บทที่ 1 เพียงเสียงกระซิบจากอสูร 2
“ใช่ ผมเป็นเจ้านายของคุณ มีอะไรจะถามผมอีกไหม” เขาถามพลางยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกอดอกไว้หลวมๆ หรี่ตามองหล่อนทุกอิริยาบถ
น่าแปลกที่หลังจากลืมตาตื่นในคราวนี้ สีหน้าของหล่อนไม่ต่างจากเด็กน้อยหลงทางที่น่าสงสาร
น่าสงสารรึ ? เขาไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับหล่อน ผู้หญิงใจร้ายอย่างหล่อนไม่มีคุณค่ามากพอให้นึกเวทนาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉัน…” หญิงสาวชี้นิ้วโป้งเข้าหาตัวเอง ก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจนัก “ฉันเป็นใครคะ”
ครั้งนี้ไม่มีเสียงหัวเราะจากเขา มีเพียงความฉงนที่ฉายชัดในดวงตาคู่คม ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันเมื่อตะคอกลั่น
“เล่นอะไรบ้าๆพิม คุณคิดว่าถ้าแกล้งความจำเสื่อมแล้วจะทำให้หนีความผิดทางกฎหมายได้หรือไง !”
“ฉัน… ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันเป็นใคร” หล่อนว่าด้วยเสียงตะกุกตะกัก หยาดน้ำเอ่อคลอนัยน์ตาคู่สวยอย่างสับสน เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกัน ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนา ไม่ว่าจะชื่อ ตัวตน เรื่องราวในอดีต แม้กระทั่งผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้านายของหล่อนคนนี้ !
“ตลกล่ะคุณ คิดว่าผมจะเชื่อละครลิงตื้นๆของคุณเหรอไง”
ในแววตาเขาเปี่ยมด้วยความเหยียดหยัน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวทนไม่ได้ ถึงกับเม้มปากแน่น แล้วตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
หล่อนกระตุกสายน้ำเกลือออกจากหลังมืออย่างแรง ส่งผลให้เลือดไหลปริ่ม คนที่ยืนกอดอกอยู่ถึงกับรีบเผ่นเข้ามาใกล้แล้วจับมือหล่อนยึดไว้พลางเอ่ยตะคอก
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก คิดจะเรียกร้องความสนใจเหรอไง”
“ในเมื่อคุณคิดว่าฉันเล่นละคร ฉันเสแสร้ง ใช่ค่ะ…ฉันน่ะสบายดีทุกอย่าง เป็นปกติดีมาก ไม่ได้ป่วย ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ความจำเสื่อม เพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลอีกต่อไป ฉันจะออกไปจากที่นี่ค่ะ”
เบ็คอึ้ง ก่อนจะเอี้ยวตัวไปกดออดเรียกพยาบาลทั้งๆที่มือซ้ายยังคงกุมข้อมือหล่อนไว้แน่น
“เอาล่ะ…เลิกคลั่งก่อนเถอะพิม คนที่จะพิสูจน์ได้ว่าคุณไม่ได้โกหกมีเพียงหมอคนเดียวเท่านั้น”
“ฉันเป็นใคร ช่วยบอกฉัน ฉัน…” พูดได้เพียงเท่านั้น เสียงก็ขาดหายไปเสียดื้อๆ หล่อนปวดหัว ปวดทั่วเนื้อตัวเหมือนมีใครมาทุบ สิ่งที่อยู่ในสมองมีเพียงความว่างเปล่า หล่อนจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำอาชีพอะไร แล้วมาอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยสาเหตุอะไร
“พิไลวรรณ” เขาบอกห้วนๆ ก่อนเสริมต่ออีกว่า “คุณชื่อพิไลวรรณ นิกเนมคือพิม เป็นครูสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยให้ผม”
“ฉันเนี่ยนะสอนวัฒนธรรมให้คุณ” หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่น ทำไมหล่อนไม่รู้สึกคุ้นเคยกับอาชีพครูเลยแม้แต่น้อย
“ผมมาพักผ่อนเมืองไทยเลยจ้างคุณชั่วคราว เพราะมีประเพณีวัฒนธรรมไทยอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้ รวมทั้งศัพท์ไทยบางคำผมก็ไม่ถนัด”
“แล้ว…แล้วฉันเป็นอะไร ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าฉันได้รับอุบัติเหตุ” ต้องใช่แน่ๆ หากไม่ใช่อุบัติเหตุ หล่อนจะเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้หรือ ทว่าเบ็คกลับกระตุกยิ้มประหลาด
“จะเรียกว่าอุบัติเหตุก็ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าเรียกว่ากรรมจะเหมาะกว่า”
“กรรม ? ฉันไปทำกรรมอะไรไว้นักหนา”
“หึหึ หน้าซื่อมาก ตาก็ใส ปากก็แข็ง คุณทำกรรมไว้กับมี๊ของผม ทำท่านตกบันไดแล้วคิดจะหนีความผิดจนถูกรถชน กรรมทันตาเห็นแบบนี้จะปฏิเสธให้ได้อะไรขึ้นมา”
หน้าเรียวที่ซีดอยู่แล้วดูขาวลงไปอีกเป็นเท่าตัว มือหล่อนเย็นเฉียบ ตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา สิ่งว่างเปล่าที่หล่อนจำไม่ได้ แท้จริงแล้วกลับเป็นเรื่องน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คนอย่างหล่อนไม่มีทางฆ่าใครอย่างเลือดเย็นเช่นนั้นแน่ๆ อาจมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น
“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่มีทางฆ่าใครได้แน่ๆ ไม่จริง คุณเข้าใจผิด”
“แล้วมีผู้ร้ายคนไหนยกมือขึ้นแล้วประกาศว่าตัวเองเป็นคนผิดบ้างล่ะ ไม่มีหรอก”
“แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะ” เมื่อสิ้นสุดความอดทน พิไลวรรณจึงแหวเสียงลั่น ก่อนจะไอจนตัวโยน “แค่กๆๆๆ” กว่าจะหยุดไอ หล่อนก็ระบมทั่วชายโครง ถึงกับอ้าปากหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่ชายหนุ่มปล่อยมือหล่อนให้เป็นอิสระ แล้วถามเสียงเรียบว่า
“งั้นอธิบายมาสิว่าเรื่องเป็นมายังไงกันแน่”