชื่อจูเกอะซิ่งเหยียนด้วยความตื้นตัน
"นี่เจ้าเด็กเเซ่หวง เจ้าเอาเเต่อ่อนเเอเช่นนี้ เเล้วเมื่อไหร่ถึงจะเเก้เเค้นให้ครอบครัวเจ้าได้"
"ข้าหวังว่าท่านจะช่วยชี้เเนะให้ข้า" สายตาของหวงเฉินฟงกลับกลายเป็นเด็ดเดี่ยวมั่นคง
"นั่นก็ต้องดูวาสนาของเรา เเต่ตอนนี้พวกเจ้าไม่ควรคิดถึงการล้างเเค้น ด้วยฝีมือเเมวสามขาอย่างพวกเจ้า ตอนนี้ไปมีเเต่้เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ"
ด้วยคำเตือนของจูเกอะซิ่งเหยียน ทำให้หวงเฉินฟงต้องหันหน้าไปมองกับหลิวม่ออิงกันเเบบ งงงวย
"ยังยืน งง กันอยู่อีก งั้นข้าไปละนะ" จูเกอะซิ่งเหยียนพูดเสร็จก็เคลื่อนที่ด้วยท่าร่างที่รวดเร็วออกจากตรอกเสินจี้
"รอด้วยท่านจูเกอะ รอพวกเราด้วย" หวงเฉินฟงกับหลิวม่ออิง ต่างโบกมือวิ่งร้องตามจูเกอะซิ่งเหยียนไปท่ามกลางฝูงคนในเมืองเป่ยเจี้ยน
ทั้งสามคนได้ออกจากเมืองเป่ยเจี้ยนไปเเล้ว....
เชิงเขาคุนหลุน
ช่วงนี้เป็นยามเย็น อากาศที่เชิงเขาคุนหลุนกำลังเย็นสบาย เทือกเขาคุนหลุนเป็นเทือกเขาที่มีความซับซ้อนทางธรรมชาติ เเละยังเป็นสถานที่ที่มีพลังเเห่งธรรมชาติ เหมาะที่จะฝึกฝนวิชาเซียน ซึ่งบนยอดเขาคุนหลุนนี้ มีสถานที่เเห่งหนึ่งที่ซึ่งผู้คนธรรมดาใฝ่ฝันที่จะขึ้นไปร่วมฝึกฝนบำเพ็ญตนซักครั้งในชีวิต ... สำนักนภาสวรรค์....
ยามนี้จูเกอะซิ่งเหยียน หวงเฉินฟง กับ หลิวม่ออิง ทั้งสามคนได้เดินทางมาถึงเชิงเขาคุณหลุนเเล้ว
"ท่านจูเกอะ วิชากระบี่ที่ท่านใช้นั้นมันคือวิชาอะไร ทำไมถึงมีอานุภาพนักล่ะ" หลิวม่ออิงยังคงสงสัยเกี่ยวกับวิชากระบี่ที่มีประกายสีฟ้านั้นไม่หาย
"เจ้านี่ถามมากกวามจริง เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เองนั่นเเหละ" จูเกอะซิ่งเหยียนขี้เกียจอธิบาย
"เชอะ" หลิวม่ออิงเเค่นเสียงไม่พอใจ
"ท่านจูเกอะ สำนักนภาสวรรค์คงจะอยู่ที่บนยอดเขานั้นใช่หรือไม่" คราวนี้เป็นหวงเฉินฟงถามบ้าง
"นับว่าเจ้ายังฉลาดอยู่บ้าง สำนักเซียนอย่างพวกเราหรือจะให้ไปอยู่ที่ตีนเขา"
"สำนักเซียน" หวงเฉินฟงทวนคำ
ช่วงเวลานั้น หลิวม่ออิงหันซ้ายเเลขวา เเต่ก็ไม่เห็นทางใดที่จะขึ้นไปบนยอดเขาคุนหลุนได้ จึงเอ่ยปากถาม
"นี่ อย่าบอกนะว่าสำนักเซียนอย่างพวกท่านจะไม่มีทางขึ้นลงเขาน่ะ"
"มีอยู่หนึ่งวิธี" จูเกอะซิ่งเหยียนเเสยะยิ้ม
"วิธีอะไร" หวงเฉินฟงกับหลิวม่ออิงต่างถามพร้อมกัน
"เหินกระบี่ไงล่ะ" จูเกอะซิ่งเหยียนพูดจบก็ชักกระบี่จากฝักออกมา พร้อมทั้งยกมือวาดกระบวนท่าออกมา หลิวม่ออิงกับหวงเฉินฟงต่างหันไปมองหน้ากันอย่างสงสัย
ฟู้ว
พริบตานั้นจูเกอะซิ่งเหยียนได้เหินกระบี่ขึ้นฟ้า พร้อมทั้งคว้าหวงเฉินฟงกับหลิวม่ออิงหนีบขึ้นไปด้วย
ทั้งสามกำลังมุ่งขึ้นสู่ สำนักนภาสวรรค์ .......